ตอนที่แล้วการกลับมา
ทั้งหมดรายชื่อตอน

การกลับมา (ต่อ)


สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จางหยวนชิงพยายามทำให้ตัวเองพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบที่สุด

“เจ้าหน้าที่ตำรวจหลี่ ผมจางหยวนชิงครับ”

“.....อ่อ คุณเองเหรอ” อีกฝ่ายหัวเราะ “ดึกดื่นขนาดนี้โทรมาหาผมมีธุระอะไร”

จางหยวนชิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมมีเบาะแสจะรายงานคุณตำรวจครับ ที่จริงก่อนที่เหล่ยอี้ปิงจะหายตัวไป เขาเคยส่งการ์ดสีดำอันหนึ่งมาให้ผม”

“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก”

น้ำเสียงของหหลี่ตงเจ๋อไม่มีความประหลาดใจแม้แต่น้อย

นี่.....จางหยวนชิงลังเลเล็กน้อย แล้วเล่าถึงการคาดเดาของตัวเองเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปของพี่ชายให้กับอีกฝ่ายฟังอย่างละเอียด

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะออกมา

“หนุ่มน้อย นายนี่เล่นละครเก่งจริงๆ ด้วยนะ”

กวนหยาพูดถูก จางหยวนชิงเป็นคนที่มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว นักศึกษามหาวิทยาลัยที่มองโลกในแง่ดี ร่าเริง แจ่มใส ถ้าเป็นคนทั่วไปคงบอกเขาหมดเปลือกตั้งแต่ทีแรกแล้ว คงไม่มีความระมัดระวังตัวมากขนาดนี้

“ขอโทษครับ.....”

จางหยวนชิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที ไม่สิ เข้าสู่ประเด็นหลักเลยต่างหาก

“คืนนี้ผมเจอเรื่องแปลกๆ ที่ยากจะเข้าใจหลายเรื่อง แต่ก่อนอื่น เอาเป็นว่าที่ผมเล่าไปก่อนหน้านี้คุณเชื่อเรื่องที่ผมพูดไหม”

“ฮ่าฮ่าๆๆ สรุปก็คือนายออกมาจากแดนวิญญาณได้แล้วงั้นสิ” น้ำเสียงของหหลี่ตงเจ๋อมีแววปลื้มใจเล็กน้อย

ใช่ เพิ่งออกมาเมื่อกี้สดๆ ร้อนๆ เลย เกือบตายเลยด้วยซ้ำ.....แต่เมื่อได้ยินคำตอบแบบนี้ จางหยวนชิงก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที

แสดงว่าอีกฝ่ายคงรู้จักแดนวิญญาณจริงๆ

หหลี่ตงเจ๋อกล่าว “ไอ้หนุ่มน้อย ผมขอแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการเลยละกันนะ ในที่สุดนายก็ได้เป็นนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณแล้ว นี่คือชื่อเรียกของพวกเรา หรือเรียกสั้นๆ อีกอย่างว่า เทพราตรี พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณเหมือนกันหมดนั่นแหละ เพียงแต่ผมเป็นนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมกฏหมาย ส่วนนายเป็นนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณดินแดนแห่งป่า”

นักเดินทางแห่งแดนวิญญาณ.....จางหยวนชิงพิจารณาประโยคนี้แล้วถามว่า

“วิญญาณคืออะไร”

เขามีคำถามมากมายที่อยากจะหาคำตอบ แต่ก็ได้แต่เริ่มจากคำถามพื้นฐานที่สุด

“ตอนนี้ผมบอกคุณไม่ได้หรอก แต่ถ้าคุณอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับวิญญาณ คุณต้องตัดสินใจเลือก” หหลี่ตงเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ทางการมีท่าทีต่อวิญญาณสองแบบ แบบแรกคือการรับเข้ามาและฝึกฝน อีกแบบคือการควบคุมและดูแล แบบแรกหมายถึงการเข้าร่วมกับเรา กลายเป็นสมาชิกนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณของทางการ

“ส่วนแบบหลังคือการเป็นนักผจญภัยอิสระ เพียงแค่ลงทะเบียนกับเรา สัญญาว่าจะไม่ใช้ความสามารถในการละเมิดกฎหมาย เราก็จะไม่ยุ่งเกี่ยว แน่นอน คุณก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากทางการเหมือนกัน”

จางหยวนชิงพูดโดยไม่ลังเล “ผมยินดีเข้าร่วมสมาคม เพื่อชาติ เพื่อประชาชน ผมยอมสละเลือดเนื้อและชีวิต”

หหลี่ตงเจ๋อหัวเราะ “สมกับเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ มีจิตสำนึกที่ดีสูงมาก”

จางหยวนชิงแยกไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังเยาะเย้ยหรือชื่นชม “งั้นก็พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าแปดโมง ฉันจะไปรับนาย” หหลี่ตงเจ๋อกล่าว

อะไรนะ ไม่ใช่ตอนนี้เหรอ จางหยวนชิงลังเล “พรุ่งนี้เหรอ”

“แล้วจะให้เป็นตอนไหน ตอนนี้กี่โมงแล้ว นายอยากจะมาสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อสมาคม ก็ต้องรอให้สมาคมเปิดทำการก่อน”

ไม่คิดจะคุยทางโทรศัพท์สินะ สงสัยคงจะกลัวฉันเปลี่ยนใจถึงไม่ยอมให้ข้อมูลฟรีๆ แต่ถึงกับต้องรอเจอกันตัวเป็นๆ พรุ่งนี้เลยเหรอ.....จางหยวนชิงทำได้แค่พูดอย่างจำใจ “ได้ครับ”

วางสายแล้ว เขามองโทรศัพท์ เวลาแสดง 23.00 น. เวลาในแดนวิญญาณผ่านไปเท่ากับโลกภายนอก

ติดต่อกับสมาคมของทางการได้สำเร็จ จางหยวนชิงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก ตอนนี้ความเหนื่อยล้าจากการต่อสู้เอาชีวิตรอดในแดนวิญญาณถาโถมเข้ามาอย่างรุนแรง

เขานอนลงบนเตียง ตั้งนาฬิกาปลุก เปลือกตาก็หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ และหลับไปอย่างสนิท

เช้าวันรุ่งขึ้น เวลา 07.15 น. จางหยวนชิงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก หัวใจแทบหยุดเต้นจนจะตายคาที่

เขาปิดนาฬิกาปลุกแล้วก็ลุกจากเตียงพร้อมกับหาวอย่างง่วงงุน

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเลย ฝันร้ายตั้งหลายครั้ง ฝันแต่เรื่องภูตผีปีศาจอะไรก็ไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็หลายครั้งเหมือนกัน

ในห้องรับแขก คุณตากำลังนั่งดูข่าวอยู่บนโซฟา ผมของท่านหงอกขาวบาง ศีรษะใหญ่ ใบหน้าเหี่ยวย่นเคร่งขรึม ไร้อารมณ์ขัน แฝงไว้ด้วยความเข้มงวด

ขณะที่คุณยายกำลังทำอาหารเช้าอยู่ที่ห้องครัว ส่วนน้าสาวก็นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่เก้าอี้ข้างโต๊ะอาหาร แก้มป่องเหมือนหนูแฮมสเตอร์ที่น่ารัก

“ตื่นเช้าจัง”

น้าสาวมองหลานชายที่ดูหมดแรงอย่างพินิจพิจารณา แล้วก็พึมพำ “ทำเหมือนไปเสพสุขที่ไหนมาสักที่เลยนะ เมื่อคืนไปทำอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า เดี๋ยวฉันจะไปตรวจถังขยะแก”

ในยามปกติ จางหยวนชิงคงจะโต้กลับอย่างประชดประชันว่า จะไปหาอะไรกินในถังขยะหรือไงฮ๊ะ?

แต่ตอนนี้เขากำลังกังวลเรื่องวิญญาณและการพบปะกับสมาคมของทางการอยู่ ดังนั้นไม่มีอารมณ์จะเถียงกับน้าสาวคนนี้หรอก

เขานั่งลงข้างๆ ผู้หญิงคนนี้ด้วยความหมดอาลัยตายอยาก แล้วก็รออาหารเช้ามาเสิร์ฟอย่างงงๆ

ไม่นานคุณยายก็เดินออกมาพร้อมกับโจ๊ก ขนมปังปิ้ง ไข่ต้ม และซาลาเปาไส้หมู

จางหยวนชิงจิบโจ๊กร้อนๆ เพื่อให้ชุ่มคอ แล้วก็มองไปที่คุณตาแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “ตา ผมจำได้ว่าหลังจากที่คนงานในทีมก่อสร้างอุโมงค์เสอหลิงหายตัวไป กรมตำรวจก็จัดทีมค้นหา ตาก็อยู่ในทีมนั้นด้วยใช่เปล่าครับ”

คุณตาพยักหน้าแล้วก็พูดด้วยความสงสัย “นั่นมันเรื่องนานมากแล้วนะ จะถามทำไม”

“ก็เมื่อวานผมไปเห็นข่าวนี้ในอินเทอร์เน็ต ตารู้ไหม ตอนนั้นคนที่รอดชีวิตที่ไปเจอเข้าสภาพเป็นไงบ้าง”

คุณตาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ตาก็ลืมไปแล้ว เรื่องมันนานมากแล้วจะตายไป ใครจะจำได้”

“ไม่ใช่ว่าเขาหายตัวไปอีกเหรอ” คุณยายที่อยู่ข้างๆ พูดแทรกขึ้นแล้วก็เข้าร่วมการสนทนาด้วยความสนใจ “ข่าวดังจะตาย ที่ทีวีออกข่าวกันโครมๆ ไงว่ามันเป็นการหายตัวไปที่ลึกลับมาก ตอนนั้นเรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ในกรมตำรวจหวาดกลัวกันมาก จนต้องให้หัวหน้าระดับบิ๊กๆ ลงมาปลอบใจลูกน้องกันยกใหญ่เลย”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ” คุณตาไม่ยอมรับ

“ตาเฉินเอ้ย แกแก่แล้วหรือเปล่า เป็นโรคสมองเสื่อมล่ะสิท่า ก็แกเป็นคนเล่าให้ฉันฟังเอง” คุณยายพูดอย่างหนักแน่น

..... คุณตาก้มหน้าลงกินโจ๊ก “เรื่องเหลวไหลทั้งเพน่า อย่าไปคลั่งไคล้เรื่องงมงายแบบนี้เลย เธออายุมากขึ้นทุกวันแต่กลับยิ่งปากมาก”

เจอตัวแล้วแต่ก็หายไปอีกรอบงั้นเหรอ..... จางหยวนชิงดื่มโจ๊กไปหนึ่งคำด้วยความรู้สึกหดหู่

เห็นได้ชัดว่าผู้รอดชีวิตคนนั้นได้เข้าไปในแดนวิญญาณอีกครั้งหลังจากผ่านไป 36 ชั่วโมง และครั้งนี้เขาไม่สามารถออกมาได้อีก

เขาคาดการณ์ไม่ผิด ในวัดซันเต้าซานมีโอกาสเสี่ยงตายสูงมาก ภารกิจหลักที่สองอันตรายมากจริงๆ

รถตู้สีดำคันหนึ่งค่อยๆ ขับมาจอด ประตูรถเปิดออกโดยอัตโนมัติ หหลี่ตงเจ๋อนั่งอยู่บนโซฟาหนังสีขาว พิงไม้เท้าและไขว่ห้าง เขาแต่งตัวเหมือนเมื่อวานนี้ ชุดสูทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว ผมเผ้าเรียบร้อย แถมด้วยเคราแพะเล็กๆ

“ขึ้นรถมาได้แล้ว ไอ้หนุ่มนักศึกษา” หหลี่ตงเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม

“ได้ครับ คุณตำรวจ” จางหยวนชิงยิ้มตอบ

หลังจากที่เขาขึ้นรถแล้ว รถตู้สีดำก็ขับออกไปตามถนนในตอนเช้าอย่างไม่รีบร้อน

หหลี่ตงเจ๋อเปิดตู้เย็นในรถแล้วถามว่า “นายจะดื่มอะไร”

“ขอโค้กละกันครับ”

“งั้นนายต้องไปซื้อที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเองแล้วแหละ” หหลี่ตงเจ๋อเทวิสกี้ใส่แก้วแล้วหย่อนก้อนน้ำแข็งลงไป จากนั้นก็พิงพนักพิงและพูดอย่างสบายๆ

“ตอนนี้ฉันจะพานายไปทำเรื่องสมัครเข้าสมาคมก่อน และจะฝึกอบรมพื้นฐานความรู้ให้นายด้วย ก่อนอื่น ฉันจะแนะนำตัวก่อนนะ ฉันชื่อหหลี่ตงเจ๋อ เป็นนักเดินทางแห่งแดนวิญญาณระดับ 3 สังกัดสมาคมธาตุทั้งห้า สาขาสงไห่ หน่วยที่ 2 เขตคังหยาง ฉันเป็นหน่วยลาดตระเวน”

หน่วยลาดตระเวน?

นี่กลายเป็นว่านอกจาก เทพราตรี แล้ว ยังมีคลาสอาชีพอื่นๆ อีกเหรอ จางหยวนชิงทำท่าตั้งใจฟัง แม้ว่าในใจจะสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดแทรก ในฐานะคนที่เชี่ยวชาญด้านการเข้าสังคม จางหยวนชิงรู้ว่าการขัดจังหวะคนอื่นขณะพูดเป็นพฤติกรรมที่ไม่สุภาพ เขาจะไม่ให้ตัวเองถูกหักคะแนนในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้

หหลี่ตงเจ๋อจิบเหล้าแล้วพูดว่า “ก่อนอื่น ฉันจะบอกนายว่าแท้จริงแล้ววิญญาณคืออะไร”

จางหยวนชิงตั้งใจฟังทันที

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด