ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (12)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนและแชร์กันเป็นคณะ100คน ก็อ่านไปครับ เพราะผมจะแก้แบบแปลใหม่อีกรอบแค่ในThai-novel กับเว็บอื่น ๆ และแหล่งที่ผมแปลครับ ส่วนคนที่อ่านที่อื่นก็จะได้อ่านแบบไม่แก้คำผิด และยิบย่อยมากมาย ไปนั่นแหละ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 35>
4. ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (12)
**********
“นายรู้ไหมว่าพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้คืออะไร?”
เด็กชายพูดอย่างเบื่อหน่าย
“เปลี่ยน 1 ของายเองให้เป็น 10 และเปลี่ยน 10 ของคู่ต่อสู้ให้เป็น 1 กล่าวอีกนัยหนึ่ง เปลี่ยนสิ่งที่แข็งแกร่งให้เป็นสิ่งที่อ่อนแอ แต่นายจะทำได้ไหม? นายโง่แบบเจ้าจะเข้าใจหลักการนั้นได้ยังไง?”
“เป็นเช่นนั้นเหรอครับ?”
อารอนที่ฟังอยู่ก้มหน้าลงด้วยความเศร้าสร้อย
เขาไม่สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้
นั่นเป็นเหตุผลที่เขากำลังลำบากอยู่ตอนนี้
"แล้วเราจะชนะมันได้ยังไง? คนแบบนั้น"
"อะไรนะครับ?"
"ต่อให้โจมตีด้วยพลัง 100 มันก็จะเปลี่ยนเป็น 1 แล้วทำให้มันไร้ผล และเปลี่ยน 1 ของมันให้เป็น 100 เพื่อโค่นฉัน…นั้น มันไม่ยุติธรรมเลย"
"ก็จริงนะครับ"
การเปรียบเทียบตัวเลขทางคณิตศาสตร์ที่ไร้สาระ
แต่ความจริงก็คงไม่ต่างกันมากนัก
แม้ว่าเขาจะปล่อยการโจมตีที่หนักราวกับภูเขา มันก็จะทำให้มันเบาราวกับขนนก และเปลี่ยนการโจมตีที่เบาราวกับขนนกของมันให้หนักราวกับภูเขาเพื่อโค่นเขา
กล่าวคือ ไม่ว่าความสามารถพื้นฐานจะต่างกันแค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้ได้
แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันหลายสิบเท่าก็ตาม
"ถ้าเราเรียนรู้เทคนิคที่คล้ายกับมัน แล้วใช้สูตรเดียวกันล่ะครับ?"
"แล้วนายทำได้ไหมล่ะ?"
"......คงไม่ได้ครับ"
มันเป็นเรื่องจริง
อารอนไม่มีพรสวรรค์แบบนั้น
'แล้วจะชนะได้ยังไง?'
อารอนครุ่นคิดอย่างหนัก
อาจารย์ยิ้มและพูดว่า
"ง่าย ง่ายมาก"
"มีวิธีอะไรเหรอครับ อาจารย์?"
"ถ้าพลัง 100 ไม่พอ ก็ใช้ 1,000 ถ้า 1,000 ไม่พอ ก็ใช้ 10,000 เพิ่มไปเรื่อยๆ ไง? แสน แสน ล้าน"
ปากของอารอนอ้ากว้าง
มันเป็นคำพูดที่ไร้สาระอย่างยิ่ง
"ฮ่าฮ่า ลองนึกภาพดูสิ มันจะทนได้นานแค่ไหน? ถ้ามันเปลี่ยนภูเขาให้เป็นขนนก คราวนี้จะต้องพยายามให้ทะลุทิวเขาทั้งหมด มันจะรับมือได้อย่างง่ายดายไหม? แล้วต่อไปล่ะ? แล้วหลังจากนั้นล่ะ? มันจะทำได้ไปอีกนานแค่ไหน?"
แม้ว่ามันจะเป็นเทพเจ้าแห่งศิลปะการต่อสู้ มันก็ทำได้แค่เปลี่ยนพลัง 10 ให้เป็น 1 อย่างไม่สิ้นสุด ไม่สามารถเปลี่ยนให้เป็น 0 ได้
'โจมตี'
ด้วยความรุนแรงที่เหนือกว่า
ทำลายและบดขยี้มันทั้งหมด
"......"
เงาแห่งความมืดที่ซึมเข้ามาในดวงตาของอารอนนั้นรุนแรงมากขึ้น
มันยังไม่จบ
พลังของทักษะสุริยจันทร์ทรุปราคาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายที่ทะลุขีดจำกัด
ตอนนี้อารอนไม่มีแม้แต่เสียง
'ชายคนนั้นอยู่ในอนาคตที่ไกลกว่าเขา'
แค่ต้องยอมรับมันงั้นเหรอ
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ชายคนนั้นก็อ่านและมองเห็นทั้งหมด
มีทางเดียวเท่านั้น
ทำลายอนาคตของชายคนนั้นไปพร้อมกัน
'สัตว์เดรัจฉานงั้นเหรอ'
มันถูกต้องแล้ว
สัตว์เดรัจฉานที่ดื้อรั้นซึ่งทำได้เพียงใช้พลังที่มีอยู่ปะทะ
ถ้าอย่างนั้นก็แค่เพิ่มพลังนั้นต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่ามันจะไม่สามารถป้องกันได้แม้ว่าจะรู้ก็ตาม
"......"
หอกถูกเหวี่ยงออกไปและเฉียดผ่านจุดที่รีเจียนยืนอยู่
พลาดไปพันครั้ง หมื่นครั้งก็ไม่เป็นไร
แค่ครั้งสุดท้ายก็พอ
แล้วชายคนนั้นล่ะ?
แม้ว่าเขาจะหลบได้พันครั้ง แต่ถ้าโดนโจมตีครั้งเดียวก็จบ
เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียว
ในทางกลับกัน อารอนมีโอกาสนับไม่ถ้วน
แม้ว่าเงาหลายสิบเงาจะหายไปแทนที่ร่างกายของเขา แต่เขายังคงยืนอยู่และเหวี่ยงหอกต่อไป
'เร็วกว่านี้'
อารอนตระหนักถึงปัญหา
เหตุผลที่ชายคนนั้นสามารถหลบการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดายก็เพราะว่ามันง่ายที่จะอ่านเส้นทางการโจมตีของเขา
'ทำให้มันยากขึ้น'
รีเจียนหลบการโจมตีทั้งหมดของอารอนจากด้านหน้า
ในระหว่างนั้น เขาแทรกการโจมตีสวนกลับเข้าไป
เมื่อเผชิญหน้ากัน เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างของคู่ต่อสู้ได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงง่ายต่อการรับมือ
'จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นเช่นนี้?'
เขาหายตัวไปทันที
จากนั้นก็ปรากฏตัวที่ด้านหลังของคู่ต่อสู้
ต้องไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ
เพราะชายตรงหน้าสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวครั้งต่อไปได้ด้วยลมหายใจเพียงครั้งเดียว
'แค่คิดเท่านั้น'
เปลี่ยนตำแหน่งร่างกาย
แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
การเทเลพอร์ตในทันทีที่ไม่มีร่องรอยหรือความล่าช้า
มันเป็นเวทมนตร์ที่แม้แต่จอมเวทผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่สามารถทำได้
แต่ในความฝัน มันเป็นไปได้
[กระจาย]
[ก้าวข้ามพันลี้]
ปัง!
ร่างกายของอารอนหายไปเหมือนดับลง
ในวินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็ปรากฏขึ้นด้านหลังรีเจียนและเหวี่ยงหอก
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของรีเจียน
ร่างของชายคนนั้นเลื่อนไปทางซ้าย ทิ้งร่องรอยไว้
ฟิ้ว
ในขณะเดียวกัน คมดาบก็เล็งไปที่คอของอารอน
แต่อารอนไม่ได้อยู่ตรงนั้น
คราวนี้อยู่เหนือหัวของรีเจียน
เขาเล็งปลายหอกลงมา ราวกับจะแทงทะลุกลางกระหม่อมรีเจียน
รีเจียนขยับไปสองสามก้าว
หอกที่พุ่งลงมาเสียบลงพื้น
ทรายและดินพุ่งขึ้นมา
ในระหว่างนั้น ร่างของอารอนก็หายไปอีกครั้ง
รีเจียนหัวเราะเสียงดัง
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
คราวนี้ทางขวา
ทันทีที่รีเจียนหลบการแทงด้วยหอกนั้น อารอนก็ปรากฏตัวทางซ้าย
เขาไม่ได้เคลื่อนย้ายร่างกายโดยตรง
อารอนเปลี่ยนตำแหน่งของร่างกายเขาด้วยความคิด
เงาปรากฏขึ้นและหายไปรอบๆ ตัวเขา
การแทงและการฟันจากสถานที่ต่างๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกวาดไปทั่วบริเวณ
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
หลังจากเคลื่อนที่ไปทั้งหมดห้าครั้ง หอกของอารอนก็เล็งไปที่ด้านหลังของรีเจียน
รีเจียนหลบได้โดยไม่หันกลับมามอง
"น่าสนใจจริงๆ!"
บนที่ราบ
เงาหลายสิบเงากระพริบอยู่ตรงนั้น
แต่ละเงาคือร่องรอยของความฝัน
"มันน่าขันไหมล่ะ?"
"อะไรครับ?"
"พวกนักสู้ไร้ประโยชน์นั่นยกย่องเทคนิคของตัวเองว่าเป็นทักษะเทพเจ้าหรือทักษะของเจ้าตอนนี้ ถ้าจำแนกตามหมวดหมู่ของพวกนักสู้ ก็คือวิชาตัวเบา"
วิชาตัวเบา
ศิลปะการต่อสู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวร่างกาย
"วิชาตัวเบาที่แสนวิเศษพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไรต่อหน้าเจ้า? มันก็แค่เรื่องเล่นๆ และเป็นแค่ขยะ"
รีเจียนหัวเราะเสียงดัง
อย่างไรก็ตาม การโจมตีของอารอนก็ยังไม่โดนแม้แต่ครั้งเดียว
รีเจียนหลบการโจมตีทั้งหมดได้อย่างอิสระ และโบกแขนเสื้อคลุมยาวไปมา
มันไม่ได้แม้แต่จะเฉียดเลยแม้เเต่น้อย
อารอนรู้สึกขนลุก
"แล้ววิชาเทพเจ้าที่แท้จริงคืออะไร? …..มันอยู่ตรงนี้ไงล่ะ"
รีเจียนยิ้มเยาะ
มันช่างไร้ประโยชน์เสียจริง
พวกเขาฝึกฝนทักษะเฉพาะมาหลายพันปี ยกย่องและสรรเสริญว่าเป็นทักษะของเทพเจ้า
ถ้าเข้าใจเทคนิคนี้ได้ ก็สามารถเอาชนะแม้แต่เทพเจ้าได้
ดังนั้นมันจึงเป็นวิชาเทพเจ้า
ไม่มีศิลปะการต่อสู้ใดเทียบได้กับความลึกลับของเทคนิคนี้
อะไรคือวิชาเทพเจ้า?
ถ้าคนๆ นั้นมีทักษะมากพอที่จะฝึกฝนทักษะเหล่านั้นจนถึงขั้นสุดยอด พวกเขาก็แข็งแกร่งเพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องมีมัน เหมือนอย่างที่เขาเป็น
ไม่ว่าวิชาเทพเจ้าจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ตาม แล้วมันจะเทียบได้กับภาพที่เห็นตรงหน้าหรือไม่
อารอน เดลเคิร์ด
อารอนอ่อนแอมาก
ถ้าเป็นรีเจียน เขาสามารถฆ่าชายคนนั้นได้หลายร้อยครั้งในที่เดียวด้วยมือข้างเดียว
เขาไม่ต่างอะไรจากแมลง
แต่เพียงเพราะอารอนมีกรรม คนที่ไม่มีแม้แต่ความเข้าใจก็พยายามที่จะไปให้ถึงระดับที่สูงขึ้น
วิชาเทพเจ้าที่แท้จริงคือสิ่งนั้น
สิ่งที่ทำให้คนอ่อนแอสามารถไปถึงตำแหน่งของเทพได้ เพียงแค่เรียนรู้มัน
ความเข้าใจและการฝึกฝนทั้งหมดที่ผ่านมาล้วนไร้ประโยชน์และไร้ค่า
'ใช่แล้ว'
รีเจียนนึกถึงอดีต
มันน่าเจ็บใจแค่ไหน
คนที่เอาชนะเขาได้เป็นแค่คนโง่ที่ไม่สามารถเข้าใจแม้แต่ทักษะการใช้หอกระดับกลาง
มันควรจะเป็นแบบนี้เหรอ?
โลกนี้มันไม่มีเหตุผลขนาดนั้นเลยเหรอ?
จักรวาลจะมอบพรแห่งกรรมให้กับคนที่ไม่มีพรสวรรค์แบบนั้นงั้นเหรอ?
ถ้ากรรมเป็นส่วนหนึ่งของอารอน
ถ้าเขาสามารถควบคุมพลังนั้นได้
มันจะไม่จบลงแค่นี้
รีเจียนมั่นใจว่าเขาสามารถก้าวข้ามแม้แต่เทพเจ้าได้
เทคนิคนั้นไม่มีจุดอ่อน
ถ้ามีก็มีเพียงข้อเดียวเท่านั้น
ผู้ที่ใช้มันอ่อนแอเกินไป
ในทางกลับกัน สิ่งที่ได้รับคือความเป็นนิรันดร์และไม่มีที่สิ้นสุด
วิชาเทพเจ้าที่เคยมีอยู่แค่ในจินตนาการและความเพ้อฝันกลับมีอยู่จริงในความฝันของอารอน
'ฉันอยากได้ พลังของเจ้า'
เขาปรารถนาและโหยหามันอย่างแรงกล้า
เขาเคยคิดว่าพลังเป็นเพียงเครื่องมือและไม่เห็นค่าอะไร แต่ในวินาทีที่เขาพ่ายแพ้ เขาก็เกิดความโล�
เขาคิดว่ามันเป็นเหมือนสร้อยคอไข่มุกบนคอหมู
เขาคิดว่าเขาสามารถใช้มันได้ดีกว่าและเหนือกว่า
แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว
'แม้ว่าเขาจะสามารถเอาชนะเด็กหนุ่มคนนั้นได้ด้วยพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้'
ดังนั้น รีเจียนจึงละทิ้งความเสียใจ
'เขาไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วยพรสวรรค์ด้านจิตใจ'
พลังนั้นไม่ได้มอบให้กับเขา
ถ้าเช่นนั้นเขาก็ต้องฝึกฝนพลังที่เขามีอยู่ให้หนักขึ้น
'เหตุผลที่เขาสามารถเข้าใจพลังได้อย่างแท้จริงด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน'
หลังจากการต่อสู้จบลง
เด็กหนุ่มพูดกับชายที่คุกเข่าลง
แต่…มันยังไม่จบ
แคร้ง!
อารอนเซถอยหลังไปหลายเมตร
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดเงาจันทรา รีเจียนก็โจมตีไปที่ด้ามของหอกแทนที่จะเป็นคมหอก
"หมดแล้วเหรอ?"
"ยังมีอีกครับ"
อารอนกลับสู่ท่าเตรียมพร้อม
วู้ม!
ในไม่ช้า เงาดำก็ปกคลุมหอกทั้งหมด
"คงทำไม่ได้อีกเป็นครั้งที่สองหรอกใช่ไหม?"
"ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นครับ"
ถ้าโดนเงาที่บีบอัดแน่นหนาขนาดนั้น ไม่ว่าอาวุธใดก็ไม่อาจรอดได้
"เอาล่ะ"
ไม่จำเป็นต้องกระทืบพื้น
อารอนที่หายตัวไปจากตรงนั้นปรากฏขึ้นด้านหลังรีเจียน
รีเจียนหมุนตัวไปข้างๆ อารอนที่เหมือนกำลังลื่นไถล
ฟิ้ว
ในเวลาเดียวกัน การฟันในแนสเฉียงก็เฉียดผ่านร่างกายของอารอน
จากนั้นร่างของรีเจียนก็แยกออกเป็นหลายร่าง จนอารอนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าร่างไหนเป็นของจริง
'เหมือนสัตว์ประหลาด'
ร่างกายของอารอนก็หายไปและไล่ตามรีเจียน
เงาสองเงาตัดกันไปมาอย่างวุ่นวาย
ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เสียง
มีเพียงพายุที่รุนแรงพัดกระหน่ำไปทั่วที่ราบ
กองดินและก้อนกรวดที่หลุดออกมาจากพื้นถูกพัดขึ้นไปในอากาศ
คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้หรือเข้ามาได้
ที่นี่เป็นโลกของปีศาจแล้ว
ในระหว่างนั้น วิถีของคมดาบก็โค้งงอเป็นครั้งคราว ผ่าเงาของอารอน
การแทงตอบโต้ของอารอนก็เจาะทะลุอากาศที่ดำมืด
มีเพียงร่างสองร่างที่ปรากฏขึ้นและหายไปในพริบตา และร่องรอยที่หอกและดาบทิ้งไว้เท่านั้นที่บ่งบอกถึงทิศทางของการต่อสู้…