ตอนที่ 1058 เผยตัวได้แล้ว(ฟรี)
มู่หยานไม่ได้เดินเข้าไปใกล้เกิน นางพยักหน้าเล็กน้อย และถามว่า “ท่านนักพรต ท่านตั้งใจทิ้งถุงผ้าไหมเอาไว้เพื่อให้ข้ามาที่นี่หรือ?”
รอยยิ้มของหวางเหอชะงักไป เขามองกู่ฉางเกอที่ยืนอยู่ข้างๆ นาง
เขารู้สึกว่าแผนการของเขาคงไร้ประโยชน์ ไม่อย่างนั้น มู่หยานคงไม่สนิทสนมกับกู่ฉางเกอขนาดนี้ นางคงนำเรื่องถุงผ้าไหมไปเล่าให้กู่ฉางเกอฟังแล้ว
ว่าที่จักรพรรดินีผิงเทียนคนนี้ ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อย
หรือว่าผู้หญิงทุกคนมักจะโง่งมเรื่องความรัก พวกนางแยกแยะความจริงไม่ออก?
หวางเหอเหลือบมองกู่ฉางเกอที่ดูเฉยเมย จากนั้นก็หันกลับไป
แม้ว่าในใจของเขาจะมีความคิดมากมาย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกๆ ออกมา
“ท่านผู้นี้ต้องเป็นนายน้อยกู่ ผู้โด่งดังไปทั่วเมืองโบราณกู่เฟิงแน่เลย”
“ข้าชื่อหวางเหอ ยินดีที่ได้รู้จัก”
หวางเหอไม่ได้ตอบคำถามของมู่หยาน เขาหันไปทักทายกู่ฉางเกอ
กู่ฉางเกอมองไปรอบๆ บนใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อน เขาพยักหน้าเล็กน้อย และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านหวางไม่ต้องสุภาพ ข้าได้ยินหยานเอ๋อร์พูดถึงท่านแล้ว ข้ารู้ว่าท่านสนิทกับพ่อของหยานเอ๋อร์ ตอนที่หยานเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย ท่านก็คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วย ข้าขอขอบคุณน้ำใจของท่านแทนหยานเอ๋อร์”
เมื่อได้ยินกู่ฉางเกอเรียกมู่หยานว่า "หยานเอ๋อร์" สีหน้าของหวางเหอก็แข็งค้าง
มู่หยานเองก็ไม่คิดว่ากู่ฉางเกอจะเรียกนางแบบนั้น ใบหน้าของนางแดงก่ำอย่างเขินอาย
“นายน้อยกู่ ท่านไม่ต้องสุภาพ ข้ากับพ่อของหยานเอ๋อร์ผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ในเมื่อลูกสาวของเขาเดือดร้อน ข้าก็ต้องช่วย” แน่นอนว่าหวางเหอไม่ใช่คนธรรมดา เขาตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว และยิ้มออกมา
ตอนนี้ เขารู้แล้วว่ามู่หยานคงนำเรื่องราวทั้งหมดไปเล่าให้กู่ฉางเกอฟังแล้ว แผนการของเขาคงไร้ประโยชน์
น่าแปลกจริงๆ จักรพรรดินีผิงเทียนผู้โหดเหี้ยม ใจคอโหดร้าย ทำลายล้างเผ่าพันธุ์กลับไม่สามารถจัดการกับเรื่องความรักได้
เมื่อคิดได้แบบนี้ หวางเหอจึงตัดสินใจเปลี่ยนวิธี เขาไม่สามารถแสดงท่าทีเป็นศัตรูกับกู่ฉางเกอได้
“ข้าต้องขอขอบคุณท่านหวางที่คอยเป็นห่วงหยานเอ๋อร์ พ่อของหยานเอ๋อร์คงจะดีใจมากถ้ารู้เรื่องนี้” กู่ฉางเกอยังคงยิ้ม หวางเหอไม่กล้าพูดถึงพ่อของมู่หยานมากนัก เพราะเขากลัวว่าจะเผลอพูดอะไรออกไป เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง
อย่างไรก็ตาม มู่หยานก็ยังคงสงสัยว่าทำไมเขาถึงทิ้งถุงผ้าไหมเอาไว้
หวางเหอถอนหายใจเบาๆ และอธิบายว่า “แม้ว่าข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ข้าก็มีความรู้เรื่องการทำนายอยู่บ้าง ตอนที่ข้าบ่มเพาะ ข้าเผอิญได้รับมรดกของอารยธรรมเต๋าเซียน เป็นมรดกที่ทิ้งไว้โดยเซียนโบราณผู้แข็งแกร่งในอาณาจักรโบราณแสนห่างไกล หลังจากนั้น ข้าก็ศึกษาอย่างจริงจัง และนั่นก็ทำให้ข้าค้นพบสมบัติล้ำค่าของเผ่าเทพนิรันดร์ ซึ่งมันตกไปอยู่ในมือของเจ้า”
คำอธิบายของเขาทำให้มู่หยานเข้าใจอะไรมากขึ้น
อารยธรรมเต๋าเซียนนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการทำนายมากกว่าอารยจิตอมตะ
นางเคยเห็นผู้บ่มเพาะระดับเต๋าที่มีความสามารถในการทำนายโชคชะตา ค้นความลับของสวรรค์
จากการรับรู้เต๋าสวรรค์ ทำนายโชคดีและโชคร้ายของคน เลี่ยงเภทภัย แสวงหาโชคดีจนเกือบเป็นอมตะ
“ตอนที่ข้าเจอเจ้าครั้งแรก ข้าไม่รู้ว่าจะมอบอะไรให้ดี ในตอนนั้น ข้าทำนายได้ว่าสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นกำลังจะปรากฏขึ้นในปี้โหยวเทียนจิ้ง ข้าจึงทิ้งถุงผ้าไหมเอาไว้ เพื่อแจ้งข่าวให้เจ้า…” หวางเหอยิ้มและอธิบายต่อ
คำพูดของเขานั้นไร้ที่ติ แม้แต่มู่หยานก็ยังจับพิรุธไม่ได้
“สมบัติล้ำค่าที่ท่านหวางพูดถึง คือเตาหลอมเทพนิรันดร์อย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่กู่ฉางเกอพูด เตาหลอมเทพนิรันดร์ก็ลอยออกมาจากฝ่ามือของเขา
"เตาหลอมเทพนิรันดร์?”
“ทำไม...ทำไมถึงอยู่ในมือของนายน้อยกู่ได้ล่ะ?”
หวางเหอตกใจ เขาถามออกไปโดยไม่ทันคิด ไม่คิดเลยว่าเตาหลอมเทพนิรันดร์จะอยู่ในมือของกู่ฉางเกอ
หรือว่ามู่หยานมอบมันให้?
ทันใดนั้น ความรู้สึกอิจฉาริษยาก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา
จักรพรรดินีผิงเทียนที่เขาชื่นชม ยอมทำถึงขนาดนี้เพื่อผู้ชายคนหนึ่งเลยงั้นเหรอ?
หวางเหอมีตำราขุดคุ้ย เขาเคยเห็นบันทึกบางอย่างเกี่ยวกับจักรพรรดินีผิงเทียน
แม้แต่ในชีวิตของคนอื่น นางก็ยังเป็นตัวเอก นางเป็นอัจฉริยะ
นางเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจและงดงามที่สุดในอารยธรรมจิตอมตะอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในขณะเดียวกัน นางก็เป็นบุคคลที่แปลกประหลาดที่สุด โหดเหี้ยม เย่อหยิ่ง และก้มมองอดีตกับปัจจุบัน
แม้แต่เผ่าเทพนิรันดร์ก็ยังถูกนางทำลาย
ตระกูลใหญ่ก็ยังต้องยอมถอย ในช่วงเวลาที่นางปกครองอารยธรรมจิตอมตะ วิญญาณทั้งหมดต่างก็บูชานาง
แดนต้องห้ามและแดนประหลาดที่เป็นศัตรูกับนางต่างก็ปิดผนึกตัวเอง ไม่กล้าส่งคนออกไป นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขากลัวนางมากแค่ไหน
ในบรรดาเรื่องราวต่างๆ สิ่งที่น่าตกตะลึงที่สุดก็คือสิ่งที่เขย่าอดีตกับปัจจุบัน
ร่องรอยของภัยพิบัติสีดำที่เคยก่อหายนะครั้งใหญ่พยายามที่จะกลับมาอีกครั้ง หมอกสีดำปกคลุมอารยธรรมจิตอมตะ พยายามรุกล้ำและกัดกินภพต่างๆ
ในช่วงเวลาคับขัน จักรพรรดินีผิงเทียนก็ปรากฏตัวขึ้น นางใช้พลังของนางคนเดียวปราบปรามร่องรอยของภัยพิบัติสีดำ ยืนหยัดเหนือทุกยุคสมัย
แม้ว่าหวางเหอจะได้เรียนรู้เรื่องราวของจักรพรรดินีผิงเทียนจากชีวิตของคนอื่น แต่นั่นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความชื่นชมของเขาที่มีต่อนาง
“บางที จักรพรรดินีผิงเทียนในอนาคต คงต้องตัดขาดอดีต เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่…”
สำหรับนางแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ คงเป็นบททดสอบ
ความคิดมากมายแล่นเข้ามาในหัวของหวางเหอ
“ดูเหมือนว่าท่านหวางก็รู้จักมันเช่นกัน งั้นข้าจะดูแลหยานเอ๋อร์เองนับจากนี้ไป”
กู่ฉางเกอสังเกตเห็นสีหน้าประหลาดใจของหวางเหอ เขาจึงพูดขึ้นลอยๆ จากนั้นก็เก็บเตาหลอมเทพนิรันดร์ไป
หวางเหอดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเตาหลอมเทพนิรันดร์มากนัก
ถ้าเขาไม่ได้คิดจะแย่งชิงเตาหลอมเทพนิรันดร์ งั้นเขาก็ต้องมีแผนการอื่นอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ กู่ฉางเกอแกล้งเรียกมู่หยานว่า "หยานเอ๋อร์"
…
เขารู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ผันผวนของหวางเหอ
ผู้ชายคนนี้มีโชคชะตาไม่ธรรมดา เขาอาจจะมีสมบัติที่สามารถตรวจสอบโชคชะตาหรือฐานะของผู้อื่นได้
“ยังไงซะ หากมันอยู่ในมือของนายน้อยกู่ แม้แต่เผ่าเทพนิรันดร์ก็คงไม่กล้าแย่งชิง” หวางเหอกลับสู่สภาวะปกติและยิ้ม
“เรื่องนั้น ท่านหวางเข้าใจผิดแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ บุตรเทพแห่งเผ่าเทพนิรันดร์เพิ่งจะถูกข้าฆ่าตาย เพราะเขาต้องการแย่งชิงเตาหลอมเทพนิรันดร์” กู่ฉางเกอพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าเชื่อว่าเผ่าเทพนิรันดร์คงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่”
“อะไรนะ?” หวางเหอตกตะลึงอีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป ถ้าเขาไม่ได้มองไปที่มู่หยาน และพบว่านางไม่ได้สนใจอะไร เขาคงคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว
บุตรเทพแห่งเผ่าเทพนิรันดร์เป็นน้องชายของมู่หยาน? และนางปล่อยให้กู่ฉางเกอฆ่าเขา? ยิ่งไปกว่านั้น กู่ฉางเกอยังกล้าบอกเรื่องนี้กับเขา?
ทำไมก็ไม่รู้ พอคิดถึงเรื่องพวกนี้ หวางเหอก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ
กู่ฉางเกอไม่ได้สนใจท่าทางของหวางเหอ เขามองไปรอบๆ
“ภายในถ้ำแห่งนี้ ต้องมีสมบัติล้ำค่าของเผ่าเทพนิรันดร์ซ่อนอยู่แน่ๆ แต่น่าเสียดาย ค่ายกลโดยรอบดูธรรมดาเกินไป ไม่อาจแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าท่านหวางคิดอย่างไร?” เขาพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ
หวางเหอรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว เขากลัวจนขยับตัวไม่ได้ เขารู้สึกว่ากู่ฉางเกอคงเห็นค่ายกลที่เขาวางไว้แล้ว
“ที่นี่...ที่นี่อันตราย ค่ายกลพวกนั้นน่าจะเป็นของเก่า บางส่วนก็เสียหายไปแล้ว ตราบใดที่เราไม่ไปยุ่งกับมัน ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
หวางเหอพยายามสงบสติอารมณ์ และตอบออกไป
อย่างไรก็ตาม เขามีพลังแข็งแกร่งระดับกึ่งเต๋า แม้ว่าจะถูกปี้โหยวเทียนจิ้งกดขี่ แต่เขาก็ยังคงแข็งแกร่ง
เขามั่นใจในพลังของตัวเองมาก ตลอดมา มีน้อยคนนักที่จะแข็งแกร่งกว่าเขา
“ถ้าอย่างนั้น ข้าก็วางใจได้”
กู่ฉางเกอยังคงยิ้ม เขาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว
ทันใดนั้น กลิ่นอายแห่งความตายก็พุ่งออกมา ค่ายกลอักขระส่องแสง วิวัฒนาการเป็นจักรวาลอันกว้างใหญ่ โจมตีเขา อย่างไรก็ตาม กู่ฉางเกอเพียงแค่โบกมือ ค่ายกลก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับควันที่โดนลมพัด
เมื่อเห็นภาพนี้ ใบหน้าของหวางเหอก็ซีดเผือด ฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
“ข้าเกือบลืมไปแล้ว คนที่คว้าความสนใจข้าในเมืองโบราณกู่เฟิง ควรจะเผยตัวได้แล้วมั้ง?”
อย่างไรก็ตาม ขณะที่กู่ฉางเกอกำลังจะเดินไปถึงหน้าถ้ำ เขาก็หยุดกะทันหัน เขาหันกลับมามองหวางเหอ และพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ