ตอนที่ 44: ตรึงใจ
ตอนที่ 44: ตรึงใจ
“กลิ่นอายแบบนี้ หรือว่าจะเป็นอาวุธวิเศษพุทธคุณ?”
โชคดีที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้น ดังนั้นหวังฝูจึงรีบซ่อนตัวอยู่ในความมืด เขามองโคมดอกบัวพลางครุ่นคิดกับตัวเอง “มีบางอย่างผิดปกติกับเริ่นต้าเวยคนนี้ ไม่เพียงแต่มีคฤหาสน์ซ่อนอยู่ใต้บ้านเท่านั้น แต่ยังมีอาวุธวิเศษพุทธคุณขั้นสูงสุดอีกด้วย”
“จิตเทวะถูกแสงของโคมดอกบัวสะกดเอาไว้จนไม่สามารถปลดปล่อยออกมาได้” หวังฝูถอนหายใจและกำลังจะตรวจสอบ แต่เสียงฝีเท้ากลับดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงบ่นของผู้ชายคนหนึ่ง
“เมื่อไหร่วันนี้จะจบลงเสียที ข้าอยู่ที่นี่มาหนึ่งเดือนโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ที่ได้ทำมีแต่นอนกับกิน น่าเบื่อชะมัด”
นี่คือชายหนุ่มผู้ดูเหมือนเริ่นต้าเวยร้อยละเจ็ดสิบ หวังฝูมองเพียงปราดเดียวก็ทราบว่าชายคนนี้จะต้องเป็นลูกชายของเริ่นต้าเวยไม่ผิดแน่
ซ่อนลูกชายไว้ใต้ดินหรือ?
หากบอกว่าไม่มีปัญหา หวังฝูย่อมไม่มีทางเชื่อ
ผู้ชายดึงเชือกในห้อง แล้วหวังฝูคล้ายกับได้ยินเสียงกระดิ่ง ไม่นานหลังจากนั้น ร่างของเริ่นต้าเวยจึงเดินลงมาจากขั้นบันไดหิน
“อาหล่าง มีอะไร?”
“ท่านพ่อ ข้าจะออกไปได้เมื่อไหร่ ที่นี่น่าเบื่อ ไม่มีอะไรให้ทำเลย” เริ่นหล่างเห็นเริ่นต้าเวยเดินลงมาจึงรีบวิ่งเข้าไปหา
เริ่นต้าเวยเดือดดาลเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไรก็อย่าเรียกหาข้า”
“ท่านพ่อ…”
เมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของลูกชายจากการไม่ได้เห็นดวงอาทิตย์มานาน เริ่นต้าเวยจึงรู้สึกเป็นทุกข์อีกครั้งก่อนจะถอนหายใจ “เฮ้อ อาหล่าง เจ้าทำร้ายผู้หญิงที่ชื่อไช่หลานไว้มากเหลือเกิน ตอนนี้นางกลายเป็นภูตผีที่หมายจะมาล้างแค้นเจ้า ขนาดพวกอาจงทั้งสามของที่เพียงแค่ร่วมมือกับเจ้ายังโดนฆ่าเลย เจ้า… เจ้าคือคนแรกที่ลงมือทำ แล้วไช่หลานจะปล่อยเจ้าไปได้อย่างไร?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะโคมซึ่งมีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ขับไล่วิญญาณและกำจัดภูตผีที่ที่ปู่ทวดทิ้งเอาไว้ เจ้าคงตายไปนานแล้ว”
“เป็นเพราะไช่หลานจิตใจดีเช่นกันถึงได้ไม่ทำร้ายผู้อื่นแม้จะกลายเป็นภูตผี ไม่อย่างนั้นเกรงว่าผู้คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านเริ่นเจียคงตายไปนานแล้ว”
“ตอนนี้เซียนจากสำนักเดียวกับปู่ทวดของเจ้าออกโรงแล้ว อีกไม่นานไช่หลานก็จะถูกกำจัด เมื่อนั้นเจ้าถึงจะออกไปได้”
“ตอนนี้ข้าทำได้แค่ขังเจ้าเอาไว้เท่านั้น…”
“ท่านพ่อ ไอ้สำนักเซียนเฒ่านั่นเชื่อถือได้แน่หรือ ข้าอยู่ที่นี่มาหลายชั่วโมงยังไม่เห็นจะแก้ไขอะไรได้ ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว” เริ่นหล่างบ่น
…
หวังฝูรู้สึกเย็นวาบเล็กน้อยเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อลูก
กลายเป็นว่ามีสี่คนที่ทำร้ายไช่หลาน ซึ่งลูกชายของเริ่นต้าเวยคือคนร้ายตัวจริง
“ไม่แปลกใจเลยที่จัดเตรียมให้พวกเราไปอยู่ทางตะวันตกของหมู่บ้าน อาจจะเพราะกลัวว่าพวกเราจะพบเดียรัจฉานซ่อนอยู่ใต้บ้านตระกูลเริ่นนี่เอง น่าเสียดายที่ตอนนี้ข้ามาพบเข้าแล้ว”
“เหอะเหอะ ถ้าเช่นนั้น…”
หวังฝูมองโคมดอกบัวพุทธคุณซึ่งอยู่กลางห้องแล้วเกิดความคิดบางอย่าง เขาอยากให้เดียรัจฉานตัวน้อยแซ่เริ่นได้รับการลงโทษตามสมควร ส่วนเรื่องไม่ให้วิญญาณชั่วร้ายฆ่าคน เขาไม่ได้มีความเข้มงวดเหมือนกับถานซานหยวน
ดีชั่วแบ่งแยกชัดเจน หากจำเป็นก็ต้องแก้แค้น
หลังจากเริ่นต้าเวยไปแล้ว เดียรัจฉานตัวน้อยนามเริ่นหล่างจึงตรงไปที่อีกห้องเพื่อนอนหลับเช่นกัน เมื่อนั้นหวังฝูจึงออกมายืนอยู่หน้าโคมดอกบัวพร้อมกับร่ายยันต์ป้องกันบางส่วนไว้รอบร่างกาย จากนั้นจึงยื่นมือออกไปเพื่อถือโคมดอกบัว
เขาอยากเอาโคมดอกบัวไปเพื่อปล่อยให้ไช่หลานสังหารศัตรูด้วยมือตัวเอง
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมาเอาอาวุธวิเศษของข้าไป?”
หวังฝูถือโคมดอกบัวเอาไว้ในมือ จากนั้นเงาเลือนรางจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า หวังฝูทราบทันทีว่านี่คือร่องรอยของสัญชาตญาณที่เจ้าของอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดคนก่อนหลงเหลือไว้ก่อนตายเพื่อทำหน้าที่ปกป้องคนรุ่นหลัง
“เหอะเหอะ… แม้พวกเขาจะมีจิตเทวะของขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสาม แต่สุดท้ายก็ตายไปหลายสิบปีแล้ว เหลือแค่ร่องรอยของจิตสำนึกยังจะกล้ามาท้าทายข้าอีก” หวังฝูเย้ยหยัน แล้วจิตเทวะของขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสามจึงเคลื่อนออกไปข้างหน้า ทำให้ร่องรอยจิตสำนึกที่หลงเหลือไว้โดยปู่ทวดของเริ่นหล่างหายไปจนสิ้นก่อนจะทันได้ส่งเสียงร้องคร่ำครวญ
“ข้าเพิ่งวาดยันต์ยันต์เปลี่ยนลักษณ์มาสองสามใบ เดี๋ยวสร้างตัวปลอมของเจ้าให้แล้วกัน”
หวังฝูหยิบโคมดอกบัวออกมาได้สำเร็จ เขามองโคมดอกบัวในมือขณะหัวเราะอย่างชั่วร้ายพร้อมกับหยิบตะเกียงน้ำมันธรรมดาจากด้านข้างกับยันต์เปลี่ยนลักษณ์มา หลังจากทำการใช้งานแล้ว วงแสงวงหนึ่งจึงวูบไหว แล้วตะเกียงน้ำมันธรรมดาจึงมีสภาพไม่ต่างจากโคมดอกบัวในทันที
หลังจากทำทั้งหมดนี้ หวังฝูจึงพึงพอใจก่อนจะใส่โคมดอกบัวของจริงไว้ในถุงเก็บของ จากนั้นใช้วิชาปฐพีหลบลี้เพื่อออกจากที่นี่
หากไม่มีการปกป้องของโคมดอกบัว เขาเชื่อว่าอีกไม่นานนักที่ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านจะต้องถูกสังหารโดยไช่หลาน
ทว่าแม้หวังฝูจะใช้เวลาไม่นานกับการรอคอยมาเกือบสิบวันแต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร
ในช่วงวันที่ห้า ถานซานหยวนใช้วิชาลับกับโครงกระดูกของไช่หลานจนพบว่าไช่หลานปรากฏตัวขึ้นในหลุมศพรวม ดังนั้นพวกเขาสามคนจึงเคลื่อนไหวทันที แต่น่าเสียดายที่ไช่หลานไม่ต่อสู้กับพวกเขาแต่อย่างใดก่อนจะหายไปไกลทันทีที่เห็นพวกเขาทั้งสาม
ตำแหน่งของภูตผีคาดเดาไม่ได้ หากไม่ปรากฏตัวขึ้นโดยสมัครใจ พวกหวังฝูย่อมทำได้เพียงรอคอยโดยอาศัยโครงกระดูกเท่านั้น
ไช่หลานไม่ถูกกำจัด เริ่นหล่างจึงไม่มีปัญหา ทว่าลูกชายของตระกูลซุนกลับมีปัญหาแทน
เขาถึงกับใช้วิชากับผู้หญิงธรรมดาในหมู่บ้านเริ่นเจีย มันคือวิชาตรึงใจที่ทำให้มนุษย์เชื่อฟังคำสั่ง เพียงไม่กี่วันก็มีผู้หญิงสี่คนที่ได้รับผลกระทบ หากไม่ใช่เพราะจิตใจอันเข้มแข็งของผู้หญิงที่แขวนคอตัวเองหลังจากตื่นขึ้นมาและครอบครัวของผู้หญิงทำให้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต เกรงว่าพวกหวังฝูคงไม่ทราบว่าซุนเลี่ยงถึงกับมีงานอดิเรกแบบนี้
ตอนออกมาทำภารกิจ เขาจะใช้วิชากับมนุษย์โดยไม่ขออนุญาตพร้อมกับใช้กำลังบังคับจนถึงขั้นเกิดการสูญเสีย ตามกฎของสำนักขนนกร่วงโรย บทลงโทษนับว่าร้ายแรงไม่น้อย
ถานซานหยวนไม่อยากให้เรื่องราวไปถึงหูของโถงพิทักษ์กฎ ถึงอย่างไรซุนเลี่ยงก็เป็นคนที่เขาต้องดูแล หากซุนเลี่ยงทำอะไรผิดพลาดขึ้นมา คนที่คอยหนุนหลังจะต้องให้เขารับผิดด้วยอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นซุนเลี่ยงคือทายาทสายตรงของปรมาจารย์ซุนเฉียนผู้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดในโถงพิทักษ์กฎ ต่อให้ทั่วทั้งสำนักต้องตกอยู่ในความปั่นป่วน แต่สุดท้ายก็ทำแค่เพียงปล่อยวาง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตระกูลซุนจะหายขุ่นเคืองไปด้วย
เขาเป็นเพียงศิษย์สำนักชั้นในธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลังหรือการสนับสนุน คงไม่อยากให้มีปัญหาแบบนั้นเกิดขึ้น
ดังนั้นเขาจึงเรียกหวังฝูกับต่งซินแยกไปที่ห้องหนึ่งต่างหาก
“ศิษย์น้องหวัง ศิษย์น้องหญิงต่ง พวกเจ้าคิดว่าเรื่องของซุนเลี่ยงควรจะจัดการอย่างไร?”
หวังฝูยังคงเงียบ ดูจากการกระทำของถานซานหยวนก็เดาได้ไม่ยากว่าเขาไม่อยากรายงานให้ทางสำนักทราบ
ทว่าต่งซินเป็นคนเถรตรงที่แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนว่าพวกเราควรรายงานให้กับทางสำนักทราบ จากนั้นให้โถงพิทักษ์กฎทำการตัดสินและพิพากษา”
“แล้วศิษย์น้องหวังล่ะ?” ถานซานหยวนขมวดคิ้ว
“ข้ายังต้องพูดอีกหรือ?” หวังฝูหน้านิ่ว
“ศิษย์น้องหวัง ซุนเลี่ยงทำภารกิจร่วมกับพวกเรานะ…” ถานซานหยวนตจับจ้องหวังฝูด้วยความรู้สึกกดดันอย่างแรงกล้า
ต่งซินมีท่าทีไม่พอใจ นางจึงเอ่ยคำ “ข้าบอกกับศิษย์พี่ถานแล้ว การที่ศิษย์พี่หวังไม่พูดมันก็ชัดเจนพอแล้วไม่ใช่หรือ? ซุนเลี่ยงใช้วิชาตรึงใจเพื่อทำให้ผู้หญิงธรรมดาสับสนจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เรื่องนี้ต้องส่งต่อให้กับโถงพิทักษ์กฎจัดการ ไม่มีที่ว่างให้เจรจาต่อรอง”
“ศิษย์พี่หวังไม่อยากพูดออกมาเสียงดังเพราะไม่อยากทำให้ทุกคนไม่มีความสุข”
“ศิษย์น้องหวังคิดแบบนั้นเหมือนกันหรือ?” ถานซานหยวนถามอีกครั้ง
หวังฝูมองต่งซินอย่างจนปัญญา แต่กลับเห็นนางส่งสายตาให้กำลังใจ ในใจของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขบขันเล็กน้อย หญิงสาวผู้นี้อาจจะสมองพังไปแล้วก็เป็นได้
เขาพยักหน้า
“ในเมื่อศิษย์น้องหวังกับศิษย์น้องหญิงต่งต่างคิดว่าควรรายงานกับสำนัก เช่นนั้นเรื่องนี้เป็นอันยุติ ทันทีที่ทำภารกิจเสร็จสิ้น พวกเราจะกลับสำนักกัน ข้าจะผนึกพลังวิญญาณของซุนเลี่ยงเอาไว้เพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะหลบหนี” ถานซานหยวนพยักหน้า