ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 46 มาจากยุคอมตะ
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 46 มาจากยุคอมตะ
“ระบบ ใช้แต้มการบำเพ็ญหนึ่งแสนแต้ม ยกระดับพลังรบของหุ่นเชิดเฟยเผิงให้เทียบเท่าระดับกึ่งเทพ!”
ณ เบื้องบนความว่างเปล่า จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
การยกระดับหุ่นเชิดเฟยเผิงเป็นการตัดสินใจหลังจากที่เขาครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน
ยมโลกเป็นองค์กรมือสังหาร มักจะไม่เปิดเผยตัวตนต่อสาธารณชน
แต่วังสวรรค์เป็นขุมอำนาจที่เปิดเผย จำเป็นต้องมียอดฝีมือระดับกึ่งเทพประจำการเพื่อปราบปรามผู้ที่ไม่ยอมสยบ
ดังนั้นจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตน
ยิ่งไปกว่านั้น เฟยเผิงเป็นหุ่นเชิดตนแรกที่จี๋อวิ๋นอัญเชิญออกมา
ทั้งเหตุผลและความรู้สึกล้วนควรยกระดับหุ่นเชิดเฟยเผิงก่อน
ติ๊ง!
[ใช้แต้มการบำเพ็ญหนึ่งแสนแต้ม เริ่มต้นยกระดับหุ่นเชิดเฟยเผิง………]
[ยกระดับสำเร็จ!]
ตู้ม!
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถทำให้เก้าสวรรค์ชั้นฟ้าหวาดหวั่น ปราบปรามหมื่นโลกาพุ่งทะยานขึ้นไป
ฟ้าดินสั่นสะเทือน กฎเกณฑ์ส่งเสียงขับร้อง
ปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์มากมายเต้นระบำท่ามกลางกฎเกณฑ์ โอบล้อมท้องฟ้าเบื้องล่าง
น่าเสียดาย เนื่องจากอยู่ในดินแดนรกร้าง ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้ ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ มีเพียงหมู่เมฆบนท้องฟ้าเท่านั้นที่เป็นพยาน
ครู่ต่อมา กลิ่นอายทั้งหมดสงบลง
จี๋อวิ๋นควบคุมหุ่นเชิดเฟยเผิง ทันทีที่เข้าควบคุม เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าจะบรรยาย!
ไม่เพียงแต่พลังเวทจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า เจตจำนงกระบี่ก็เช่นกัน
เขามีลางสังหรณ์ว่าหากฟาดฟันกระบี่ลงไปยังพื้นดิน ครึ่งหนึ่งของมณฑลเทพจงถูจะต้องกลายเป็นเถ้าธุลี นี่คือความน่ากลัวของการก้าวเข้าสู่ระดับกึ่งเทพ!
ในเวลานี้ เขาจึงเข้าใจอย่างแท้จริง ถ้อยคำในบทกวีทั้งสองบท แม้กระทั่งเหนือล้ำกว่านั้น
กระบี่ส่องแสงเย็นเยียบทั่วสิบเก้าดินแดน ปราณกระบี่พุ่งทะยานสามหมื่นลี้!
ด้วยเจตจำนงกระบี่อันรุนแรงและปราณกระบี่อันมหาศาลของหุ่นเชิดเฟยเผิง เหตุใดจะหยุดอยู่แค่สามหมื่นลี้เล่า
“เซียนกระบี่บนสวรรค์สามล้านนาย หากเห็นข้าก็ยังต้องก้มศีรษะ ขั้นต่อไป ต้องมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายเล็ก ๆ นี้………”
จี๋อวิ๋นกล่าวในใจ
แน่นอนว่ายอดฝีมือในเทพนิยายมีมากมาย ผู้ที่ใช้กระบี่มิใช่แค่เฟยเผิง
มีบุคคลผู้หนึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังกว่าเฟยเผิง
นั่นก็คือบรรพชนแห่งเซียนกระบี่ หลวี่ต้งปิน
แต่ก็มีข่าวลือว่าบรรพชนแห่งเซียนกระบี่คือกวงเฉิงซื่อ
แต่ในความคิดของจี๋อวิ๋น แม้จะเป็นบอกว่าบรรพชนแห่งเซียนกระบี่ แต่ความสำเร็จในมรรคกระบี่ของเขาย่อมเทียบไม่ได้กับหลวี่ต้งปิน
ท้ายที่สุดแล้ว กวงเฉิงซื่อมิได้ฝึกฝนเพียงมรรคกระบี่ แต่หลวี่ต้งปินฝึกฝนเพียงมรรคกระบี่โดยบริสุทธื
“หากไม่มีหลวี่ต้งปิน ขอหลี่ไท่ไป๋ก็ยังดี”
จี๋อวิ๋นแสดงออกว่าเขาไม่เรื่องมาก
แม้ว่าหลี่ไท่ไป๋จะเป็นเผ่ามนุษย์ แต่ศักยภาพของเขานั้นสูงส่ง ในอนาคต ย่อมสามารถบรรลุเป็นเซียนกระบี่ได้
ทันใดนั้นสีหน้าของจี๋อวิ๋นพลันเปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ว่ามีกลิ่นอายมากมายกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่
น่าจะเป็นเพราะการยกระดับหุ่นเชิดก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่ห่างออกไปพันล้านลี้สัมผัสได้
ชั่วขณะถัดมา เขาควบคุมเฟยเผิงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ครู่ต่อมาลำแสงมากมายก็บินมาถึงที่นี่
พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่ทะลุฟ้าดิน และลำแสงที่ทะลวงผ่านสวรรค์ คิดว่าเป็นสมบัติฟ้าดินปรากฏขึ้นจึงรีบรุดหน้ามา
น่าเสียดาย กลับไม่มีแม้แต่ขนนก
………………
ณ มุมหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ ที่นี่ตั้งตระหง่านด้วยโถงทองแดงอันเก่าแก่
เบื้องบนจารึกอักขระสามตัว ‘ตำหนักโคมไฟวิญญาณ’
ในเวลานี้ ร่างเงาสองร่างเดินทางมาจากที่ไกล มุ่งหน้าไปยังตำหนักโคมไฟวิญญาณ
พวกเขาเป็นสมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำสองคน เป็นเชื้อสายรอง
เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นเผ่าพันธุ์โบราณที่แท้จริง การสืบเชื้อสายอันยาวนานนี้ จึงแบ่งออกเป็นสายเลือดหลักและสายเลือดรอง
“เฮ้อ ทุกวันต้องมาที่ตำหนักโคมไฟวิญญาณแห่งนี้ปีแล้วปีเล่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เหตุใดจึงต้องมาด้วย”
สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำที่ดูอ่อนวัยกว่าบ่นออกมา
“น้องเล็ก ระวังคำพูด นี่คือหน้าที่ของพวกเรา”
สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำที่อายุมากกว่ากล่าวเตือน
“พี่ใหญ่ ท่านช่างเป็นคนหัวโบราณ พวกเรา เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ ปกครองแผ่นดินมานับแสนปี ใครบ้างจะกล้า………”
สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำที่อ่อนวัยกว่ากล่าวอย่างภาคภูมิใจ แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าพี่ใหญ่ของเขากำลังมองดูภายในตำหนักโคมไฟวิญญาณด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เห็นเพียงเบื้องบนสุดของตำหนักโคมไฟวิญญาณ โคมวิญญาณสิบกว่าดวงที่เดิมทีสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ บัดนี้กลับดับลง!
ตำแหน่งของโคมวิญญาณยิ่งสูง แสดงว่าสถานะยิ่งสูง
เบื้องบนสุดเป็นโคมวิญญาณของบุคคลระดับสูงของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ!
ตอนนี้ดับลงสิบกว่าดวง เรื่องเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำตลอดหมื่นปี!
“ท้องฟ้า… กำลังจะเปลี่ยน………” สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำที่อายุมากกว่าพึมพำออกมา
ไม่ต้องสงสัยเลย เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำทั้งเผ่าต่างตกตะลึงเพราะเรื่องนี้
สมาชิกเผ่าที่ปิดด่านบำเพ็ญ แม้แต่คนชราที่กำลังจะตายยังคลานออกมาจากโลงศพ
เพราะการเผชิญหน้ากับหายนะเช่นนี้ ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อหมื่นปีก่อน!
หมื่นปี ช่วงเวลาอันยาวนานเช่นนี้ ทำให้พวกเขาลืมเลือนไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ย่อมต้องเป็นฝีมือของยมโลก
ในชั่วขณะนั้น เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำทั้งเผ่าต่างโกรธแค้น
สมาชิกเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำนับไม่ถ้วนต่างร้องขอให้ลงมือกวาดล้างยมโลก
ในขณะที่บุคคลระดับสูงของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำกำลังจะลงมืออีกครั้ง
ข้อความที่ลู่หยวนส่งมาก่อนตายผ่านวิชาลับของเผ่า ถูกส่งมายังเบื้องหน้าของบุคคลระดับสูงของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ
ข้อความนั้นแม้จะสั้น แต่ทำให้บุคคลระดับสูงของเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำตกตะลึง
“ยมโลกมาจากยุคอมตะ!”
ยุคอมตะ เป็นช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่สูญหายไป ไม่อาจระบุได้ว่าห่างจากปัจจุบันกี่ปี
บางคนกล่าวว่าพันล้านปี บางคนกล่าวว่าร้อยล้านยุค ต่างก็มีเหตุผลของตนเอง ถกเถียงกันมาหลายปีไม่จบไม่สิ้น
แต่ไม่ว่าจะห่างจากปัจจุบันกี่ปี ยุคอมตะ ก็เป็นยุคที่สิ่งมีชีวิตในโลกปัจจุบันต่างใฝ่ฝันอยากจะมองเห็น
แต่ตอนนี้ยมโลกกลับมาจากยุคอมตะ!
ในชั่วขณะนั้น แม้แต่เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำที่สูงส่งยังคงตกตะลึง
พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ลู่หยวนกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ แต่พวกเขาก็ยังคงหวาดกลัว ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำกำลังปิดด่านบำเพ็ญ
ดังนั้น เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำจึงไม่ได้ลงมืออีกครั้ง
ข่าวสารนี้แพร่ออกไป ทำให้สิ่งมีชีวิตในมณฑลเทพต่างตกตะลึง
เผ่าจักรพรรดิที่สูงส่งถูกยมโลกสังหารยอดฝีมือไปมากมาย กลับไม่ตอบโต้ใด ๆ!
“สวรรค์ เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำยอมแพ้แล้วหรือ? ข้าคงไม่ได้ฝันไปกระมัง นั่นคือเผ่าจักรพรรดิสัตว์เทพที่สูงส่ง!”
“นับตั้งแต่โบราณกาลมา ใครบ้างที่กล้ายั่วโมโหเผ่าจักรพรรดิสัตว์เทพแล้วยังสามารถรอดชีวิตได้ หากไม่ตายก็พิการ แต่ยมโลกกลับไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ!”
“ข้าคิดว่าเผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำคงไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่าย ๆ บางทีอาจกำลังคิดค้นกลอุบายเพื่อสังหารยมโลกให้สิ้นซาก”
“…………”
ทุกคนต่างถกเถียงกัน มีความคิดเห็นแตกต่างกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ชื่อเสียงของยมโลกก็แพร่กระจายไปทั่วมณฑลเทพอีกครั้ง
โรงเตี๊ยม ร้านน้ำชา ร้านอาหาร แม้กระทั่งสถานเริงรมย์ การสนทนาล้วนหนีไม่พ้นเรื่องของยมโลก
ข่าวสารนี้ก็มาถึงสำนักเยียวยาสวรรค์เช่นกัน
ประมุขสำนักเยียวยาสวรรค์ โม่เหวินเทา ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งเทพ หลังจากได้ยินเรื่องนี้มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มอันดูถูก “เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำช่างไร้ค่า ถูกข่มขู่เพียงเท่านี้ก็ยอมแพ้ เผ่าจักรพรรดิที่สูงส่งกลับล่มสลายถึงเพียงนี้”
ข้างกาย ผู้อาวุโสคนหนึ่งกล่าวอย่างเคารพ “เผ่าจักรพรรดิปกครองมณฑลเทพมานาน สูงส่งเหนือผู้ใด ทำตัวสบายจนเคยตัว ไหนเลยจะเทียบกับใต้เท้าประมุขผู้ชาญฉลาด ฝึกฝนกองทหารอย่างเข้มงวด มีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่”
“ใช่แล้ว สบายจนเคยตัว มีคำกล่าวว่า จักรพรรดิผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ปีนี้คงถึงคราวตระกูลข้า ตำแหน่งผู้นำ ข้าก็อยากจะลองนั่งดู”
โม่เหวินเทาพึมพำกับตัวเอง แววตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอันดุเดือด
สำนักเยียวยาสวรรค์ผ่านการสะสมพลังมาหลายชั่วอายุคน มาถึงรุ่นของเขา ก็ถือว่ารุ่งเรืองถึงขีดสุด
เขาเชื่อมั่นว่านอกจากอาวุธเทพยอดมรรคาแล้ว เผ่าจักรพรรดิอีกาทองคำ หากเทียบกับสำนักเยียวยาสวรรค์แล้วยังคงด้อยกว่า
น่าเสียดาย อาวุธเทพยอดมรรคาอยู่เหนือสิ่งอื่นใด สามารถปราบปรามทุกสิ่งได้
แม้ว่าโม่เหวินเทาจะไม่ยอมรับ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ก้มหัว
……………….…………………………………………………………………………………………………
หลวี่ต้งปิน: หนึ่งในโป๊ยเซียน(แปดเซียน) สัญลักษณ์แทนตัวหลี่ว์ต้งปินนั้นคือ “กระบี่วิเศษ” (宝剑) กล่าวกันว่า กระบี่เล่มนี้มิใช่ธรรมดา แต่เป็นกระบี่ที่มีฤทธาอันยิ่งใหญ่ สามารถกำราบพิชิตมารร้ายได้
กวงเฉิงซื่อ: 1 ใน 12 เซียนแห่งคุนหลุน เซียนผู้บำเพ็ญเพียรที่มีชื่อเสียงในหลากหลายศาสตร์ แม้จะมีความสามารถในกระบี่ แต่ก็ไม่ได้เน้นเฉพาะด้านนี้ มีบทบาทในตำนานและเป็นที่เคารพในวงการเซียน
หลี่ไท่ไป๋(หลี่ไท่แป๊ะ): นักกวีที่มีชื่อเสียงในสมัยพระเจ้าถังเอี่ยนจงแห่งราชวงศ์ถัง