ตอนที่ 20 น้ำลึกไฟร้อน (2)
ตอนที่ 20 น้ำลึกไฟร้อน (2)
ด้านอวี้หรูและอวี้จิ้งมีอาการไม่ต่างกับอวี้ซี
อวี้หรูมองมือที่เต็มไปด้วยแผลพุพองของตนแล้วเอ่ยตัดพ้อ "ชิงซวน เจ้าคิดว่าเราควรใช้วิธีใดเพื่อไม่ให้ถูกลงโทษ แต่ก็ไม่ให้มีใครนินทา" ประการหนึ่งคืออวี้หรูทนเรียนหนักไม่ไหว อีกประการคือรู้สึกอับอายเต็มทน ในบรรดาคุณหนูทั้งสี่ นางเป็นคนที่เรียนได้ย่ำแย่ที่สุด ทุกครั้งที่ถูกอาจารย์ตีมือก็อยากจะมุดดินหนีไปให้พ้น ทุกๆ วันเป็นเหมือนการทรมานทั้งทางกายและใจสำหรับนาง
ชิงซวนบ่นอยู่ในใจว่าไม่ว่าจะใช้วิธีใด การถอนตัวออกไปเองก็ไม่เหมาะสม คิดไปคิดมาก็ยังรู้สึกว่าควรจะเกลี้ยกล่อมคุณหนูของตนอีกครั้ง "คุณหนูเจ้าคะ เรามาลองอดทนอีกสักสองสามวัน เมื่อคุณหนูรองหรือคุณหนูสี่ถอนตัวออกไปแล้ว เราค่อยหาวิธีไม่ไปอีก แบบนี้คุณหนูก็จะไม่เป็นที่สะดุดตา" คุณหนูของนางอายุมากที่สุด หากเป็นคนแรกที่ถอนตัวออกไปคงจะน่าอับอายนัก เมื่อเห็นอาการของคุณหนูรองและคุณหนูสี่ก็ไม่สู้ดีนัก อดทนอีกสองสามวัน รอให้พวกนางทนไม่ไหวแล้วค่อยถอนตัวออกไปก็ยังได้!
อวี้หรูส่ายหน้าขณะโวยวาย "ไม่ได้แล้ว ข้าทนทุกข์ทรมานแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ข้าร่ำเรียนไปมากมายแล้ว ต่อไปก็สามารถดูแลบัญชีได้ เรียนไปมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ต่อไปเรียนงานเย็บปักถักร้อยและการดูแลบ้านให้ดีก็เพียงพอแล้ว"
ชิงซวนไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมอย่างไรแล้ว ด้านชิงเยี่ยที่หยิบยามาทาให้อวี้หรู เมื่อได้ยินคำพูดนี้ก็อดกล่าวไม่ได้ "คุณหนูเจ้าคะ ทายาแล้วนอนหลับสักงีบก็จะไม่เจ็บมือแล้ว"
อวี้หรูฟังแล้วก็ระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ "เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้สองมือของข้าแทบจะไม่ใช่ของข้าแล้ว เจ้าอยากให้มือข้าพิการถึงจะมีความสุขอย่างนั้นหรือ"
ถูกโยนความผิดขนาดนี้ ชิงเยี่ยจะกล้าพูดอะไรได้อีก
อวี้ซีพอใช้มือซ้ายได้ เพียงแต่ตัวหนังสือที่เขียนก่อนและหลังต่างกันลิบลับ ชวนให้แม่เฒ่าติงสงสัยว่าเด็กหญิงโกง จึงฉวยโอกาสระหว่างช่วงพักเอ่ยกับอาจารย์ซ่ง "การบ้านของคุณหนูสี่วันนี้มีปัญหา"
อาจารย์ซ่งเดินออกไปดูการบ้านของอวี้ซี สีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย "ไปเชิญคุณหนูสี่มาที่นี่ที" ตัวหนังสือด้านหน้าเขียนได้สละสลวย ทว่าตัวหนังสือด้านหลังกลับขี้เหร่มาก ถึงมือจะเจ็บแต่ตัวหนังสือที่เขียนออกมาคงไม่ต่างกันมากขนาดนี้ คงยากที่จะไม่ให้สงสัย
อวี้ซีตามแม่เฒ่าติงไปที่ห้องตรงข้าม ห้องนี้ตกแต่งเรียบง่าย นอกจากโต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน ก็มีเพียงภาพวาดภูเขาและแม่น้ำแขวนอยู่บนผนัง
อาจารย์ซ่งวางการบ้านของอวี้ซีลงบนโต๊ะแล้วถาม "คุณหนูสี่ เกิดอะไรขึ้น" นางเพียงหวังให้ตนเข้าใจผิด ไม่เช่นนั้นคงต้องให้อวี้ซีออกจากห้องเรียนของตนในทันที การบ้านไม่เสร็จยังพอทำเนา แต่การโกงก็คือการส่อถึงปัญหาเรื่องคุณธรรม
อวี้ซีเอ่ยอ้อมแอ้ม "เมื่อวานมือขวาของข้าเขียนหนังสือไม่ไหว แต่กลัวว่าจะทำการบ้านไม่เสร็จ จึงใช้มือซ้ายเขียนแทน ข้าไม่เคยใช้มือซ้ายเขียนหนังสือมาก่อน ตัวหนังสือที่เขียนออกมาจึงไม่สวยงาม"
อาจารย์ซ่งตกใจผงะไปเล็กน้อยแต่ก็ตอบสนองได้โดยเร็วจึงรีบบอก "เอาพู่กันกับหมึกมา" เพียงคำพูดไม่อาจพิสูจน์ได้ ต้องเห็นด้วยตาตนเองเท่านั้น
อวี้ซีไม่กลัวเช่นกัน นางหยิบพู่กันขึ้นมาด้วยมือซ้าย จุ่มหมึกแล้วเขียนคำว่า "จริงใจ" ลงบนกระดาษสีขาว ก่อนวางพู่กันลงแล้วเอ่ยด้วยท่าทีจริงจัง "อาจารย์ ต่อให้เจ็บมือแค่ไหน ข้าก็ไม่มีทางโกงโดยให้คนอื่นทำการบ้านให้" หากทำแล้วเรื่องแพร่กระจายออกไป ชื่อเสียงของนางคงได้จบสิ้น สตรีใดชื่อเสียงเสื่อมเสีย ในภายภาคหน้าคงไม่ได้คู่ครองที่ดี มีหวังถูกฮูหยินผู้เฒ่าได้ตัดหางปล่อยวัด เพราะเป็นคนที่ไม่สามารถสร้างผลประโยชน์ให้แก่ตระกูลได้อย่างแน่นอน
อาจารย์ซ่งไม่ได้อับอายเพราะเป็นฝ่ายเข้าใจผิด แต่กลับเอ่ย "เจ้าคิดเช่นนี้ได้ก็ดีแล้ว หากคนๆ หนึ่งขาดคุณธรรม แม้มีสติปัญญาฉลาดปราดเปรื่องก็ไร้ประโยชน์"
อวี้ซีพยักหน้ารับระรัว "อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว"
หลังอวี้ซีกลับออกไป แม่เฒ่าติงก็นึกทึ่งในใจมาก "ไม่คิดว่าคุณหนูสี่จะเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้ด้วย" เดิมทีนางไม่สบายใจที่รับเด็กสาวตัวจ้อยขนาดนี้เข้ามา นึกไม่ถึงว่าคุณหนูสี่จะทำให้ประหลาดใจถึงเพียงนี้
อาจารย์ซ่งพยักหน้า "เด็กคนนี้เก่งจริงๆ ทั้งที่เจ็บขนาดนั้นแต่ก็ไม่ร้องสักแอะ" อวี้หรูร้องไห้ไม่หยุด อวี้จิ้งก็มีท่าทางทุกข์ทรมานแสนสาหัส เห็นแล้วไม่สบายใจเต็มที ส่วนอวี้เฉิน อาจารย์ซ่งรู้เบื้องหลังของเจ้าตัวมานานแล้วจึงไม่แปลกใจ คนเดียวที่เหนือความคาดหมายคืออวี้ซี อดทนเก่ง เฉลียวฉลาดใช้ได้ เก่งกาจมากทีเดียว
อวี้หรูกระซิบถามอวี้ซี "น้องสี่ อาจารย์เรียกเจ้าไปทำไม" ดูจากท่าทางของอวี้ซีแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องร้าย
อวี้ซีเล่าให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง
ตอนนี้ทั้งอวี้หรู อวี้จิ้ง หรือแม้แต่อวี้เฉิน ต่างก็ตกใจ "น้องสี่ เจ้าบอกว่าเจ้าสามารถเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้ จริงหรือ"
อวี้ซีหัวเราะแล้วเขียนชื่อตนเองด้วยมือซ้าย "เมื่อวานนี้มือขวาเขียนไม่ไหว จึงนึกอยากลองใช้มือซ้ายเขียนดู ไม่คิดว่าจะเขียนหนังสือด้วยมือซ้ายได้จริงๆ แต่ตัวหนังสือที่เขียนออกมาไม่ค่อยสวย"
สายตาของอวี้เฉินฉายแววซับซ้อน โดยปกติแล้วนางมักเคยชินกับการที่ตนเองเก่งกว่าผู้อื่น จู่ๆ อวี้ซีมีสิ่งที่โดดเด่นกว่าตนเอง ย่อมทำให้จิตใจสั่นไหวเป็นธรรมดา
อวี้ซีไม่รู้ว่าอวี้เฉินคิดอะไร เพียงรู้สึกว่าวันนี้อาจารย์ซ่งไม่ได้คัดค้านที่นางจะใช้มือซ้ายเขียนหนังสือ ต่อไปนี้หากเมื่อยมือขวาก็สามารถเปลี่ยนมาใช้มือซ้ายได้
แม่นมเซินดีใจมากเมื่อรู้ว่าอวี้ซีได้รับความสนใจจากอาจารย์ซ่ง "คุณหนู เรื่องนี้ทำให้ท่านอาจารย์ซ่งเห็นท่านในสายตาแล้ว ตราบใดที่ยังคงพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าอาจารย์ซ่งอาจรับคุณหนูเป็นศิษย์ก็ได้" นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก และนางก็จะพลอยได้รับเกียรติไปด้วย
อวี้ซีถามด้วยรอยยิ้ม "ท่านคิดว่าอาจารย์ซ่งจะเลือกข้าแทนพี่สามหรือ"
แม่นมฟางไม่เคยคิดที่จะให้อวี้ซีเปรียบเทียบตนเองกับอวี้เฉิน ทั้งสองคนไม่ใช่อยู่ระดับเดียวกัน "อาจารย์ซ่งไม่ได้บอกว่าจะเลือกคุณหนูสามเพียงคนเดียว หากคุณหนูได้รับความชื่นชอบจากอาจารย์ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรับทั้งสองคนเป็นศิษย์"
อวี้ซีส่ายหน้าบอก "ข้าก็หวังเช่นนั้น แต่คงยาก" ในใจลึกๆ อวี้ซีก็หวังว่าจะได้เรียนกับอาจารย์ซ่ง แต่นางก็รู้ตัวดีว่าความคิดนี้ยากจะเป็นจริง
ตกเย็นอวี้ซีกำลังทำการบ้าน แม่นมเซินก็ยกโจ๊กหูฉลามมาหนึ่งชามพลางเอ่ย "คุณหนู ทานโจ๊กหูฉลามก่อนเถิดเสร็จแล้วค่อยเขียนหนังสือต่อ"
อวี้ซีแปลกใจเล็กน้อย "หูฉลามหมดแล้วไม่ใช่หรือ วันนี้ท่านป้าส่งหูฉลามมาอีกแล้วหรือ" ชาติก่อนนางไม่แยแสสิ่งใด เครื่องประดับล้ำค่าที่มารดาทิ้งไว้ให้จึงสูญหายไปหมดสิ้น ตอนนี้อวี้ซีได้บทเรียนแล้ว คอยใส่ใจเรื่องราวทุกอย่างในเรือนเฉียงเวย ทำให้ไม่กลัวคนรอบข้างหลอกลวงหรือทำให้ผลประโยชน์ของนางเสียหาย
แม่นมเซินส่ายหน้าเอ่ย "ฮูหยินผู้เฒ่ามอบให้คุณหนู ชุ่ยอวี้เพิ่งมาส่งเมื่อครู่เจ้าค่ะ" มันหมายความว่าคุณหนูได้รับคำชมจากอาจารย์ซ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้รางวัล
อวี้ซีไม่ได้รู้สึกยินดีนัก เพียงถามกลับ "ส่งให้ข้าคนเดียวหรือว่าทุกคน" นางไม่ต้องการให้ใครปฏิบัติต่อนางเป็นพิเศษ
แม่นมเซินตอบพร้อมส่งยิ้ม "คุณหนูสามก็มี"
อวี้ซีร้องอ๋อแล้วนั่งลง ทานโจ๊กหูฉลามหมดชามในเวลาไม่นาน จากนั้นก็เขียนหนังสือต่อ
แม่นมเซินรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง นางพยายามมานานแล้ว ทว่าคุณหนูสี่ก็ยังไม่ยอมไปแสดงตัวต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า เด็กหญิงมีความคิดหนักแน่นเป็นของตนเอง ไม่ใช่คนที่จะสามารถควบคุมได้ แต่หากไม่เป็นที่โปรดปรานจากฮูหยินผู้เฒ่า ในอนาคตก็คงต้องลำบากไม่น้อย
ในเวลาเดียวกันนี้ อวี้หรูกำลังเขียนการบ้านอยู่ข้างหน้าต่างที่เปิดค้างไว้
จู๋เซวียนเข้ามาในห้อง เห็นว่าหน้าต่างเปิดอยู่จึงเตรียมจะเข้าไปปิด แต่อวี้หรูกลับห้ามไว้ "อย่าปิด ข้ารู้สึกร้อน"
อีกฝ่ายเป็นสาวใช้คนสนิทของอวี้หรู ไหนเลยจะไม่รู้ความคิดของเจ้านาย "คุณหนู คุณหนูจะทำเช่นนี้จริงๆ หรือเจ้าคะ หากทำเช่นนี้แล้วคงไม่มีโอกาสกลับใจอีก" นางเองก็สงสารคุณหนูของตน เพียงแค่รู้สึกว่าการถอนตัวออกไปเป็นคนแรกนั้นเป็นเรื่องน่าอับอาย
อวี้หรูมองมือที่บวมและยังไม่ยุบลง นางกัดฟันเอ่ย "ข้าจะไม่เสียใจ" นางไม่เฉลียวฉลาดเท่าพี่สาม ไม่อดทนเท่าน้องสี่ นางทนไม่ไหวแล้ว จึงทำได้เพียงใช้กลอุบายนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเยาะเย้ย
จู๋เซวียนแอบสลดหดหู่ "คุณหนู คิดให้ดีอีกครั้งเถิด ข้าได้ยินมาว่าจะลำบากในช่วงแรกเท่านั้น ทนผ่านครึ่งเดือนแรกไปได้ก็จะดีขึ้นแล้ว"
อวี้หรูส่ายหน้าขณะเอ่ยด้วยความทรมาน "ข้าทนไม่ได้แม้แต่วันเดียว" มือซ้ายของนางเจียนจะพิการแล้ว มือขวาก็เกือบใช้การไม่ได้ อย่าว่าแต่ครึ่งเดือน แม้แต่วันเดียวนางก็ไม่ต้องการรอ
สาวใช้ถอนหายใจเบาๆ นางรู้จักนิสัยคุณหนูของตนดี ตอนนี้เจ้าตัวไม่อาจทนทุกข์จนต้องการล้มเลิก แต่เมื่อคุณหนูสามและคุณหนูสี่ร่ำเรียนสำเร็จ คุณหนูของนางจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน ถึงกระนั้นนางก็รู้ดีว่าตอนนี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์
อวี้ซีไม่เห็นอวี้หรูในห้องเรียนก็คิดในใจว่าคงจะถอดใจไปแล้ว เดิมทีคิดมาเสมอว่าผู้ที่ถอดใจเป็นคนแรกน่าจะเป็นอวี้จิ้ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นอวี้หรู
กระทั่งช่วงพักอวี้ซีก็ได้ยินซื่อชูเอ่ย "ท่านหมอบอกว่าคุณหนูใหญ่ร่างกายอ่อนแอ หักโหมเกินไปจนล้มป่วย และบอกอีกว่าอาการของคุณหนูใหญ่ต้องได้รับการดูแลอย่างดี" คำพูดของท่านหมอก็เหมือนเป็นการบอกกลายๆ ว่าคุณหนูใหญ่จะไม่มาเรียนอีกแล้ว
อวี้จิ้งโวยวายหลังได้ยิน "แกล้งป่วยหรือเปล่า" ไม่แปลกที่นางจะสงสัยเช่นนี้ เพราะวิธีการสอนของอาจารย์ซ่งนั้นทรมานคนจริงๆ นางเองก็ทนไม่ไหว หากไม่ใช่เพราะถูกมารดาบังคับ และมีการแต่งงานกับตระกูลใหญ่ล่อใจอยู่ นางก็คงถอดใจไปแล้วเช่นกัน
อวี้เฉินเหลือบมองอวี้จิ้งแล้วเอ่ย "ท่านหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เขาคงไม่พูดโกหก" คุณหนูใหญ่ในจวนก็เสมือนกึ่งตัวประกอบ จะมีอำนาจอะไรไปขอให้ท่านหมอช่วยโกหก
ด้านอวี้จิ้งมองอวี้ซีด้วยความสงสัยก่อนถาม "พูดถึงเรื่องนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่ล้มป่วย" ก่อนจะเป็นฝีดาษ อวี้ซีก็ป่วยออดๆแอดๆ มาตลอด ในบรรดาพวกนางสี่คน นางเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอที่สุด ตอนนี้อาจารย์ซ่งทรมานพวกนางขนาดนี้ อวี้หรูยังล้มป่วย อวี้ซีกลับไม่เป็นอะไร อวี้จิ้งจึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล
อวี้ซีเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ร่างกายของข้าฟื้นฟูดีแล้ว" ครึ่งปีมานี้นางพยายามออกกำลังกายอย่างหนัก กอปรกับการกินอาหารที่เหมาะสม และยังมีอาหารมื้อดึกอีกหนึ่งมื้อ ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมมาก
อวี้จิ้งกล่าวค่อนแคะ "บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าน่ะดวงแข็ง ไม่เช่นนั้น..."
อวี้เฉินปรามด้วยสีหน้าเย็นชา "พี่รอง อย่าพูดอะไรมั่วซั่ว" หากได้ชื่อว่าเป็นคนดวงแข็ง ในอนาคตอวี้ซีจะหาคู่ครองได้ยาก คำพูดเรื่อยเปื่อยของอวี้จิ้งสามารถทำลายทั้งชีวิตของอวี้ซีได้เลยทีเดียว
แม้อวี้จิ้งจะไม่พอใจอวี้เฉินมาก แต่เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอีกฝ่ายแล้วก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก แท้จริงในใจของนางก็ยังคงหวั่นเกรงน้องสาวผู้นี้อยู่
อวี้ซีไม่ต้องการได้ชื่อว่าเป็นคนดวงแข็งเช่นกัน จึงเงยหน้าขึ้นบอก "การที่ข้ารอดตายมาได้ย่อมต้องมีโชคในภายหลังที่รอข้าอยู่ข้างหน้า"
ท่าทางไร้เดียงสาของอวี้ซีทำเอาอวี้จิ้งโมโหไม่น้อย