ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 55 ย่างปลาไหล
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 55 ย่างปลาไหล
เสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นก้องกังวานไปทั่วทั้งเมือง ทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกหูอื้อ
ภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าสร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนในเมืองอย่างมาก
มหาปราชญ์หนึ่งคน ในสายตาของพวกเขานั้นสูงส่งยิ่งนัก ไม่อาจเทียบเคียง
ทว่ากลับถูก…ตบตายราวกับยุง!
ผู้คนมากมายที่จิตใจไม่มั่นคง ในเวลานี้ต่างเริ่มสงสัยชีวิต
มหาปราชญ์เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตพวกเขา
แต่ตอนนี้กลับถูกมือขนาดใหญ่ตบตายราวกับมดปลวก จุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตพวกเขายังมีความหมายอันใดอีกหรือ
ทว่าไม่นานพวกเขาก็สงบสติอารมณ์
เพราะพวกเขารู้ดีว่าพายุ… กำลังจะมาถึง
มหาปราชญ์ของเผ่ามังกรสิ้นชีพที่นี่ เรื่องนี้ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก
นั่นคือเผ่าจักรพรรดิสัตว์เทพที่สูงส่ง โอหังและหยิ่งยโส แม้แต่สมาชิกเผ่าธรรมดาถูกสังหาร พวกเขาก็จะไม่ยอมปล่อยไว้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมหาปราชญ์ที่สามารถเรียกสายลมและฝนได้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนตาไวเห็นอ๋าวจวินเจี๋ยที่อยู่ในอ้อมกอดของมหาปราชญ์
อัจฉริยะหนึ่งคนบวกกับมหาปราชญ์หนึ่งคนสิ้นชีพ เรื่องนี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเผ่ามังกร
“ผู้ใดลงมือ? น่ากลัวนัก แม้แต่เผ่าจักรพรรดิมังกรเทพก็ยังไม่เกรงกลัว!”
“กล้าไปยั่วโมโหเผ่าจักรพรรดิมังกรเทพ ความกล้าหาญเช่นนี้ ข้ายอมรับ!”
“อ๋าวจวินจ้านยังมาไม่ถึง น้องชายก็พลันสิ้นชีพแล้ว คาดว่าเขาต้องคลั่งแน่”
“ไหนเลยจะมีแค่อ๋าวจวินจ้าน เผ่ามังกรทั้งหมดต้องโกรธเกรี้ยวแน่!”
“…………”
ผู้คนรู้ดีว่าเมื่อยอดฝีมือของเผ่าจักรพรรดิมังกรเทพมาถึง คงจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมหาศาล
หรือบางที… ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น……
ตู้ม!
ณ ขอบฟ้าอันไกลโพ้น รัศมีกดดันอันยิ่งใหญ่สองสายพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ปกคลุมลงมาในทันที
เสียงคำรามของมังกรดังก้องกังวาน ทำให้ดวงวิญญาณของผู้คนในเมืองสั่นสะท้าน
ชั่วพริบตาถัดมา ร่างเงาสามร่างก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือเมืองนิรันดร์
ผู้นำก็คือชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ดวงตาเย็นชา ผมสีม่วงอันหนาแน่นยาวสยายลงมาบนบ่า รูปร่างสง่างาม โดดเด่นสะดุดตา
ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับเทพสงครามในยุคบรรพกาล ร่างกายเปล่งประกายเจิดจรัส ผุดผ่องราวกับหยก ราวกับว่าฟ้าดินทั้งสี่ทิศต้องสั่นสะท้านภายใต้ฝ่าเท้าของเขา
“อ๋าวจวินจ้าน เขามาแล้ว!”
“ยังมีผู้พิทักษ์มรรคระดับมหาปราชญ์อีกสองคน!”
“ไม่ใช่ว่าเขากำลังสะสมพลังไร้เทียมทานระหว่างทาง หวังจะปราบปรามคนรุ่นใหม่ทั้งหมด ต้องใช้เวลาสามวันจึงจะมาถึงหรือ”
“พูดเหลวไหล น้องชายตายไปแล้ว ยังจะสะสมพลังอันใดอีก”
เมื่ออ๋าวจวินจ้านมาถึง สายตาของผู้คนในเมืองทั้งหมดต่างจ้องมองมาที่เขา ราวกับว่าในเวลานี้ เขาคือศูนย์กลางของฟ้าดิน
เพราะชื่อเสียงของอ๋าวจวินจ้านนั้นยิ่งใหญ่เกินไป เป็นราชันไร้มงกุฎแห่งคนรุ่นใหม่
ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่า ต่างก็ไม่อาจมองข้ามเขาได้
ทว่าในเวลานี้สีหน้าของอ๋าวจวินจ้านกลับดูเศร้าหมอง
เขาไม่คิดเลยว่า เพียงแค่ให้้น้องชายมาที่เมืองนิรันดร์ล่วงหน้า ผ่านไปเพียงหนึ่งวัน เขาก็ได้รับข่าวการตายของน้องชาย
แน่นอนว่าข่าวนี้มาจากมหาปราชญ์ของเผ่ามังกรที่ถูกตบตายก่อนหน้านี้
น่าเสียดาย แม้ว่าอ๋าวจวินจ้านจะพาผู้พิทักษ์มรรคสองคนรีบรุดหน้ามาทันทีที่ได้รับข่าว แต่ก็… มาสายเกินไป
“ผู้ใด! ผู้ใดที่กล้าสังหารยอดฝีมือและอัจฉริยะของเผ่ามังกรข้า!”
ในเวลานั้น มหาปราชญ์หนึ่งคนที่ยืนอยู่ข้างหลังอ๋าวจวินจ้านเอ่ยขึ้น
พร้อมกับเสียงนั้น อำนาจมังกรอันยิ่งใหญ่พุ่งเข้าใส่ทิศทางที่ฝ่ามือปรากฏขึ้น
ทว่าชั่วพริบตาถัดมาก็สลายไป จากนั้นก็มีเสียงอันเกียจคร้านดังขึ้น
“เป็นเพราะเขาที่รนหาที่ตายเอง มิใช่ความผิดท่านปู่น้อย”
ตึง ตึง ตึง…………
เสียงฝีเท้าดังขึ้น ภายใต้สายตาของผู้คนในเมือง เด็กหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า เดินเข้ามาทีละก้าว
ด้านหลังสะพายหอกยาวเล่มหนึ่ง ผ้าแพรแดงพันรอบตัวราวกับมังกรขนด
“เป็นคนเบื้องหลังเจ้ารึที่สังหารน้องชายข้า!”
เมื่ออ๋าวจวินจ้านเห็นนาจา ดวงตาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
เพราะนาจายังเด็กเกินไป อ๋าวจวินจ้านจึงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงอัจฉริยะรุ่นเยาว์
ส่วนผู้ที่สังหารน้องชายและมหาปราชญ์ของเขาคงเป็นผู้พิทักษ์มรรคเบื้องหลังเด็กหนุ่มผู้นี้
สิ้นคำกล่าว อ๋าวจวินจ้านก็ลงมือทันที
ใช้พลังเวทอันยิ่งใหญ่ก่อตัวเป็นฝ่ามือขนาดมหึมา พุ่งเข้าใส่นาจา หวังจะใช้ฝ่ามือเดียวสังหารนาจา!
กล้าไปยั่วโมโหเผ่ามังกร เช่นนั้นต้องจ่ายด้วยเลือด!
“พลังอันน่าสะพรึงกลัว มีข่าวลือว่าอ๋าวจวินจ้านปิดด่านบำเพ็ญเพื่อทะลวงสู่ระดับราชันปราชญ์ระยะสูงสุด บางทีเขาอาจจะทำสำเร็จแล้ว!”
“สมกับเป็นราชันไร้มงกุฎแห่งคนรุ่นใหม่ มีเพียงบุตรจักรพรรดิที่ยังไม่ปรากฏตัวเท่านั้นจึงจะสามารถปราบปรามเขาได้!”
ผู้คนสัมผัสได้ถึงพลังของอ๋าวจวินจ้านต่างก็ตกตะลึง
ส่วนคนรุ่นใหม่ยิ่งรู้สึกขมขื่น ความแตกต่างนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะไล่ตาม….
ทว่าในเวลานั้นเอง
เด็กหนุ่มรูปงามผู้นั้นเพียงแค่ปรือตาขึ้น เอ่ยว่า “เพียงแค่ปลาไหลตัวหนึ่ง กล้าดีอย่างไรถึงมาอวดดีต่อหน้าข้า?”
ตู้ม!
รัศมีกดดันอันยิ่งใหญ่พลันพุ่งทะยานออกมา ทำลายทุกสิ่ง ไร้ผู้ต้านทาน
ฝ่ามือขนาดมหึมาสลายไปในพริบตา ไม่อาจเข้าใกล้แม้แต่น้อย
“อะไรนะ มหาปราชญ์!?”
“ซี๊ด—! ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งเป็นมหาปราชญ์!?”
“มหาปราชญ์อายุสิบกว่าปี แม่เจ้า!”
“ข้าต้องฝันไปแน่!”
“…………”
ในชั่วขณะนั้น ผู้คนในเมืองทั้งหมดต่างก็โกลาหล
ทุกคนตกตะลึงอย่างที่สุด ไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขามองดูใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของนาจา สัมผัสได้ถึงรัศมีกดดันที่แผ่ออกมาทำให้หายใจไม่ออก ต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก
แม้แต่อ๋าวจวินจ้านก็ยังตกตะลึง
เขาคิดว่าตนเองมีพรสวรรค์เหนือผู้ใด ปราบปรามคนรุ่นใหม่ ไร้ผู้ต่อต้าน บำเพ็ญมาจนถึงตอนนี้ก็บรรลุถึงเพียงระดับราชันปราชญ์ระยะสูงสุด
เด็กหนุ่มผู้นี้ที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียงสิบกว่าปี กลับเป็นถึงระดับมหาปราชญ์แล้ว!?
ตู้ม!
ในเวลานั้น หลังจากที่รัศมีกดดันอันยิ่งใหญ่ทำลายฝ่ามือขนาดมหึมาก็ยังคงพุ่งเข้าใส่
“บังอาจ!”
ทันใดนั้น มหาปราชญ์สองคนที่อยู่ข้างหลังอ๋าวจวินจ้านก็ลงมือ
การลงมือครั้งแรกก็ใช้ท่าไม้ตายทันที
พรสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ต้องกำจัดทิ้ง!
อย่างไรเสีย ทั้งสองฝ่ายก็เป็นศัตรูกันแล้ว ไม่อาจสงบศึกได้อีก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความหยิ่งยโสของเผ่ามังกร ไหนเลยจะยอมสงบศึก
มหาปราชญ์สองคน คนหนึ่งบรรลุถึงระดับมหาปราชญ์หนึ่งชั้นฟ้า ส่วนอีกคนบรรลุถึงระดับมหาปราชญ์สองชั้นฟ้า
ในเวลานี้ เมื่อใช้ท่าไม้ตายพร้อมกัน พลังทำลายล้างช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ทำให้สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในเมืองสั่นสะท้าน หากไม่ใช่เพราะมีค่ายกลป้องกัน พวกเขาคงต้องคุกเข่าลง!
“พอดีเลย ท่านปู่น้อยก็ไม่ได้สังหารปลาไหลมานานแล้ว จับย่างสักสองสามตัวคงจะดี”
ภายใต้ท่าไม้ตาย เด็กหนุ่มรูปงามผู้นั้นกลับไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าไม่สนใจ
ชั่วพริบตาถัดมา เขาก็แทงหอกยาวในมือออกไปเบา ๆ
การโจมตีครั้งนี้ไม่มีความพิเศษใด ๆ ไม่มีเงาหอกนับไม่ถ้วน ไม่มีแสงสว่างอันเจิดจ้า
เป็นเพียงการแทงธรรมดาสามัญ
แต่การแทงหอกที่ดูธรรมดานี้ กลับสามารถทำลายท่าไม้ตายของมหาปราชญ์เผ่ามังกรสองคนได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้สายตาที่หวาดกลัวของทั้งสอง หอกยาวแยกออกเป็นสองส่วน ทะลุผ่านร่างกายของพวกเขา!
ในเวลานี้ ผู้คนในเมืองทั้งหมดต่างตกตะลึง!