ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 47 พบที่มั่น
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 47 พบที่มั่น
“อย่างไรเสีย ยมโลกสังหารยอดฝีมือของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำไปกว่าสิบคน แล้วยังมีผู้อาวุโสใหญ่อีกสี่คนก็มิอาจมองข้ามได้ พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเครือข่ายมืดอย่างเห็นได้ชัด”
กล่าวถึงยมโลก โม่เหวินเทาก็มีจิตสังหารปรากฏในดวงตา
“น่าเสียดาย ยมโลกไม่ควรยุ่งกับสำนักเยียวยาสวรรค์ของเรา”
“เจ้าจงส่งนักรบมรณะที่ข้าลี้ยงดูไว้ออกไปสืบหาข่าวคราวของยมโลกตามมณฑลเทพต่าง ๆ จงจำไว้ว่าห้ามทำตัวโอหังอวดดีเช่นเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำเด็ดขาด ห้ามเปิดเผยตัวตน”
แม้ว่าโม่เหวินเทาจะหยิ่งยโส แต่เขาก็มิได้ประมาท
ยมโลกเชี่ยวชาญด้านการลอบสังหาร หากทำตัวโอหังอวดดีเช่นเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ คงต้องถูกลอบสังหารตามไปอย่างแน่นอน
“ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจแล้ว”
ผู้อาวุโสผู้นั้นจากไปในทันที
ดวงตาของโม่เหวินเทาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ยมโลก พวกเจ้ากล้าใช้สำนักเยียวยาสวรรค์ของเราเป็นเครื่องมือสร้างชื่อเสียง ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องเสียใจกับการตัดสินใจนี้”
เขาจะไม่ส่งยอดฝีมือออกไปเช่นเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ
หากพบเบาะแสของยมโลก เขาจะลงมือด้วยตนเอง!
ใช้วิธีการที่รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด สยบทุกสิ่งทุกอย่าง!
คาดว่ายมโลกคงคิดไม่ถึงว่าตัวเขาที่เป็นถึงระดับกึ่งเทพจะลงมือด้วยตนเอง
นี่คือการไม่ทำตามกฎเกณฑ์ โม่เหวินเทาผู้นี้ ชอบทำลายกฎเกณฑ์!
หากจี๋อวิ๋นรู้ความคิดนี้ คงจะหัวเราะจนตื่นจากความฝัน
ช่างเป็นคนดีจริง ๆ
……………
เมืองผานหวู่ แม้จะเป็นเมืองที่อยู่ในการปกครองของราชวงศ์ราชาไท่หยิน หนึ่งในสามราชวงศ์ใหญ่ แต่ก็เป็นเพียงเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ชายแดน ผู้บำเพ็ญไม่ค่อยมาเยือน
แม้แต่เจ้าเมืองก็เป็นเพียงผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคเท่านั้น
แน่นอนว่าผู้ทรงอำนาจระดับก่อมรรคในสายตาของผู้บำเพ็ญทั่วไป ก็ถือว่าเป็นยอดฝีมือ
โดยปกติแล้วเมืองนี้แทบจะไม่มียอดฝีมือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอัจฉริยะหนุ่มสาว
แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไป เห็นเพียงเด็กหนุ่มชุดขาวย่างเท้าเข้ามาภายในเมือง
ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นดูหล่อเหลา ร่างกายสง่างาม บุคลิกท่าทางสง่างามเหนือกว่าปุถุชน แม้คำว่าหล่อเหลาก็ยังมิอาจบรรยายได้
เมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ปรากฏตัว ผู้คนที่พบเห็นต่างก็จ้องมองเขาโดยไม่รู้ตัว
บุคลิกเช่นนี้ ช่างโดดเด่นสะดุดตา ยากที่จะละสายตา
“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่สง่างาม ย่อมต้องมาจากขุมอำนาจใหญ่เป็นแน่”
“ข้ารู้สึกราวกับว่าได้เห็นเซียนลงมาจุติ”
ผู้คนมากมายต่างรู้สึกด้อยค่า ราวกับว่าเป็นเพียงแค่ปุถุชนที่ต่ำต้อย กำลังเผชิญหน้ากับเซียน
“หลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าออกมาสูดอากาศภายนอก ก็ไม่เลวเช่นกัน”
จี๋อวิ๋นไม่ได้สนใจสายตาของผู้คนรอบข้าง เขาพึมพำในใจ
จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของเสี่ยวเอ้อร์ เขาโยนแก่นเทวะก้อนหนึ่งให้
ในโลกใบนี้ หินต้นกำเนิดเป็นเงินตราที่ใช้แลกเปลี่ยน ส่วนแก่นเทวะมีค่ามากกว่าหินต้นกำเนิดร้อยเท่า
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่การเปรียบเทียบตามมูลค่าของโลกใบนี้
หากเป็นระบบ แก่นเทวะก้อนนี้คงไม่มีค่าแม้แต่แต้มต้นกำเนิดเดียว
ไม่นาน อาหารและสุราก็ถูกยกขึ้นมา
เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ชายแดนแห่งนี้ ไม่มีอาหารรสเลิศ
แต่จี๋อวิ๋นก็ไม่ได้ใส่ใจ เขากินดื่มอย่างเอร็ดอร่อย
ในขณะที่กินดื่ม เขาก็กำลังครุ่นคิด “การรอให้โม่เหวินเทาปรากฏตัวเช่นนี้ คงไม่ใช่วิธีที่ดี”
หากอีกฝ่ายปิดด่านบำเพ็ญเป็นเวลาหลายสิบปี เขาก็ต้องรอเป็นเวลาหลายสิบปี
“ต้องหาวิธีล่อให้เขาออกมา”
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
ในขณะที่เขากำลังคิดหาวิธี ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่าง
ทหารหยินสามพันนายที่เขาส่งไปประจำการตามเมืองต่าง ๆ มีข่าวคราวมาแจ้ง
เพราะมีทหารหยินสามพันนายคอยตรวจสอบเมืองต่าง ๆ อย่างลับ ๆ จี๋อวิ๋นจึงรู้ความเคลื่อนไหวของผู้คนในเมืองเหล่านั้น
ในเวลานี้ เขาสังเกตเห็นว่ามีผู้คนแต่งกายเหมือนกันปรากฏตัวขึ้นในเมืองต่าง ๆ เมืองละหนึ่งคน
หากเป็นคนอื่นคงไม่สังเกตเห็น
แต่จี๋อวิ๋นคอยตรวจสอบเมืองเหล่านั้นทั้งหมด จึงสังเกตเห็นความผิดปกติได้ในทันที
ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจ ท้ายที่สุดแล้วเรื่องแปลกประหลาดในโลกนี้มีมากมาย
แต่หลังจากตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เขาก็พบว่าคนเหล่านี้มักจะไปสืบหาข่าวคราวตามสถานที่ต่าง ๆ
ดูเหมือนว่าจะสนใจทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แท้จริงแล้วกลับสนใจเรื่องราวของยมโลกมากที่สุด
แม้ว่าตอนนี้ยมโลกจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วมณฑลเทพ มีขุมอำนาจมากมายที่ออกตามหาข่าวคราวของยมโลก แต่คงไม่มีใครที่ทำอย่างจริงจังเช่นนี้
“หรือว่าจะเป็น……”
ทันใดนั้นจี๋อวิ๋นก็สงสัย จึงใช้วิชาสะกดจิตควบคุมคนเหล่านั้น
หลังจากสอบถาม ก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ พวกเขาถูกส่งมาจากสำนักเยียวยาสวรรค์
“ช่างมีความสามารถ รู้จักปกปิดตัวตน สืบหาข่าวคราวอย่างลับ ๆ ล้ำเลิศกว่าเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำและเผ่ามังกรเจียวมากนัก”
จี๋อวิ๋นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
แต่ก็เป็นเรื่องปกติ
เผ่าสัตว์เทพนั้นหยิ่งยโสโอหัง เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด
ในสายตาของพวกเขา นอกจากเผ่าพันธุ์ของตนเองแล้ว สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ล้วนเป็นเพียงแค่สิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อย หรือแม้แต่อาหาร
“น่าเสียดาย กลอุบายใด ๆ ในสายตาของข้าล้วนไร้ค่า”
จี๋อวิ๋นพึมพำในใจ
จากนักรบมรณะผู้นั้น เขาก็รู้แผนการของโม่เหวินเทา ทำให้เขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้
“ลงมือด้วยตนเอง สยบทุกสิ่งด้วยพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นหรือ”
คำพูดที่ว่า หากจะให้ข้าแสดง เจ้าก็ต้องให้บทข้ามา
เช่นนั้นข้าก็จะจัดไปตามแผนของเจ้าก็แล้วกัน
จี๋อวิ๋นก็กินดื่มจนอิ่มหนำสำราญจึงค่อย ๆ เดินลงมา
ส่วนที่มุมหนึ่ง เด็กสาวผู้หนึ่งที่มีสีหน้าเหนื่อยล้าก็รีบเก็บสายตา
“ในโลกนี้มีคนที่หล่อเหลาถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
เด็กสาวตกตะลึง ตั้งแต่เกิดมานางได้พบเห็นอัจฉริยะหนุ่มสาวมามากมาย
แต่น่าเสียดาย ไม่มีใครเทียบเคียงเด็กหนุ่มชุดขาวผู้นั้นได้
นึกถึงอดีต สีหน้าของเด็กสาวก็พลันเศร้าหมอง
จากนั้นในดวงตาก็ปรากฏความเกลียดชัง “เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ!”
นางมีนามว่าเซียวลั่วหลี เดิมทีเป็นบุตรสาวของผู้บำเพ็ญ มีครอบครัวอบอุ่น
แต่วันหนึ่ง สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำเดินทางผ่านเมืองของเผ่ามนุษย์ เห็นผู้คนนับล้านจึงเกิดความโล�
เขาจึงแปรเปลี่ยนร่างกลับสู่ร่างเดิม กลืนกินผู้คนนับล้านในคำเดียว
บิดา มารดา และญาติพี่น้องของนาง ทั้งหมดต่างก็จบชีวิตลง
ส่วนตัวนางเอง เพราะออกไปฝึกฝนภายนอกจึงได้รอดชีวิต
หลังจากนั้น นางก็เกลียดชังเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ
สาบานว่าจะทำให้เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำต้องพบกับความเจ็บปวดจากการล่มสลาย!
แต่น่าเสียดาย นางเป็นเพียงแค่เด็กสาวเผ่ามนุษย์ จะต่อกรกับเผ่าจักรพรรดิได้อย่างไร!
คิดถึงเรื่องนี้ เซียวลั่วหลีก็หยิบป้ายคำสั่งสีดำออกมา เป็นป้ายคำสั่งของยมโลก
“ยมโลก………”
นางกำป้ายคำสั่งแน่นและตัดสินใจ
จากนั้นนางก็ส่งกระแสจิตเข้าไป
……
อืม?
จี๋อวิ๋นที่กำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของป้ายคำสั่ง เขาจึงหยิบออกมาดู
ทันใดนั้น ข้อความก็ปรากฏขึ้น
[ภารกิจ: ร้องขอเข้าร่วมยมโลก เรียนรู้วิชาสังหาร!]
[สิ่งตอบแทน: เป็นคนของยมโลกเมื่อยังมีชีวิต เป็นผีของยมโลกเมื่อตกตาย!]
โอ้?
จี๋อวิ๋นเห็นภารกิจนี้ก็รู้สึกประหลาดใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นภารกิจเช่นนี้
“ขายตัวเองให้กับยมโลก เพียงเพื่อเรียนรู้วิชาสังหารเช่นนั้นหรือ?”
จี๋อวิ๋นรู้สึกสงสัย คนผู้นี้คิดอะไรอยู่ แต่เขาก็สนใจจึงส่งกระแสจิตไป นัดพบ
……………
อีกด้านหนึ่ง ณ สำนักเยียวยาสวรรค์
ผู้อาวุโสผู้นั้นรีบรุดไปยังโถงใหญ่กล่าวอย่างนอบน้อม
“ใต้เท้าประมุขสำนัก นักรบมรณะส่งข่าวมาแจ้งว่า พบเบาะแสของยมโลกแล้ว”
โอ้?
โม่เหวินเทาที่กำลังบำเพ็ญอยู่ก็ลืมตาขึ้น ทันใดนั้นในดวงตาก็ปรากฏประกายแสง
“นำตัวนักรบมรณะผู้นั้นกลับมา”
“ขอรับ” ผู้อาวุโสผู้นั้นจากไป
ไม่นาน ผู้อาวุโสผู้นั้นก็กลับมาพร้อมกับนักรบมรณะ
“ใต้เท้าประมุขสำนัก นักรบมรณะมาถึงแล้ว”
ในเวลานั้น โม่เหวินเทาก็ยื่นฝ่ามือออกไป วางลงบนศีรษะของนักรบมรณะ สืบค้นวิญญาณในทันที!