Solo Leveling: Ragnarok ตอนที่ 3
การกัดกร่อนคือปรากฏการณ์ที่หมอกสีฟ้าซึ่งรั่วไหลออกมาจากเกทแพร่กระจายและปนเปื้อนพื้นที่โดยรอบ พื้นที่ที่ถูกปนเปื้อนด้วยพลังงานจากมิติอื่นจะกลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับมอนสเตอร์ในการอยู่อาศัย หากเรียกพื้นที่ภายในเกทว่า "ดันเจียน" พื้นที่รอบเกทที่ถูกปนเปื้อนก็จะถูกเรียกว่า "ฟิลด์ดันเจียน"
เมื่อพื้นที่ถูกปนเปื้อนไปแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรจากดันเจียน ซึ่งหมายความว่าตอนนี้พิพิธภัณฑ์ศิลปะของมหาวิทยาลัยเกาหลีได้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้น...” ฮันเตอร์พูดด้วยเสียงอ่อนแอ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดจนจบ แต่ทุกคนก็เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น
ในขณะเดียวกัน ซูโฮ...
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้นแล้ว!]
'นี่มัน... ใช่จริงๆ ใช่ไหม?'
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อได้เกิดขึ้น
ข้อความที่ลอยอยู่ในอากาศ ระบบเลเวลอัพที่ซูโฮเคยเห็นในความฝันเมื่อหลายปีก่อนกลับปรากฏขึ้นในความเป็นจริง
'พระเจ้า นี่ฉันกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?'
ไม่ใช่ครั้งนี้แน่นอน
ความรู้สึกสมจริงที่สัมผัสได้ผ่านผิวหนังของเขายืนยันว่ามันเป็นเรื่องจริง
ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่ข้อความเลเวลอัพปรากฏขึ้น ความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ก็หายไปในทันที รอยไหม้เล็กๆ ที่เกิดจากมิสต์เบิร์นก็ได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์
แต่สิ่งนี้คืออะไร?
[คุณได้ทำตามเงื่อนไขของ 'เควสต์ลับ: ความกล้าหาญของผู้ไร้พลัง' สำเร็จแล้ว]
[มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน]
ระบบเลเวลอัพในความฝันของเขาแสดงแค่เลเวลเท่านั้น และไม่เคยมีข้อความแบบนี้มาก่อนเลย
มันดูจริงจังมากขึ้น ซูโฮมองไปที่ข้อความ และเมนูข้อความก็เปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
[มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านสองข้อความ]
[ยินดีต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริงในฐานะ 'ผู้เล่น'] (ยังไม่ได้อ่าน)
[เกิดเควสต์แล้ว] (ยังไม่ได้อ่าน)
'ในโลกแห่งความเป็นจริง... ผู้เล่น?'
ซูโฮเริ่มเปิดอ่านข้อความแรก
[เควสต์ลับ: ความกล้าหาญของผู้ไร้พลัง]
คุณได้รับประสบการณ์และพิสูจน์ตัวเองในสถานะที่ยังไม่ตื่นขึ้น จากเลเวล 0 คุณได้ตื่นขึ้นเป็นเลเวล 1 และสามารถตรวจสอบสถานะได้
[ข้อมูล]
ระบบนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ 'ผู้เล่น' นี่ไม่ใช่โหมดฝึกหัด ในโลกแห่งความเป็นจริงมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นโปรดระมัดระวัง
'โหมดฝึกหัด? หมายถึงความฝันนั่นหรือเปล่า?'
ซูโฮรู้สึกว่าตนเข้าใจได้โดยสัญชาตญาณ ความฝันในช่วงวัยรุ่นทั้งหมดเป็นเพียงการฝึกซ้อม และตอนนี้คือเกมจริง
และในเกมจริงนี้มีฟังก์ชันที่ไม่เคยมีในโหมดฝึกหัดเพิ่มเข้ามาด้วย เช่น 'หน้าต่างสถานะ' นี้
[หน้าต่างสถานะ]
ชื่อ: ซองซูโฮ
เลเวล: 1
อาชีพ: ไม่มี
ฉายา: ไม่มี
HP: 100/100
MP: 10/10
[สเตตัส]
ความแข็งแกร่ง: 10
พละกำลัง: 10
ความเร็ว: 10
สติปัญญา: 10
การรับรู้: 10
(แต้มสเตตัสที่สามารถจัดสรร: 0)
[ทักษะ]
ทักษะแบบพาสซีฟ: ไม่มี
ทักษะแบบแอคทีฟ: พลังของผู้ปกครอง Lv.1
หน้าต่างสถานะแสดงข้อมูลของซูโฮอย่างย่อๆ ราวกับอยู่ในเกม
ซูโฮเปิดข้อความถัดไปเพื่อดู
[เควสต์: ช่วยเหลือผู้รอดชีวิต]
มีคนใกล้เคียงที่กำลังรอให้คุณช่วยเหลือ ช่วยเหลือพวกเขาให้มากที่สุด จำนวนผู้ที่ช่วยเหลือได้จะส่งผลต่อรางวัลที่ได้รับ
• จำนวนผู้รอดชีวิตในปัจจุบัน: 52 คน
• จำนวนที่ช่วยเหลือได้ในปัจจุบัน: 0 คน
นี่คือหน้าต่างเควสต์ ซึ่งเป็นระบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อนในความฝัน
'รางวัลขึ้นอยู่กับจำนวนผู้รอดชีวิตที่ช่วยได้?'
มันช่างเหมือนเกมจริงๆ
แต่สิ่งนี้เป็นความจริงอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่ในตอนนี้ ผู้คนก็ยังคงตายลงทีละคน
[จำนวนผู้รอดชีวิตในปัจจุบัน: 52 → 51 คน]
[จำนวนผู้รอดชีวิตในปัจจุบัน: 51 → 50 คน]
ซูโฮตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์เมื่อเห็นข้อมูลนี้
และในขณะนั้นเอง...
[กรรร!]
'แย่แล้ว!'
ดูเหมือนว่าซูโฮจะมัวแต่สนใจหน้าต่างสถานะมากเกินไป
มิสต์เบิร์นตัวหนึ่งได้เข้ามาใกล้จนเกือบจะถึงตัวเขาและโจมตี
“แย่แล้ว!”
ซูโฮสะบัดหมัดออกไปโดยไม่คิด
ตุ้บ!
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับน่าประหลาดใจ
[กรรร!]
มิสต์เบิร์นที่ถูกหมัดของซูโฮกระแทกถอยหลังไปด้วยความเจ็บปวด
“...หืม?”
ซูโฮกลับเป็นฝ่ายตกใจและมองดูมือของตัวเอง เขาต่อยหมอกสีฟ้าที่ลุกไหม้ด้วยมือเปล่า แต่กลับไม่รู้สึกร้อนเลยแม้แต่น้อย
ในขณะนั้นเอง มิสต์เบิร์นอีกตัวเข้ามาโจมตีจากด้านหลัง ซูโฮไม่รอช้าและปล่อยหมัดอีกครั้ง
ตุ้บ!
[กรรร!]
คราวนี้ก็เช่นกัน มิสต์เบิร์นถูกหมัดของซูโฮกระแทกถอยหลังไปอย่างง่ายดาย
[กรรร?]
มิสต์เบิร์นเองก็เริ่มงงเช่นกัน มนุษย์ธรรมดาที่ดูไม่โดดเด่นอะไร แต่ทำไมถึงเจ็บมากขนาดนี้เมื่อโดนต่อย
แต่มิสต์เบิร์นเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น
[กรรร!]
มิสต์เบิร์นส่งเสียงร้องและเรียกมิสต์เบิร์นตัวอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงให้มารุมโจมตีซูโฮ
แต่ถึงแม้จะเผชิญกับภาพที่น่ากลัว ซูโฮก็ไม่ได้หวั่นไหวเลยสักนิด
เขาตระหนักได้แล้วว่า ตอนนี้มิสต์เบิร์นเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้อีกต่อไป
ถึงเวลาที่จะโต้กลับแล้ว
ตึง!
ซูโฮกระโจนเข้าไปหามิสต์เบิร์นโดยไม่รอช้า
ตุ้บ! ตุ้บๆๆๆ!
[กรรร!]
[กรรร!]
การต่อสู้เกิดขึ้นในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา
ตามปกติแล้วในการโจมตีมอนสเตอร์จะต้องมีการวางแผนให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยให้แทงค์คอยรับมืออยู่ข้างหน้า และดาเมจดีลเลอร์คอยโจมตีจากด้านหลัง
แต่ซูโฮกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย เขาใช้เพียงใช้สองหมัดและพุ่งเข้าปะทะกับมอนสเตอร์
และที่สำคัญ มันได้ผล!
[คุณได้กำจัดมิสต์เบิร์นแล้ว!]
[คุณได้กำจัดมิสต์เบิร์นแล้ว!]
[คุณได้กำจัดมิสต์เบิร์นแล้ว!]
…….
ซูโฮกำจัดมิสต์เบิร์นไปเรื่อยๆ ขณะเดินทางต่อไป
[จำนวนผู้รอดชีวิตในปัจจุบัน: 37 → 36 คน]
ในขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่ จำนวนผู้รอดชีวิตก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง นั่นหมายความว่าจำนวนมิสต์เบิร์นกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
‘ยิ่งจำนวนพวกมันเพิ่มขึ้น ผู้คนก็จะตายเร็วขึ้นอย่างมหาศาล’
เขาต้องรีบแล้ว
ซูโฮค้นหาผู้รอดชีวิตในพิพิธภัณฑ์ศิลปะอย่างละเอียด
“รีบออกไปจากที่นี่เร็ว!”
ทุกครั้งที่พบผู้รอดชีวิต เขาจะส่งพวกเขาออกไปข้างนอกทันที
[จำนวนที่ช่วยเหลือได้ในปัจจุบัน: 12 คน]
“อะไรกัน? พวกเขาออกมากันได้ยังไง?”
ฮันเตอร์ที่อยู่ข้างนอกพิพิธภัณฑ์ศิลปะต่างแปลกใจ
พวกเขาเพิ่งตรวจสอบอุปกรณ์และเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปข้างใน แต่กลับมีผู้คนทยอยออกมาเองทีละคน
“มีใครบางคนช่วยพวกเราจากข้างใน”
“นักศึกษาคนหนึ่งช่วยพวกเรา!”
คำพูดเหล่านี้ทำให้ฮันเตอร์ตกใจยิ่งขึ้น
“มีคนกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ข้างในอย่างนั้นหรือ?”
“หรือมีฮันเตอร์คนอื่นเข้าไปก่อนแล้ว?”
ผู้ช่วยสอนอิมได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ
“ไม่น่าจะใช่ ไม่มีฮันเตอร์ในกลุ่มนักศึกษา และฮันเตอร์คนอื่นๆ ก็ยังไม่มาถึง”
คิมแดฮยอนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง
“หรือจะเป็นซูโฮ?”
“ซูโฮ?”
ผู้ช่วยสอนอิมและฮันเตอร์ต่างมองหน้ากันด้วยความลังเล
โอกาสที่คนธรรมดาจะรอดชีวิตจากฟิลด์ดันเจียนนั้นน้อยมาก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าบอกกับแดฮยอนว่าเพื่อนของเขาอาจจะเสียชีวิตแล้ว
ในขณะนั้น ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งที่เพิ่งหนีออกมาได้ก็พูดขึ้น
“ใช่แล้ว! พี่ซูโฮช่วยพวกเราจริงๆ!”
“อะไรนะ?!”
“ซูโฮ? เขาทำได้ยังไง?”
“เขาต่อยพวกมอนสเตอร์ด้วยมือเปล่า!”
“...มือเปล่า?”
คำพูดนี้ทำให้ฮันเตอร์มีสีหน้าเห็นใจ
ดูเหมือนว่าผู้รอดชีวิตจะมองผิดเพราะความตกใจ มือเปล่าต่อสู้กับมิสต์เบิร์นนั้นอันตรายเกินไป
‘มือของเขาคงจะไหม้จนหมด’
‘นั่นเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ’
หากไม่ใช่ฮันเตอร์ที่สามารถใช้เวทมนตร์เสริมกำลังหมัดได้ อย่างน้อยที่สุดต้องสวมถุงมือพิเศษเพื่อป้องกันมือจากการถูกเผาไหม้
แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็ดูเหมือนว่าซูโฮจะช่วยชีวิตผู้คนได้จริงๆ
ฮันเตอร์พึมพำด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“บางทีนักศึกษาคนนั้น...อาจจะตื่นขึ้นมาแล้วก็ได้”
"ซูโฮตื่นขึ้นมาเหรอ?"
คำพูดนั้นทำให้สายตาของผู้ช่วยสอนอิมหันกลับไปที่พิพิธภัณฑ์อีกครั้ง ขณะนั้นเองก็ยังมีผู้รอดชีวิตทยอยออกมาจากอาคาร โดยได้รับความช่วยเหลือจากซูโฮ
ในขณะเดียวกัน ฮันเตอร์ก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในพิพิธภัณฑ์
"หัวหน้า เราได้ทำการตรวจสอบพลังงานแล้ว ดูเหมือนว่าจะเป็นดันเจี้ยนระดับ D ครับ"
"เข้าใจแล้ว งั้นเราต้องรีบเข้าไป"
คำว่าดันเจี้ยนระดับ D ทำให้ดวงตาของฮันเตอร์เปล่งประกายความมุ่งมั่นขึ้น
ในดันเจี้ยนระดับ D นั้น มีมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่ามิสต์เบิร์นอยู่มากมาย แม้ว่าซูโฮจะตื่นขึ้นมาแล้ว แต่การที่เขาไม่มีประสบการณ์ในดันเจี้ยนมาก่อน ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้นานแค่ไหน
ฟู่...
[คุณได้กำจัดมิสต์เบิร์นแล้ว]
ซูโฮที่กำจัดมิสต์เบิร์นทุกตัวที่มองเห็นได้ พยายามหอบหายใจอย่างหนัก
'เกือบจะจบแล้ว'
แม้จะรู้สึกเหนื่อยจนอยากล้มลงนอน แต่จิตใจของเขายังคงแจ่มชัด
ในขณะนั้นเอง
ติ๊ง!
[เลเวลของคุณเพิ่มขึ้นแล้ว!]
แสงสว่างโปร่งใสห่อหุ้มร่างของซูโฮ ทำให้เขารู้สึกมีพลังขึ้นมาอีกครั้ง
'เท่านี้ก็สู้ต่อไปได้!'
ซูโฮกำลังจะเริ่มค้นหาผู้รอดชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไป
โครม!
"…!"
ทันใดนั้นเพดานด้านบนก็ระเบิดขึ้น เศษหินและฝุ่นละอองกระจายไปทั่ว ซูโฮรีบกลิ้งตัวลงพื้นเพื่อหลบ แต่ก็ไม่สามารถหลบได้ทั้งหมด
เลือดสีแดงไหลลงมาจากหน้าผากของซูโฮที่เพิ่งจะฟื้นฟูบาดแผลทั้งหมดจากการเลื่อนระดับเป็นเลเวล 2
แต่ปัญหาไม่ใช่แค่บาดแผลนั้น
จากรูที่เพดานเปิดออกมา มีหมาป่ายักษ์ตัวหนึ่งกระโดดลงมา
[กรรร!]
เสียงคำรามก้องกังวาน ทำให้ซูโฮรู้สึกตัวขึ้นมาทันที
'นี่มัน สู้ไม่ได้แน่ๆ'
ทันทีที่เห็น ซูโฮก็รู้ได้โดยสัญชาตญาณ
ความกลัวในระดับสัญชาตญาณที่แตกต่างจากมิสต์เบิร์นอย่างสิ้นเชิง
[กรรร]
หมาป่ายักษ์จ้องมองซูโฮอย่างโอหัง เหมือนมองเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บและไร้ทางหนีรอด สายตาของมันเปี่ยมไปด้วยความหยิ่งผยอง และแรงกดดันอันมหาศาลก็กดทับซูโฮ
"อึ่ก"
ซูโฮกัดฟันแน่น
เขาไม่ได้ตั้งใจจะยอมแพ้ต่อความกลัว หลังจากที่มาถึงขนาดนี้แล้ว
เขาเพียงต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้
'ถ้าหนีไม่ได้ ก็ต้องโจมตีก่อน!'
ตึง!
ซูโฮคว้าก้อนหินที่อยู่ใกล้มือแล้วขว้างใส่มัน แต่หมาป่ายักษ์เพียงยกเท้าขึ้นและปัดก้อนหินทิ้งอย่างไม่แยแส
'ต้องรีบเข้าไป!'
ซูโฮรีบพุ่งเข้าไปโจมตีด้วยหมัดที่เคยใช้จัดการมิสต์เบิร์นหลายสิบตัวมาก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่เพียงพอ
[กรรร!]
หมาป่ายักษ์ใช้ปากงับไหล่ของซูโฮไว้
"อึก!"
ซูโฮกัดฟันแน่นแล้วพยายามทุบหัวหมาป่ายักษ์ด้วยกำปั้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
โครม!
สุดท้าย ซูโฮก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นอย่างรุนแรง ร่างของเขาถูกกดทับไว้ด้วยเท้าหน้าของหมาป่ายักษ์อย่างไม่ยั้งคิด
มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่อาจชนะได้ตั้งแต่ต้น
หมาป่าตัวนั้นรู้ดี มันจึงเพลิดเพลินกับชัยชนะของตนอย่างเต็มที่
และในขณะที่เขี้ยวโหดเหี้ยมของหมาป่ากำลังจะขย้ำเข้าที่ลำคอของซูโฮ
ในขณะนั้นเอง...
สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
[คีเยเยเยก!]
เสียงคำรามดังสนั่นมาจากฟากฟ้าอันห่างไกล
สายฟ้าสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและกระแทกพื้นตรงกลางระหว่างหมาป่ายักษ์กับซูโฮ
โครม!
เพดานพังทลายลง และพื้นที่ระหว่างหมาป่ายักษ์กับซูโฮก็แยกออกจากกัน
เมื่อฝุ่นละอองหายไป สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือจักรพรรดิ์แห่งมดที่ถูกปกคลุมด้วยไอสีดำ
[เบร์ Lv.Max]
ระดับ: วายร้าย
เบร์ใช้มือข้างหนึ่งกดปากของหมาป่ายักษ์ไว้ พร้อมกับจ้องมองซูโฮด้วยสายตาที่เยือกเย็น