ตอนที่ 43: โคมดอกบัว
ตอนที่ 43: โคมดอกบัว
“ศิษย์พี่ถาน อาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้”
ต่งซินไม่คิดเช่นนั้น นางจึงเอ่ยคำ “ในเมื่อไช่หลานผู้เปลี่ยนร่างกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายได้แก้แค้นและไม่ได้ทำร้ายใครมานาน บางทีความแค้นของนางอาจจะหายไปจนกลับไปเกิดใหม่แล้วก็เป็นได้”
ถานซานหยวนขมวดคิ้วเมื่อถูกโต้แย้งก่อนจะเอ่ยคำ “ศิษย์น้องหญิงต่ง ความแค้นของวิญญาณชั่วร้ายไม่มีทางหายไปโดยง่าย พวกเราผู้ฝึกตนจะเอาชีวิตของชาวบ้านในหมู่บ้านมาเสี่ยงได้อย่างไร?”
“ข้าไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะเอาชีวิตของพวกเขามาเดิมพัน…”
“ท่านเซียนทั้งสอง ข้าขอ… พูดอะไรเสียหน่อยได้หรือไม่?” เริ่นต้าเวยเอ่ยคำด้วยความระแวดระวัง
“เชิญ” ถานซานหยวนเอ่ยคำด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ภูตผีที่ไช่หลานกลายสภาพยังคงอยู่ที่นั่น ทุกเที่ยงคืน พวกข้าจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนมาจากหลุมศพรวมที่อยู่หลังหมู่บ้าน” เริ่นต้าเวยก้มศีรษะขณะค่อยเอ่ยคำ ตอนที่เอ่ยถึงหลุมศพรวม ทั่วรอางของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัว
“อื้ม ภูตผีร่ำร้องหมาป่าหอน ดูไม่ค่อยดีเลย” ถานซานหยวนชำเลืองมองต่งซินแล้วเอ่ยคำอย่างเคร่งขรึม “ในเมื่อไม่อยากเกิดใหม่ เช่นนั้นก็ต้องส่งวิญญาณสู่โลกเบื้องล่าง”
“ศิษย์น้องหวัง เที่ยงคืนนี้ พวกเราจะไปหลุมศพรวมเพื่อพบภูตผีกินคนตนนี้กัน”
“น้อมรับคำสั่งของศิษย์พี่ถาน” หวังฝูพยักหน้า
“เหอะ ข้าไปด้วย” ต่งซินไม่ยอมแพ้ นางพ่นลมออกจมูกขณะยืนอยู่ข้างหวังฝู แสดงให้เห็นว่าที่ทำก็เพราะหวังฝูไปด้วย ไม่ใช่เพราะถานซานหยวนแต่อย่างใด
“หากมีท่านเซียนทั้งสาม ย่อมสามารถกำจัดภูตผีเพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่หมู่บ้านเริ่นเจียได้อย่างแน่นอน” เริ่นต้าเวยพยักหน้าแล้วโค้งคำนับ ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “ยังอีกพักใหญ่กว่าจะถึงเที่ยงคืน ท่านเซียนทั้งสามโปรดตามข้าไปพักผ่อนก่อน ข้าทำความสะอาดห้องและเตรียมสุราบางส่วนเอาไว้แล้ว”
“ช่างเรื่องสุราเถอะ พาพวกข้าไปพักผ่อนก็พอ จากนั้นค่อยออกเดินทางเมื่อถึงเวลา” ถานซานหยวนพยักหน้า
ห้องอยู่สุดทางตะวันตกของหมู่บ้าน มันไม่ใช่บ้านของเริ่นต้าเวย แต่เป็นบ้านที่ว่างเปล่ามานานซึ่งได้รับการทำความสะอาดแล้ว
แม้ไม่หรูหราเท่าของตระกูลที่มั่งคั่ง แต่ก็นับว่ามีระเบียบเรียบร้อย
แต่สิ่งที่ทำให้หวังฝูประหลาดใจเล็กน้อยคือตอนมาถึงหมู่บ้านมนุษย์ หัวหน้าหมู่บ้านควรเข้ามาต้อนรับและตระเตรียมที่พักไว้ที่บ้านตัวเองไม่ใช่หรือ? แต่กลับให้พักทางตะวันตกของหมู่บ้านซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับบ้านของเขาแทน
แม้ดูแปลกประหลาด แต่หวังฝูไม่เก็บมาคิดมากเช่นกัน
พวกเขาทั้งสามกลับมาที่ห้องเพื่อเตรียมออกเดินทางไปหลุมศพรวมหลังหมู่บ้านในช่วงเที่ยงคืน
หลุมศพรวมเต็มไปด้วยปราณหยินหมองหม่น ด้วยหลุมศพที่เผยให้เห็นแม้แต่กระดูกซึ่งอยู่ทุกหนแห่ง ทำให้มันดูน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง
ต่งซินผู้กำลังท้าทายถานซานหยวนหมดอารมณ์ตอนมาถึงที่นี่จนฉวยโอกาสมายืนตัวติดกับหวังฝู หากไม่ใช่เพราะความไม่เหมาะสมของพื้นที่ เกรงว่าหวังฝูคงรู้สึกกระสับกระส่ายไปแล้ว
“วิญญาณชั่วร้ายที่อยู่ที่นี่เอ๋ย จงออกมาเดี๋ยวนี้”
ถานซานหยวนตะโกนด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก แล้วเสียงซึ่งเต็มไปด้วยพลังวิญญาณจึงกระจายไปทุกทิศทาง
แม้มีเสียงสะท้อนก้อง แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหว
“ปราณหยินที่นี่แข็งแกร่งมาก ผู้คนที่เพิ่งตายไปอย่างไม่ยุติธรรมมีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายค่อนข้างมาก นอกจากนี้ข้าเห็นว่าแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ปราณภูตผีที่นี่กลับแข็งแกร่งมากและยังไม่หายไปไหน ต้องมีวิญญาณชั่วร้ายแฝงตัวอยู่ที่นี่เป็นแน่ หัวหน้าหมู่บ้านเริ่นไม่น่าจะโกหก”
ถานซานหยวนสำรวจทุกหนแห่งและถึงขั้นใช้อาวุธวิเศษเพื่อทำการกวาดล้างอีกด้วย
“ศิษย์พี่ถัง ข้าคิดว่าลำพังเพียงพวกเรา ต่อให้มีวิญญาณชั่วร้ายอยู่จริงก็ไม่กล้าออกมาหรอก เกรงว่าคืนนี้พวกเราคงไม่ได้มันเป็นแน่” หวังฝูมองอาวุธวิเศษขั้นสูงของถานซานหยวนที่กำลังบินไปมาจนพูดอะไรไม่ออก ด้วยแสงสว่างจากอาวุธดังกล่าว วิญญาณชั่วร้ายที่เพิ่งก่อตัวขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อนจะกล้าออกมาได้อย่างไร
“อื้ม ข้าจะทำการตรวจสอบก่อน”
ถานซานหยวนพยักหน้าแต่ยังคงไม่หยุดมือ
จนกระทั่งผ่านไปสิบห้านาทีถึงได้เก็บอาวุธวิเศษของเขา
“ไปเถอะ ระหว่างทางค่อยคุยกัน”
หวังฝูลังเลที่จะเอ่ยคำ
หลังจากกลับมาถึงหมู่บ้านเริ่นเจีย ถานซานหยวนดึงทั้งสองเข้าไปในห้องตัวเองขณะติดตั้งค่ายกลกั้นเสีย แล้วเขาจึงเอ่ยคำ
“ข้าเพิ่งสำรวจหลุมศพรวมมาจนพบกับโครงกระดูกใหม่สามร่าง โครงกระดูกหนึ่งในนั้นมีขนาดเล็กมาก น่าจะเป็นหญิงสาวที่ชื่อไช่หลาน พรุ่งนี้บ่ายซึ่งเป็นช่วงที่หยางแข็งแกร่งและหยินอ่อนแอ ข้าจะติดตั้งวิชาลับกับโครงกระดูกตัวนั้น ตราบใดที่วิญญาณชั่วร้ายของไช่หลานกลับมาข้าก็จะทราบในทันที เมื่อนั้นพวกเราก็จะสามารถร่วมมือกันกำจัดวิญญาณชั่วร้าย แล้วภารกิจในการเดินทางครั้งนี้ก็จะเป็นอันเสร็จสิ้น”
“ศิษย์พี่ถาน นึกไม่ถึงว่าที่ท่านใช้อาวุธวิเศษก็เพื่อค้นหาโครงกระดูกของไช่หลาน…” หวังฝูรู้สึกละอายใจเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า…” ถานซานหยวนแย้มยิ้ม “ภูตผีที่เกิดใหม่ไม่สามารถอยู่ห่างจากโครงกระดูกตัวเองได้ ข้าเดาว่าวิญญาณชั่วร้ายจะต้องกลับมาแน่นอน ดังนั้นขอเพียงตามหาโครงกระดูกจนเจอ พวกเราก็มีหนทางที่จะจัดการมัน”
“ศิษย์พี่ถานสุดยอดนัก” หวังฝูยกนิ้วโป้งให้
หลังจากสนทนาจบแล้ว ค่ายกลจึงถูกคลายออก
ทั้งสามเดินออกจากบ้าน จากนั้นพบหัวหน้าหมู่บ้านเริ่นต้าเวยกำลังรออยู่ข้างนอก
“หัวหน้าหมู่บ้านเริ่น เหตุใดเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่ในเวลาดึกดื่นป่านนี้?” หวังฝูถาม
“ท่านเซียนโปรดอภัยข้าด้วย ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยของหมู่บ้านจนนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากสอบถามท่านเซียนว่าวิญญาณชั่วร้ายถูกกำจัดแล้วหรือยัง?” เริ่นต้าเวยถูมือด้วยความคาดหวัง
ทว่าคำตอบของถานซานหยวนกลับทำให้เริ่นต้าเวยขมวดคิ้ว
“พวกข้ายังไม่พบภูตผีของไช่หลาน แสดงว่ามันซ่อนตัวเก่ง แต่หัวหน้าหมู่บ้านไม่ต้องห่วง พวกข้าจะไม่กลับจนกว่าจะกำจัดวิญญาณชั่วร้ายได้ พวกข้าจะอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หากมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น โปรดแจ้งให้พวกข้าทราบในทันที”
เริ่นต้าเวยตกตะลึงชั่วขณะเมื่อทราบว่าภูตผีของไช่หลานยังไม่ถูกกำจัด หวังฝูสังเกตเห็นทันทีว่าสีหน้าของเขาผิดธรรมชาติเล็กน้อย
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหัวหน้าหมู่บ้านเริ่นต้าเวย
หลังจากเริ่นต้าเวยกลับไปด้วยความสับสนแล้ว หวังฝูจึงใช้ข้ออ้างว่าจะกลับเข้าห้องไปพักผ่อน หลังจากล็อกประตูแล้วจึงใช้วิชาปฐพีหลบลี้เพื่อตามเริ่นต้าเวยไป
เขาปิดจิตเทวะขณะค่อยเคลื่อนไหวผ่านใต้ดินอย่างสงบ
ในระหว่างนั้นเขาจะอยู่ใต้ดินตลอดเวลา เว้นแต่เพียงตอนขึ้นมาหายใจบนพื้นผิวเท่านั้น
เริ่นต้าเวยไม่แสดงความผิดปกติอะไรขณะเดินตรงกลับบ้านไปตามทาง นอกจากภรรยาเพียงหนึ่งคนแล้วก็ไม่มีใครอยู่บ้านอีก
“ข้าเข้าใจผิดงั้นหรือ? ไม่ได้มีอะไรผิดปกติกับหัวหน้าหมู่บ้านเริ่นหรือนี่?” หวังฝูขมวดคิ้ว “ไม่ใช่ ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เริ่นต้าเวยจึงไม่สามารถมีลูกได้ ลองใช้จิตเทวะเพื่อกวาดออกไปดีกว่า”
จิตเทวะที่ไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบสามทำงานทันทีขณะกวาดออกไปทุกทิศทางประหนึ่งกำลังที่ถาโถม ทุกสิ่งภายในระยะหนึ่งร้อยเมตรปรากฏแก่สายตา แม้จะเคลื่อนผ่านบ้านหลายหลังที่อยู่รอบข้างก็พบเห็นชาวบ้านจากหมู่บ้านเริ่นเจียกำลังออกกำลังกายอยู่
จิตเทวะสามารถแผ่ขยายออกไปได้ภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรบนพื้นดิน แต่พออยู่ใต้ดินแล้วกลับสามารถตรวจจับได้ที่ความลึกสิบเมตรเท่านั้น
ติ๊ง!
“นี่มัน… บางสิ่งกำลังปิดกั้นจิตเทวะของเรา ข้างใต้บ้านของเริ่นต้าเวยหรือ”
หวังฝูใช้จิตเทวะเพื่อทำการสำรวจ จังหวะที่อยู่ในใต้ดินลึกหกเมตร เขาคล้ายกระแทกเข้ากับกำแพงเหล็กก่อนจะถูกขวางกั้นเอาไว้
“มีของแปลกประหลาดจริงด้วย”
หวังฝูหยิบอาวุธวิเศษขั้นสูงทั้งสองอย่างกรวยมังกรปฐพีโล่เกราะดำออกมาขณะวางไว้ใกล้ตัวเพื่อใช้โจมตีหนึ่งป้องกันหนึ่ง จากนั้นจึงหยิบยันต์ออกมาหลายสิบใบแล้วทำการขยับมือเพื่อร่ายวิชาซ่อนกายาก่อนจะหลบหนีออกจากใต้ดินอย่างระมัดระวังก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่จิตเทวะถูกปิดกั้นเอาไว้
บ้านของเริ่นต้าเวยอยู่ใต้ดินลึกหกเมตร มันเป็นพื้นที่กว้างขวางที่มีโต๊ะ เก้าอี้และม้านั่งมากมาย ดูแล้วไม่ต่างจากคฤหาสน์ใต้ดิน
หวังฝูผู้ใช้วิชาซ่อนกายาถูกดึงดูดความสนใจโดยโคมดอกบัวสีทองทันทีที่เข้ามาในคฤหาสน์ใต้ดิน แสงสีเหลืองเจิดจ้าจากโคมดอกบัวส่องสว่างไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ในที่สุดหวังฝูจึงได้ข้อสรุปว่าสิ่งที่ทำให้จิตเทวะเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไม่ได้ก็คือแสงจากดอกบัวนี้
เมื่อภายใต้แสงสว่างดังกล่าว วิชาซ่อนกายาจึงไร้ผลอย่างสิ้นเชิงจนเผยให้เห็นร่างจริง