บทที่ 33
ป้าใหญ่ตกใจกับคำตอบที่ได้เมื่อทราบความจริง
อะไรคือกลับมาทำการเกษตรที่หยุนเฉียว?
แหม..พูดซะดูดีเชียว แต่ที่จริงก็กะอีแค่กลับมาทำไร่ทำนานั่นแหละ ทำไร่มันจะไปมีอะไรดี เศรษฐกิจตอนนี้ยิ่งซบเซา มีงานประจำทำมันไม่ดีอยู่แล้วหรือยังไง? ไม่เข้าใจความคิดครอบครัวนี้เลย
เธอรีบวางเนื้อลงแล้วเดินไปถามอีกฝ่ายทันทีว่า "น้องสาว แกพูดจริงเหรอ? "
อู่หลานกำลังล้างผัก "จริงสิ เห็นรถที่จอดอยู่หน้าบ้านไหมล่ะ นั่นน่ะถานถานขายผักป่าได้เงินมาซื้อเลยนะ"
นี่มันเป็นวิธีการตอบแบบซ่อนเงื่อนชัดเจน เห็นอยู่จะๆ ว่าซื้อมาก็เพื่อขายผักป่า
ซ่งถานที่กำลังเป่าฟองสบู่อยู่ เผลอแอบฟังจนทำฟองสบู่แตก เธอนิ่งอึ้งไป เฉียวเฉียวเห็นเธอนิ่งชะงัก ก็รีบเอื้อมมือมาลูบหัวเธอ "โอ๋ไม่ร้องไห้นะ เดี๋ยวเฉียวเฉียวเป่าฟองสบู่ลูกใหญ่ๆ ให้"
ซ่งถานกลั้นขำไม่อยู่ "พี่สาวไม่ได้ร้องไห้ ไปเป่าให้คุณตานู่นไป"
คุณตาแก่แล้ว ขาไม่ค่อยดี สองปีมานี้จึงต้องนั่งแต่รถเข็น ทำให้ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงไปไหน เดินเหินก็ลำบาก แต่ตอนนี้หลานสาวและหลานชายมาอยู่ด้วยกันใกล้ๆ ท่านก็ดูมีความสุข ปากที่บางนั้นฉีกยิ้มกว้างเกือบถึงรูหู
แต่ตรงกันข้ามกับคุณยายซ่งถานที่ยังคงสามารถไปทำงานที่ไร่นาได้ราวกับเด็กๆ อายุยี่สิบต้นๆ แข็งแรงกว่าคนหนุ่มสาวบางคนเสียอีก ตอนนี้คุณยายกำลังมองผักกาดขาวในกะละมังใหญ่ รำคาญที่น้ำเย็นเกิน จึงไล่อู่หลานไปไกลๆ
"แกเป็นอะไรของแก ผักกาดขาวแบบนี้ในไร่ฉันก็มีเต็มไปหมด เอามาเยอะแยะทำไม ไหนบอกว่าถานถานขายได้นี่ เก็บไว้ขายไม่ดีกว่าเหรอ"
น้ำบาดาลที่สูบขึ้นมาจากก๊อกเย็นเจี๊ยบถึงกระดูก แต่คุณยายกลับไม่รู้สึกอะไรเลย แสดงว่าเธอค่อนข้างชินแล้ว
อู่หลานมองผมหงอกของเธอ ตอนนี้กลับไม่เสียดายเงินเลยสักนิด "ปีนี้ผักป่าดกเป็นพิเศษ ถานถานแกได้เงินมาตั้งเยอะแล้ว ขาดไปแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกแม่ วันนี้ตั้งใจเอามาเพื่อให้ห่อเกี๊ยวโดยเฉพาะเลยนะ เวลาแม่และพ่อไม่อยากทำกับข้าว ก็จะได้ต้มเกี๊ยวกิน เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย"
ถึงแม้จะใช้ลานบ้านร่วมกัน แต่คุณยายและป้าใหญ่ก็อยู่คนละหลัง กินคนละอย่าง ถ้ามีกับข้าวอร่อยๆ ถึงจะแบ่งกัน แต่ปกติก็ไม่ค่อยได้กินข้าวด้วยกันบ่อยนัก จากนั้นป้าใหญ่จึงพูดแทรกขึ้น "น้องสาว แกคิดยังไงเนี่ย ดูถานถานของเราสิ โตมาสวยงดงามขนาดนี้ ไปทำงานที่หนิงเฉิงก็ดีแล้ว จะได้หาคนแถวนั้นมาเป็นแฟนได้ง่าย เธอจะได้มีความสุขมากขึ้น"
"อยู่แต่ในหมู่บ้านจะหาผู้ชายดีๆ ได้ยังไงกัน? นี่แกไม่เสียดายเธอเลยเหรอ"
ป้าใหญ่เหลือบมองไปทางซ่งถานที่กำลังเล่นกับเฉียวเฉียวอยู่กับคุณตา แล้วก็ลดเสียงลง "เฉียวเฉียวน่ะเป็นแบบนี้ไปแล้วคนนึง อย่าไปทำให้เธอต้องเดือดร้อนเพิ่มเลย หาผู้ชายดีๆ ให้แกเถอะ"
คุณป้าใหญ่พูดแบบนี้ได้ แสดงว่าสงสารเด็กจริงๆ
เมื่ออู่หลานฟังแล้วจึงไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองใดๆ เพราะเข้าใจเจตนาเธอดี "พี่สาว ตอนแรกฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอกนะ แต่ตอนถานถานกลับมา เธอดูอิดโรยและอ่อนแอมาก เธอบอกว่าทำงานหนักจนร่างแทบพัง ฉันเลยใจอ่อน ยอมให้พักฟื้นสักปีครึ่ง"
"ส่วนเรื่องทำไร่ ก็นั่นเด็กมันอยากทำเอง ฉันก็คิดว่าที่บ้านมีพื้นที่ไร่เปล่าๆ ตั้งเยอะแยะ ก็เลยปล่อยให้มันทำไป"
แต่เรื่องคู่ครอง...
"ตอนนี้มันกำลังสนุกกับการทำไร่อยู่ เงินที่มันมีก็ใช้หมดไปแล้ว ปล่อยให้มันทำไปก่อนเถอะ รอให้เบื่อแล้วค่อยพูดเรื่องกลับไปทำงานที่หนิงเฉิงก็ยังไม่สาย"
การทำงานข้างนอกมันเหนื่อยจริงๆ ลูกชายและลูกสาวของป้าใหญ่ก็ทำงานข้างนอกในเมืองเหมือนกัน พอได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจ แล้ววางผักกาดที่อยู่ในมือลง
"จะห่อเกี๊ยวเหรอ? งั้นฉันจะไปสับเนื้อหมูละกัน โอ้โห! แกนี่เก็บมาเยอะเกินไปหรือเปล่า เกี๊ยวที่ห่อเสร็จคงใส่เต็มตู้เย็นได้เลยมั้งเนี่ย"
ซ่งซานเฉินพอได้ยินก็เกิดรู้สึกอยากกินขึ้นมาบ้าง แม่ครัวอย่างอู่หลานเอาแต่สนใจเรื่องหาเงินทุกวี่ทุกวัน ผักป่าพวกนี้คิดแต่จะขายออกไป ที่บ้านจะได้มีโอกาสกินก็ต่อเมื่อถานถานร้องขออย่างจริงจัง แม้จะเป็นเช่นนั้น เกี๊ยวผักกาดที่บ้านก็หมดไปนานแล้ว ยังไม่ได้ห่อใหม่เลย
ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างภาคภูมิใจ "พี่สะใภ้วางใจเถอะ ผักป่าพวกนี้เราบอกว่ากิโลละสามสิบหยวน ไม่ได้โม้เกินจริงหรอก รอให้พี่ได้กินจะรู้เองว่ามันอร่อยมาก"
อย่างเช่นครอบครัวของพวกเขาทั้งสี่คน มื้อหนึ่งได้เจอเกี๊ยวแต่ละทีก็ต้องยัดลงกระเพาะไปมากกว่าร้อยชิ้น!
วันนี้เอาผักกาดมาสิบกิโล รวมทั้งผักอื่นๆ อีกนิดหน่อย คงไม่พอให้กินได้นานนักหรอก
ป้าใหญ่ไม่มีท่าทีเชื่อสักนิด "ผักกาดกินซ้ำๆ อยู่ทุกปีจนเบื่อ จะกินวิธีไหนให้มันอร่อยมากไปกว่านี้อีก" พูดเสร็จก็หันไปมองเนื้อสองถุงใหญ่ๆ จึงรีบตะโกนเรียก "เฉียวเฉียว ไปข้างหน้าบ้านเรียกลุงแกให้กลับมาสับเนื้อเร็ว! "
ไม่นาน อู่เฉิงเทา คุณลุงของเฉียวเฉียวก็รีบวิ่งกลับมา ลุงใหญ่หันไปล้างมือก่อนจะถามว่า "รถข้างนอกเป็นของใครเหรอ ซานเฉิน นายสอบใบขับขี่แล้วหรือไง" เขาดูตื่นเต้นไปด้วย "เรียกถูกจังหวะดีมากเมียจ๋า! ผมเล่นไพ่เสียเงินไปตั้งสองร้อยหยวนแล้ว พวกนั้นมันไม่ยอมให้ลงจากโต๊ะไพ่สักที! "
ป้าใหญ่ลมออกหูทันที ด่าเขาว่า "พอแพ้ไพ่ทีไรก็อยากจะลุกหนีออกจากวง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาขาดคนกัน คิดว่าใครจะอยากมาเรียกแก"
ลุงใหญ่รู้สึกน้อยใจ "ผมพูดว่าจะเดิมพันตาละหนึ่งหยวนต่างหาก แต่พวกนั้นไม่ยอมกัน ไม่งั้นผมคงไม่หนีหรอก"
ประเด็นคือใครจะเล่นไพ่เสือมังกรที่เดิมพันเงินแค่หนึ่งหยวนกันล่ะ! ป้าใหญ่กลอกตาแล้วยัดมีดทำครัวใส่ในมือเขา "รีบๆ สับหมูให้ละเอียด คืนนี้เราจะห่อเกี๊ยว"
ซ่งซานเฉินโบกมือรัวๆ "เปล่า ยังไม่ได้สอบเลย แค่ถานถานแกขายผักอยู่ที่บ้านแล้วได้เงินมาเฉยๆ ก็เลยเอาเงินมาซื้อรถและบอกว่าเผื่อเวลาออกไปไหนมาไหนจะได้สะดวก"
โอ้โห!
ซ่งถานคิดในใจ ทำไมทุกคนถึงชอบมาประจบประแจงยกยอเธอจังนะ ไม่แปลกใจเลยทำไมเธอถึงพูดเก่งขนาดนี้ คงเป็นเชื้อตกทอดทางพันธุกรรม
ลุงใหญ่ก็มองรถคันนั้นอย่างอิจฉา "รถกระบะนี่มันดีนะ ขนของได้เยอะ ใช้ประโยชน์ได้เยอะเลย ตอนที่อู่เหลยอยากจะซื้อรถ ฉันบอกว่าให้ซื้อคันใหญ่ๆ แต่มันก็ไม่ยอมฟังยังดันทุรังจะซื้อแต่รถเก๋ง ไปไหนทีครอบครัวนึงนั่งอัดแน่นกันไปหมด"
อู่เหลยลูกชายของลุงใหญ่เมื่อก่อนทำงานอยู่ในตัวเมือง แต่เมื่อไม่นานมานี้จู่ๆ ก็ไปคว้าหญิงสาวจากในเมืองมาคบหาดูใจอยู่คนหนึ่ง สุดท้ายจึงตามแฟนสาวไปอยู่ที่หนิงเฉิงด้วยกัน ที่บ้านก็เลยคิดจะรวมเงินกันซื้อรถให้ลูกชายก่อนจะย้ายถิ่นฐานตามแฟนเขาไป เพื่อที่เวลาไปบ้านฝ่ายหญิงจะได้ดูดีมีหน้ามีตา
พอหันไปมองเนื้อที่อยู่บนเขียง เขาก็ถึงกับอึ้ง "ต้องห่อเกี๊ยวเยอะขนาดไหนกันเนี่ย"
อู่หลานหัวเราะ
"ฉันกลับมาคราวนี้ก็ตั้งใจจะขนฟางกลับไปที่บ้านนู้นด้วย เลยต้องซื้อเนื้อเยอะๆ มาแลกหน่อย เอาไว้ให้พวกพี่สาวกินเล่น"
ลุงใหญ่จ้องเธอตาเขียว "ฟางมันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากมาย อยากจะขนก็ขนไปสิ ซื้อมาเยอะแยะขนาดนี้ กินจนถึงปีวอกปีชวดเลยรึไง"
ซ่งซานเฉินยังคงลอบยิ้มอย่างมีเลศนัยเหมือนเดิม
"เกี๊ยวทั้งหมดนี้ ถ้าพวกพี่ใหญ่ฝืนใจเก็บไว้กินได้นานถึงสิ้นเดือนฉันยอมก้มกราบเลยเอ้า! รีบๆ ลงมือเถอะ ผักก็ล้างเสร็จแล้ว ถึงเวลาต้องนวดแป้งแล้ว"
เขาขี้เกียจรอเต็มทน…
คนทั้งบ้านก็เลยลงมือกันอย่างคึกคัก เมื่อแป้งนวดเสร็จ คุณตาที่นั่งบนรถเข็นก็เริ่มช่วยห่อเกี๊ยวอย่างช้าๆ คุณยายมองผักกาดขาวแล้วดมกลิ่น พร้อมพยักหน้าเล็กน้อย "ไม่แปลกใจเลยที่พวกแกบอกว่าผักนี้ราคา 30 หยวน กลิ่นมันช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนเหลือเกิน กลิ่นหอมมาก"
เมื่อเธอพูดแบบนั้น คุณป้าใหญ่ก็รู้สึกว่ากลิ่นมันหอมน่ากินมากไม่ผิดจากที่แม่เธอพูดจริงๆ จึงพูดอย่างใจกว้างไม่หวงก้างว่า "แม่ จริงๆ แล้วแม่กับพ่อก็ชอบกินของนุ่มๆ นะ เพราะงั้นเกี๊ยวพวกนี้เดี๋ยวฉันจะเอาไปแช่แข็งไว้ในตู้เย็นให้แม่ ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็เอาออกมาต้มกินเองได้ มีประโยชน์ด้วย แล้วก็ย่อยง่ายอีกต่างหาก"
"พวกเราไม่ต้องกินหรอก ถ้าอยากกินเดี๋ยวก็ค่อยไปขุดมากินเอง" แล้วจึงหันไปพูดกับอู่หลานว่า "ถ้าแกอยากจะเอาฟาง แกเอาไปเลยก็ได้ ฟางพวกนั้นนอกจากใช้จุดไฟได้แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีก ปีนี้พวกเราไม่คิดจะปลูกข้าวแล้ว มันเสียเวลาเสียแรง เปลืองพลังงาน ยังไงก็ซื้อมากินเองคุ้มกว่าเยอะ"
อู่หลานก็ไม่เกรงใจ "ได้ งั้นฉันจะให้เฉียวเฉียวกับคนอื่นๆ ขนขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย แต่ป้าใหญ่ เกี๊ยวพวกนี้ป้าใหญ่กับแม่แบ่งกันไปชิมคนละครึ่งเถอะ อย่าให้แม่กับพ่อทั้งหมด มันต่างจากผักป่าชนิดอื่นจริงๆ นะ"
เธอได้ลองชิมผักป่าชนิดอื่นๆ ในหมู่บ้านจนหมดแล้ว มันไม่มีที่ไหนรสชาติเทียบผักป่าที่นี่ได้หรอก อู่หลานมั่นใจ