ตอนที่แล้วตอนที่ 498 ข้อตกลงใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 500 ความตายของศิษย์นิกายอมตะต้าเซี่ย

ตอนที่ 499 เมืองหลี่หยาง (ฟรี)


ตอนที่ 499 เมืองหลี่หยาง

จากนั้นซูหยางก็แค่รอให้ผลลายครามในมือของเขาสุกงอม แล้วจะยังไงให้มันเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้น

ก็ต้องรอให้เขาทะลวงผ่านไปถึงระดับหกก่อน

เพราะถ้าเขาทะลวงผ่านไปถึงระดับหก เขาจะได้อนุมานทักษะกาลพฤกษาระดับหก

เมื่อถึงเวลานั้น ผลลายครามก็จะสามารถเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นตามธรรมชาติ

ดังนั้น เขายังต้องไปเมืองใหญ่อื่นๆ แต่ก่อนที่จะไป ดูเหมือนว่าเขาจะต้องทะลวงผ่านระดับหกก่อน

เพื่อดูว่าจะผลิตผลลายครามได้มากเท่าใด และใช้เวลาเท่าไหร่

เพราะถ้าเขาต้องการเจรจาธุรกิจกับอีกฝ่าย เขาต้องมีข้อมูลอยู่ในมือก่อนจึงจะเจรจาอะไรกันได้

ถ้าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสินค้าของตัวเองเลย เขาจะเจรจาธุรกิจกับอีกฝ่ายได้อย่างไร?

ดังนั้น หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว ซูหยางก็เดินทางกลับ และเริ่มฝึกฝนโดยตรงด้วยความช่วยเหลือจากผลมังกรในมือ

หนึ่งเดือนผ่านไป และในบรรดายีนทั้งแปดของซูหยาง ยีนพฤกษาเป็นยีนแรกที่ทะลวงผ่านไปถึงระดับหกขั้นต้น

หลังจากทะลวงผ่านไปยังระดับหก ซูหยางก็ขอให้ระบบอนุมานทักษะกาลพฤกษาระดับหก

ตอนนี้เขาจึงแค่ต้องรอ หลังจากได้รับทักษะกาลพฤกษาระดับหก อัตราการเติบโตของพืชวิญญาณในมือของเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

อย่างแรกคือ ต้นโลหิตมังกรซึ่งมีอายุการเจริญเติบโต และออกผลสั้นลงเหลือเพียงหนึ่งร้อยปี

นี่เป็นอย่างที่เขาคาดเอาไว้

จากนั้น ก็ถึงคราวของต้นเหวินหลันที่สำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งเปลี่ยนเวลาออกผลจากห้าปีเป็นหนึ่งปี

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะได้รับผลลายคราม 115,000 ผลต่อปี

การเก็บเกี่ยวนี้เพิ่มขึ้นโดยตรงถึงห้าเท่า ด้วยข้อมูลที่อยู่ในมือ ซูหยางสามารถไปยังเมืองที่ใหญ่กว่าเพื่อทำข้อตกลงทางธุรกิจได้

โลกจีหยินสามารถแบ่งออกเป็นเก้าเขต หนึ่งภูมิภาค

ตำแหน่งปัจจุบันของเขาคือ เขาหลี่หยาง

ดังนั้น หากเขาต้องการที่เมืองที่ใหญ่โต เขาก็ต้องไปที่เมืองหลี่หยาง ซึ่งเป็นเมืองที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเขตหลี่หยาง

เจ้าเมืองหลี่หยางเป็นผู้ฝึกยีนระดับสิบ

ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาที่จะบริโภคผลลายครามในมือของเขา สิ่งสำคัญตอนนี้คือ เขาต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อไปถึงเมืองหลี่หยาง

หากเขาต้องการไปถึงเมืองหลี่หยางด้วยความเร็วในตอนนี้ จะใช้เวลาประมาณสามวัน

เขตหลี่หยางครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล้านลี้ และมีขนาดใหญ่มาก เมื่อเอาเมืองหมอกขาวที่มีพื้นที่แค่นับพันลี้ไปเทียบ มันจึงดูเล็กจิ๋วไปเลย

ซูหยางไม่ได้วางแผนที่จะไปเมืองอื่นๆ เพื่อขายทรัพยากรในมือ

เขาวางแผนที่จะจัดการให้เสร็จสิ้นในคราวเดียว และตรงไปยังเมืองที่ทรงพลังที่สุดเพื่อขายทรัพยากร เมื่อเขาจะนำผลมังกรออกมาขายในอนาคต เขาจะได้ใช้เส้นทางที่ปูไว้ก่อนนี้ขายผลมังกรออกไปได้เลย โดยไม่ต้องเดินทางไปที่อื่นอีก

สามวันต่อมา

หลังจากที่ซูหยางเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่เป็นเวลาสามวัน เขาก็มาถึงที่ๆ เมืองหลี่หยางตั้งอยู่

ในเวลานี้ เขาได้เข้าสู่เมืองหลี่หยาง ซึ่งเป็นเมืองที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเขตนี้แล้ว

แค่ขนาดของเมือง เมืองหมอกขาวก็ไม่อาจเทียบเคียงได้แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเข้าสู่เมืองหลี่หยาง ซูหยางสามารถสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังได้มากมาย และเขาถือได้ว่าอยู่ในระดับกลางๆ ของผู้ฝึกยีนในเมืองนี้เท่านั้น

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองหลี่หยางคือ ผู้ฝึกยีนระดับ 10 และตอนนี้เขาอยู่ที่ระดับ 6 เท่านั้น

โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่อาจเทียบกับอีกฝ่ายได้ แต่เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อแข่งขันทางด้านความแข็งแกร่ง

และเขาก็ไม่ได้พึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงอย่างเดียวในการรวบรวมทรัพยากร

ตอนนี้ เขามาที่นี่เพื่อขายผลลายคราม

เมืองนี้ใหญ่มาก ซึ่งหมายความว่ามีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก

ภายใต้ความเจริญรุ่งเรืองเหล่านี้จึงมีหอการค้าจำนวนมากตั้งอยู่ที่นี่

หอการค้าเหล่านี้จำเป็นต้องรวบรวมทรัพยากรต่างๆ จากทั่วทุกที่ การขายผลลายครามของเขาจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ

ผลลายครามนับแสนผลต่อปีเป็นทรัพยากรจำนวนมากสำหรับเมืองหมอกขาว แต่ก็ไม่คุ้มที่จะกล่าวถึงสำหรับเมืองหลี่หยาง

ในสภาพแวดล้อมที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้ โดยทั่วไปผู้ซื้อจะไม่กดราคาลง

เว้นแต่พวกเขาจะมีความมั่นใจในตนเอง

ซูหยางจึงมองหาหอการค้าแห่งหนึ่งเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ

เขาแค่สุ่มมองหาหอการค้า และไม่ได้ค้นหาโดยเฉพาะเจาะจง ดังนั้นเขาจึงพบเป้าหมายอย่างรวดเร็ว

เขาใช้เวลาไม่นาน และการเจรจาในเวลาต่อมาก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นมาก ราคาที่อีกฝ่ายให้ไว้คือ ราคาตลาด

ผลลายครามหนึ่งผลถูกซื้อในราคา 0.7 ผลึกวิญญาณระดับห้า

ราคายุติธรรม และไม่มีอะไรผิดปกติกับมัน

ดังนั้นซูหยางจึงเลือกขายให้กับอีกฝ่ายโดยตรง หลังจากบรรลุข้อตกลงทางธุรกิจ ซูหยางก็แค่รอให้ผลลายครามชุดแรกสุกงอม

นอกจากนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีก

ตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องรอคอยอย่างเงียบๆ ในโลกหวู่เฮย รอให้ผลลายครามสุก และรอให้ต้นโลหิตมังกรเติบโตเต็มที่

เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับสิ่งอื่น และไม่จำเป็นต้องออกไปนอกโลกเพื่อรวบรวมทรัพยากร สิ่งที่ตามมาคือ เวลารอคอยที่ยาวนาน

ตามข้อตกลงกับหอการค้าต่างๆ เขาจะได้รับแต้มมโนภาพ 80,000 จุดต่อปี ซึ่งหมายความว่าทุกปี เขาสามารถเร่งความรืบหน้าได้ 8%

เมื่อคำนวณด้วยวิธีนี้ เขาจะใช้เวลาอีกสิบสองปีครึ่ง

เวลานี้ไม่นาน อย่างน้อยก็สำหรับเขาในตอนนี้

ต้องรู้ว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งร้อยปีกว่าที่ต้นโลหิตมังกรจะออกผลหนึ่งครั้ง

ดังนั้น 12 ปีครึ่งจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อตัวเขา อย่างน้อยก็ในแง่ของความแข็งแกร่งของตัวเขาเอง

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และสิบสองปีครึ่งผ่านไปอย่างเงียบ ๆ

ซูหยางจึงรวบรวมแต้มมโนภาพได้มากพอ และใช้มันเพื่อทะลวงผ่านเป็นจ้าวนิรันดร์ขั้นสูง

ด้วยเหตุนี้ ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีอะไรสำคัญเกิดขึ้นในช่วงสิบสองปีครึ่งที่ผ่านมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง ซูหยางซ่อนตัวอยู่ในโลกหวู่เฮย คอยปกป้องต้นเหวินหลัน และต้นโลหิตมังกร ดังนั้นจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขา

ต่อจากนี้ หากเขาต้องการเป็นจ้าวนิรันดร์ขั้นสูงสุด เขาจะต้องรวบรวมทรัพยากรให้ได้มากขึ้น

ต้องใช้แต้มมโนภาพหนึ่งแสนจุดเพื่อเร่งความคืบหน้า 1% ซึ่งดูเหมือนแต่ละระดับจะเพิ่มขึ้น 10 เท่า

ด้วยจำนวนแต้มมโนภาพที่ต้องใช้เพื่อทะลวงผ่านเป็นจ้าวนิรันดร์ขั้นสูงสุด และหากเขามีทรัพยากรในมือเท่านั้น

ต้องใช้เวลาเพียงหนึ่งร้อยยี่สิบห้าปี ซึ่งเขาพอจะยอมรับได้อยู่ ไม่ว่ายังไง เวลาที่จำเป็นในการปลูกต้นโลหิตมังกรก็อยู่ที่หนึ่งร้อยปี

เมื่อเขาฝึกฝนนานขึ้น ซูหยางก็ค่อยๆ ชินกับกาลเวลาที่ผ่านไป

สำหรับคนอื่นๆ ที่ในระดับเดียวกับเขา จริงๆ แล้วเวลา 100 ปีนั้นเป็นเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

เวลายังคงผ่านไปเช่นนี้ และซูหยางไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งใดในปีต่อๆ มา

แม้ว่าโลกภายนอกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปทุกรูปแบบก็ตาม

ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในเมืองเทียนหนาน หรือการปะทุของสงครามระหว่างเมืองหมอกขาว และเมืองอื่นๆ

สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาได้รับข้อมูลจากการซื้อขายกับอีกฝ่ายเท่านั้น

ทำให้ในเวลานี้ เขาสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยความช่วยเหลือจากพืชวิญญาณที่เขาปลูก

ไม่มีอะไรมารบกวนเขาได้

เขามีทรัพยากรเพียงพอที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว

แปดสิบแปดปีผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว

หลังผ่านมาอีกแปดสิบแปดปี ต้นโลหิตมังกรที่ซูหยางย้ายมาจากแดนลับเฉี่ยหลงก็ได้ออกผลมังกรชุดแรก

มีต้นโลหิตมังกรทั้งหมด 180 ต้น ซึ่งแต่ละต้นสามารถออกผลมังกรได้หนึ่งร้อยผล

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับผลมังกร 18,000 ผล ด้วยผลมังกรชุดนี้ เขาจะสามารถปรับปรุงความแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

เขากินผลมังกรก่อนหน้านี้ไปจนหมดแล้ว แต่ก็ทำให้ยีนพฤกษาของเขาไปถึงระดับหกขั้นกลางเท่านั้น

ยิ่งไปไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งยากจะพัฒนา แม้ว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากทรัพยากรมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เคยเพียงพอ

แต่ด้วยผลมังกร 18,000 ผล มันน่าจะช่วยให้ยีนพฤกษาของเขาไปถึงระดับหกขั้นสูงสุดได้

ในอนาคต ตราบใดที่เขาปลูกต้นโลหิตมังกรได้มากพอ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดี

ตอนนี้เขามีต้นโลหิตมังกรที่โตเต็มที่ 360 ต้นอยู่ในมือ และจำนวนจะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งพันต้นในอนาคต เนื่องจากเขามีเมล็ดพันธุ์อยู่ในมือเพียงพอแล้ว

หลังจากเก็บเกี่ยวผลมังกรชุดนี้แล้ว ซูหยางก็กลับไปฝึกฝน

ในขณะที่เขาเริ่มฝึกยีน เขายังปลูกต้นโลหิตมังกรอีกพันต้น เพื่อที่ในอีกร้อยปี พวกมันจะได้โตเต็มที่ และรออีกร้อยปีในการออกผล

ขณะที่ซูหยางฝึกฝน และปลูกต้นโลหิตมังกรไปด้วย เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ผ่านไปถึง 37 ปี

หลังจาก 37 ปีผ่านมา ซูหยางได้รวบรวมทรัพยากรเพียงพอที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งของร่างหลักอีกครั้ง

หลังจากรวบรวมแต้มมโนภาพได้เพียงพอแล้ว เขาไม่ลังเลที่จะทุ่มทั้งหมดลงไปในการฝึกฝน

ทำให้ฐานการบ่มเพาะของเขาทะลวงผ่านจากจ้าวนิรันดร์ขั้นสูงไปสู่จ้าวนิรันดร์ขั้นสูงสุด!

เขาใช้เวลาแต่ร้อยกว่าปีในการพัฒนาจากจ้าวนิรันดร์ขั้นต้นไปสู่จ้าวนิรันดร์ขั้นสูงสุด ความเร็วนี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้ฝึกฝนทุกคนตกตะลึง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด