ตอนที่แล้วตอนที่ 31 พักเหนื่อยและเพลิดเพลินกับอาหาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 33 ความทะเยอทะยานของซุนเกี๋ยนและปัญหา

ตอนที่ 32 ไก่ขอทาน สุราไผ่และคำถามของซุนเกี๋ยน


"หอม! หอมจริงๆ! "

ในป่าทึบ  ชายสามคนนั่งล้อมวงกินเนื้อกระต่ายกันอย่างเอร็ดอร่อย

สุรา อาหาร เงินทอง และสาวงามเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ชาย

ในฐานะที่เป็นสิ่งที่สอง อาหารย่อมเป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ชายใฝ่ฝันหา

ซุนเกี๋ยนรู้สึกว่าเนื้อกระต่ายย่างของไป๋หลี่หมิงอร่อยมาก กินไปหนึ่งขาแล้ว เขาก็ขอให้ไป๋หลี่หมิงฉีกให้อีก

กระต่ายตัวโตหนักสามชั่งถูกชายสามคนจัดการเสร็จในเวลาไม่นาน!

ตอนซุนเกี๋ยนกำลังกินขาหน้าของกระต่ายและอยากเอื้อมไปหยิบอีก เรื่องน่าอึดอัดก็เกิดเพราะมันไม่เหลือแล้ว

เขาดันหันไปเห็นไป๋หลี่หมิงกับเตียนอุยเองกำลังเอื้อมไปหยิบหาเนื้อกระต่ายชิ้นบนใบไม้ข้างหลังเขา

แต่กระต่ายโดนเขาซัดเรียบแล้ว เหลือค่หัว

ซุนเกี๋ยนมองหัวกระต่าย เลียริมฝีปาก“หรังจง มีอีกไหม?”

"ไม่มีแล้ว ข้าล่ามาได้แค่ตัวเดียว” ไป๋หลี่หมิงทำหน้าขมขื่น

ซุนเกี๋ยนมองคราบน้ำมันบนมือและรู้สึกเขินเล็กน้อย

มันดูเหมือนเขาจะกินมากไป!แต่เขากินไปแค่ครึ่งตัวเอง ซึ่งยังไม่อิ่มท้องเลย!“ให้ทหารไปล่ามาเพิ่มดีไหม?”

ตอนเขาพูดเช่นนี้ เขาก็แหงนมองฟ้าเพื่อกลบความเขินอาย เขาคือเจ้าคนนายคน ไม่ใช่ตัวตะกละ

เตียนอุยมองซุนเกี๋ยนแล้วยิ้ม  ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของอาหารนั้นไร้ขีดจำกัด  ตอนที่เขากินเนื้อย่างของไป๋หลี่หมิงครั้งแรก เขาก็ทำท่าทางไม่ต่างจากซุนเกี๋ยนตอนนี้สักเท่าไหร่

แต่หลังจากหัวเราะสักพัก เขาก็หันไปยิ้มให้ไป๋หลี่หมิง

“หรัวจง อย่าแกล้งนายท่านสิ เอาไก่ขอทาน(ชื่อเมนู)ออกมาให้นายท่านชิมดีกว่า!”

“อะไรนะ?  มีไก่อีกตัวหรือ?”  ซุนเกี๋ยนดีใจ

“ไก่?อยู่ไหน ทำไมข้าไม่เห็น?” ซุนเกี๋ยนมองไปรอบๆ

ไป๋หลี่หมิงกับเตียนอุยมองหน้ากันแล้วหัวเราะ

"นายท่านไม่เห็นหรือ? ไก่กำลังย่างอยู่บนไฟ!” ไป๋หลี่หมิงชชี้ไปที่กองไฟ

“กองไฟ?” ซุนเกี๋ยนมองไปที่กองไฟ  เห็นว่ามีก้อนดินกลมๆ วางอยู่  เขางงหนักกว่าเดิม

"ท่านกุนซือ ท่านกำลังล้อข้าเล่นหรือ?”

"ไก่ที่ไหนอยู่ในกองไฟ?”

เห็นทั้งสองคนแกล้ง  เขาก็ไม่ได้โกรธ แค่ยิ้มแล้วพูดว่า"เอาเถอะ ในเมื่อไม่มีไก่ งั้นข้าให้ทหารไปเอามาเพิ่มก็ได้!”

"มานี่!  "

“นายท่าน รอเดี๋ยว!”  เตียนอุยรีบห้าม

“ในกองไฟนั่นมีไก่อยู่จริงๆ! ”

มีไก่อยู่จริงๆ?ไหน? ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้วและมองกองไฟใหม่โดยไม่รู้ตัวและตกตะลึง

ไก่?  อยู่ไหน?

ทันใดนั้น ไป๋หลี่หมิงก็ใช้ไม้เขี่ยก้อนดินในกองไฟ  หลังก้อนดินกลิ้งออกมา  เขาก็ใช้ไม้ทุบก้อนดินแตก  พอก้อนดินแตก มันก็ปล่อยควันสีขาวลอยโขมง

ไป๋หลี่หมิงแกะก้อนดินออก เผยให้เห็นไก่ที่อยู่ข้างใน "นายท่าน  นี่ไม่ใช่ไก่แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?”

นี่มันบ้าอะไร?

ซุนเกี๋ยนอึ้ง

ไก่?มีวิธีกินแบบนี้ด้วย?

นี่คือสิ่งที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน!

ตอนเขากำลังตกใจ ไป๋หลี่หมิงก็ฉีกน่องไก่และยื่นให้เขา

“นายท่าน ทำไมไม่ลองชิมเล่า?”

ซุนเกี๋ยนมองขากไก่ที่ยื่นมาให้  ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง  ไม่กล้าหยิบ

ไก่ในก้อนดินกินได้จริงๆ หรือ?

แต่เขาก็ได้กลิ่นหอมลอยมาเตะจมูก  ไม่เหมือนกับเนื้อกระต่าย กลิ่นหอมอ่อนๆ  แต่ชวนหลงไหล

เขาอดใจไม่ไหว คว้าขาไก่มากัดคำโต

วินาทีต่อมา

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ราวกับรู้สึกประหลาดใจ มองขาไก่ตาค้าง พูดไม่ออก

"อร่อยกว่าเนื้อกระต่ายอีก!  "ซุนเกี๋ยนอุทาน

พูดจบเขาก็ไม่ถามอะไรอีก ก้มหน้าก้มตากินอย่างเอร็ดอร่อย

ไป๋หลี่หมิงกับเตียนอุยเห็นดังนั้นก็หัวเราะ

เตียนอุยฉีกปีกไก่มากิน แล้วมองไป๋หลี่หมิงด้วยรอยยิ้ม

"หรัวจง กินเนื้อแล้วไม่ดื่ม มันยังไงๆ อยู่นะ!”

"นายท่านก็อยู่นี่แล้ว  สุรากระบอกไผ่ของเจ้าล่ะ?"

ไป๋หลี่หมิงถอนหายใจ ชี้เตียนอุยแล้วยิ้มขมขื่นและวางขาไก่ลง

"ข้าอุตส่าห์ชวนเจ้ามากินเนื้อ แต่เจ้ากลับอยากดื่มสุราของข้าทั้งวัน ข้าไม่น่าเรียกเจ้ามาแต่แรกเลย!”

เห็นได้ชัดว่าเตียนอุยชินแล้วและแค่หัวเราะ

"ท่านกุนซือมีสุราหรือ? รีบเอาออกมาเร็ว ข้ากินเนื้อแล้ว แต่อยากลองสุราด้วย!”  ซุนเกี๋ยนตาลุกวาว

เตียนอุยเห็นซุนเกี๋ยนสนใจก็รีบเติมเชื้อไฟ

"นายท่าน ท่านไม่รู้หรอกว่าสุราไผ่ของน้องข้าเด็ดและหอมกว่าเนื้อย่างตั้งเยอะ กินเนื้อคำจิบสุราคำเหมือนได้ขึ้นสวรรค์! "

ซุนเกี๋ยนเป็นคนชอบดื่มสุรา พอได้ยินแบบนั้น เขาก็จ้องไป๋หลี่หมิงเขม็ง

สายตาเหมือนกับว่าถ้าไป๋หลี่หมิงไม่ให้ เขาจะปล้น!

นี่มันโจรสองคนชัดๆ!ไป๋หลี่หมิงคิดในใจ

เขาตั้งใจจะเก็บสุราไผ่ไว้ดื่มคนเดียวเพราะบ่มไว้น้อย แต่ดันมีเพื่อนขี้เมาอย่างเตียนอุย!

แต่การได้ดื่มกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ

พอเห็นบรรยากาศเป็นเช่นนี้ เขาก็ถอนหายใจ หยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากย่าม"ข้ามีอยู่แค่นี้แหละ ดื่มน้อยๆ หน่อยแล้วกัน!  "

พูดจบ เขาก็หยิบถ้วยไม้เล็กๆ สามใบออกมาวางลงบนพื้น  เปิดจุกกระบอกไม้ไผ่ แล้วรินสุราลงไป

ซุนเกี๋ยนแปลกใจที่เห็นไป๋หลี่หมิงใช้กระบอกไม้ไผ่เก็บสุรา

แต่จากนั้นเขาก็เห็นของเหลวใสเหมือนผลึกไหลออกจากกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งทำให้เขายิ่งแปลกใจ

"นี่สุราหรือ?" เขาชี้ไปที่ถ้วยใบหนึ่ง

แม้ว่าในยุคนี้จะมีสุราอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นเหล้าขาวขุ่นๆ ทำไมถึงใสสะอาดขนาดนี้?

เตียนอุยหยิบถ้วยขึ้นมาสองใบ ยื่นให้ซุนเกี๋ยนใบหนึ่ง “นายท่าน  นี่เป็นสุราที่น้องข้าบ่มเอง ลองชิมสิ!” พูดจบเขาก็รีบกระดก

"สุราดี สุราดี อร่อยมาก! "

พอเห็นว่าเตียนอุยเพลิดเพลินแค่ไหน ซุนเกี๋ยนก็มองสุราในมือ และเผยความแปลกใจอีกครั้ง

มันสุดยอดขนาดนั้นจริงหรือ?

โดยไม่รู้ตัว ซุนเกี๋ยนมองสุราในมือและสูดดม

หอม!

กลิ่นหอมหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของสุรา

แต่ในความหอมหวาน  ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้ไผ่

แค่กลิ่นก็หอมกว่าสุราที่เขาเคยดื่มมาแล้ว!

หลังจากดมแล้ว เขาก็ยกขึ้นดื่ม

วินาทีต่อมา กลิ่นหอมของสุราก็แปรเปลี่ยนเป็นรสเผ็ดร้อน  ลำคอของเขาร้อนผ่าว

แต่หลังจากรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่พักหนึ่ง เขาก็รู้สึกถึงกระแสความร้อนวิ่งตรงไปที่ท้อง และกลิ่นหอมของสุราก็ระเบิดออกมาอีกครั้ง

เขาดำดิ่งกับความรู้สึกนี้ หลับตาลง จมอยู่กับอารมณ์อยู่นานก่อนจะพูดขึ้น

"ดื่มสุราจอกนี้แล้ว ข้าคงกลับไปดื่มสุราแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว!  " ซุนเกี๋ยนพูดอย่างซาบซึ้ง

“ใช่แล้ว นายท่าน สุรานี้สุดยอดจริงๆ!” เตียนอุยเห็นด้วย

"ข้าดื่มครั้งเดียวก็ยังลืมไม่ลง!”

ซุนเกี๋ยนยิ้ม แต่หลังยิ้มสักพัก เขาก็มองไป๋หลี่หมิง พูดด้วยแววตาแปลกๆ

“สุรานี้ เป็นท่านบ่มเองจริงหรือ ท่านุนซือ?”

“ท่านไปเรียนรู้วิธีการบ่มสุราเลิศรสเช่นนี้จากไหนกัน?”

มันต้องบอกว่ายิ่งเขารู้จักไป๋หลี่หมิง ซุนเกี๋ยนก็พบว่ากุนซือของเขามีเรื่องให้น่าแปลกใจตลอด

ดูอายุของเขาสิ นี่มันอัจฉริยะฟ้าประทานชัดๆ

ไม่เพียงกลยุทธ์ทางทหารจะสุดยอด แต่ความสามารถในการเข้าถึงหัวใจของผู้คนก็ยังไม่ธรรมดา!

เวลานี้ การทำนายความพ่ายแพ้ของกองทัพพันธมิตรไม่ใช่ผลลัพธ์ที่จะได้รับมาง่ายๆ

ถ้าไม่รู้จักนิสัยของอ้วนเสี้ยวกับตั๋งโต๊ะเป็นอย่างดี ก็จะไม่มีวันสรุปสถานการณ์เช่นนี้ได้ล่วงหน้า

เช่นเดียวกับการเดินทางจากเหนือลงใต้

ดูการเดินทางที่ราบรื่นของพวกเขาสิ

พบเจออันตรายอะไรบ้างไหม?แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

นอกจากเรื่องพวกนี้ เขายังรู้จักสารพัดสิ่งและรู้วิธีย่างเนื้อในลักษณะแปลกๆด้วย

สุราที่เขาบ่มเองก็ยังเป็นสุราเลิศรสที่หาไม่ได้ในโลก

ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่พบด้านใหม่ของไป๋หลี่หมิง ก็จะพบว่าเขาบรรลุในด้านนั้นจนถึงขีดสุด!

ประสบการณ์แบบไหนในโลกถึงบ่มเพาะคนเช่นนี้ได้กัน!

พูดตรงๆ เขาอยากรู้จริงๆ

ดังนั้น แม้ประโยคนี้จะพูดออกไปส่งๆ แต่มันเต็มไปด้วยความสงสัย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด