ตอนที่ 30 ซุนเกี๋ยนกังวลเกินเหตุ
"รายงาน! ท่านแม่ทัพ มีรายงานการรบจากด่านโสหุย!"
ค่ายของซุนเกี๋ยน ทางเหนือของลั่วหยาง บนภูเขาเป่ยหมาง
หลังจากข้ามแม่น้ำมาหลายวัน กองทัพของซุนเกี๋ยนส่วนใหญ่ก็เคลื่อนย้ายมาถึงฝั่งใต้ของแม่น้ำเหลืองแล้ว
ตามแผนของไป๋หลี่หมิง เขาตั้งค่ายอยู่ทางทิศตะวันตกของภูเขาเป่ยหมาง
ยกเว้นเฉิงผู่ที่นำทหารแปดพันนาย ทำทีเป็นโจมตีที่ริมฝั่งแม่น้ำทางเหนือ ทหารที่เหลือต่างก็อยู่ที่นี่
ตอนนี้เขากำลังฝึกทหาร ตรวจตราค่ายกับเหล่าขุนพล
พอได้ยินรายงานการรบ ซุนเกี๋ยนก็รีบสั่งให้ทหารเข้ามาหา
"มีรายงานว่าอย่างไรบ้าง?"
ทหารคุกเข่าลง กล่าวรายงาน
"เรียนท่านแม่ทัพ เมื่อสามวันก่อน กองกำลังพันธมิตรปะทะกับตั๋งโต๊ะที่หน้าด่านโสหุย พ่ายแพ้สูญเสียทหารไปหลายหมื่นนาย!"
"ท่านโจโฉฝากจดหมายมาบอกให้ท่านแม่ทัพรีบยกทัพไปตีเหอตงเพื่อแบ่งเบาภาระ "
"ว่าอย่างไรนะ? กองกำลังพันธมิตรพ่ายแพ้?"
พอได้ยินแบบนั้น ซุนเกี๋ยนกับเหล่าขุนพลต่างก็ตกใจ
พวกเขายึดด่านได้แล้ว กองกำลังพันธมิตรสองแสนนายประจำการอยู่ที่นั่น ถ้าหากค่อยๆ รุกคืบไปจะพ่ายแพ้ได้อย่างไร
ยังสูญเสียทหารไปหลายหมื่นนาย เกิดอะไรขึ้น?
ซุนเกี๋ยนรีบรับรายงานการรบมาดู
รายงานฉบับนี้เขียนขึ้นโดยโจโฉ ส่งคนนำจดหมายมาทางเหนือ จากนั้นก็ข้ามแม่น้ำกว่าจะมาถึงที่นี่
ในจดหมาย อธิบายรายละเอียดการรบ สาเหตุแห่งความพ่ายแพ้อย่างชัดเจน
ท้ายที่สุด ยังแนบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของโจโฉมาอีกฉบับหนึ่ง อธิบายข้อดีข้อเสียให้กับซุนเกี๋ยน ขอให้ซุนเกี๋ยนยกทัพไปตีเหอตงโดยเร็วที่สุดเพื่อบีบให้ตั๋งโต๊ะแบ่งกำลัง แล้วพวกเขาจะฉวยโอกาสเปิดศึกอีกครั้ง!
ซุนเกี๋ยนอ่านรายงานการรบ ยิ่งอ่านยิ่งโกรธ สุดท้ายก็ขว้างจดหมายลงพื้น เอ่ยด้วยความโกรธ
"พี่น้องตระกูลอ้วน ช่างขี้ขลาด!"
"เรื่องบ้านเมืองกลับถูกละเลยเพราะเรื่องบาดหมางส่วนตัว!"
เหล่าขุนพลเห็นซุนเกี๋ยนโกรธขนาดนี้ต่างก็ตกใจ
เกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องตระกูลอ้วน?
ทำไมถึงทำให้ท่านแม่ทัพโกรธได้ขนาดนี้
หันต๋งรีบหยิบจดหมายขึ้นมาอ่าน เหล่าขุนพลคนอื่นๆ ต่างก็มุงดู
ไม่อ่านก็ไม่เท่าไหร่ ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งเข้ม
ไม่แปลกใจที่ซุนเกี๋ยนโกรธ
สถานการณ์ดีๆ กลับถูกพี่น้องตระกูลอ้วนทำพังไม่เป็นท่า!
แบบนี้ใครจะทนไหว!
แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกโล่งอก โชคดีที่พวกเขามาทางเหนือแล้ว
ถ้ายังคงตั้งทัพอยู่ที่ด่านโสหุย เกรงว่าจะต้องมีส่วนร่วมกับความพ่ายแพ้ครั้งนี้
สุภาษิตมีอยู่ว่าพ่ายแพ้เหมือนภูเขาถล่ม เมื่อกองทัพหลายแสนแตกทัพ ใครจะรอด
ซูเหมาอดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้
"โชคดีที่วันนั้นท่านกุนซือยืนกรานจะขึ้นเหนือ มิฉะนั้น กองทัพของพวกเราคงต้องสูญเสียอย่างหนัก!"
"ถูกต้อง!"
หันต๋งกับฮองตงก็ถอนหายใจ
"วันนั้น ท่านกุนซือพูด พวกเรายังไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้ดูเหมือนว่ากองกำลังพันธมิตรเป็นได้แค่ฝูงชน อยู่กับพวกเขาไม่ได้!"
ซุนเกี๋ยนได้ยินดังนั้น ในขณะที่โกรธก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
โชคดีจริงๆ โชคดีที่เขาเชื่อฟังท่านกุนซือถึงหนีมาได้ทัน!
จ้าวอวิ๋นเห็นดังนั้น อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัย "พวกท่านกำลังพูดถึงอะไรกันอยู่ หรือว่าท่านไป๋หลี่คาดการณ์ไว้แล้วว่ากองกำลังพันธมิตรจะพ่ายแพ้"
พอได้ยินคำพูดของจ้าวอวิ๋น ทุกคนก็มองหน้ากัน หัวเราะออกมา
ซูเหมามองจ้าวอวิ๋น หัวเราะออกมา "จูล่ง เจ้าไม่รู้อะไร เจ้าคิดว่าทำไมกองทัพของพวกเราถึงขึ้นเหนือ?"
"ก็เพราะว่าหลังจากที่พวกเรายึดด่านได้ก็พูดกันว่าจะบุกโจมตีลั่วหยาง แต่ท่านกุนซือบอกว่ากองทัพตั๋งโต๊ะแข็งแกร่ง กองกำลังพันธมิตรถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ จึงเร่งเร้าให้ท่านแม่ทัพขึ้นเหนือ! "
"ตอนนี้ดูเหมือนว่าถึงแม้ว่าท่านกุนซือจะไม่ได้พูดว่ากองกำลังพันธมิตรจะพ่ายแพ้ แต่ก็ตัดสินสถานการณ์ในวันนี้เอาไว้แล้ว! "
จ้าวอวิ๋นตกใจ
ที่แท้ ก่อนที่ตั๋งโต๊ะจะยกทัพออกมา ไป๋หลี่หมิงก็คาดการณ์ความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรเอาไว้แล้ว?
นี่มันสัตว์ประหลาดระดับไหนกันเนี่ย!
ไม่แปลกใจเลยที่กองทัพของซุนเกี๋ยนถึงได้ราบรื่นมาโดยตลอด
ถ้าหากสู้แบบนี้ต่อไป ไม่ชนะรวดก็แปลกแล้ว!
แต่พอคิดแบบนี้ก็ขมวดคิ้ว เอ่ยถาม
"แต่ว่าในเมื่อท่านไป๋หลี่ คาดการณ์ความพ่ายแพ้ของกองกำลังพันธมิตรเอาไว้แล้วทำไมไม่บอกผู้นำพันธมิตร"
"ถ้าหากบอก อาจจะช่วยกองทัพของพวกเราจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ได้!"
ซูเหมากับคนอื่นๆ ถึงกับพูดไม่ออก
เรื่องนี้ มันก็จริง อย่างไรเสีย พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังพันธมิตร
รู้ทั้งรู้ว่าจะแพ้ แต่ไม่ยอมเตือน แบบนี้ก็ไม่ค่อยจะสมควร
แต่ซุนเกี๋ยนกลับส่ายหน้าเบาๆ "จูล่ง เจ้าไม่รู้อะไร ข้าว่าไม่ใช่ว่าท่านกุนซือไม่อยากจะพูด แต่ถ้าหากพูดออกไป อ้วนเสี้ยวกับอ้วนสุดก็คงไม่เชื่อ!”
"ท่านกุนซือเคยพูดเอาไว้ว่า ทหารที่ยโสโอหังมักจะพ่ายแพ้ นี่ไม่ใช่แค่กองทัพของพวกเรา แต่รวมไปถึงกองกำลังพันธมิตรทั้งหมด!"
"หลังจากที่กองทัพของพวกเรายึดด่านได้ กองกำลังพันธมิตรทั้งหมดก็ช่างโอหัง!เจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น จึงไม่รู้ว่าเหล่าเจ้าเมืองเป็นเช่นไร ดูเหมือนว่าต่อให้ท่านกุนซือพูดออกไป เกรงว่าจะถูกเยาะเย้ย!"
พูดจบ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ
ถ้าหากเมื่อก่อนเขารู้สึกผิดหวังกับกองกำลังพันธมิตร ตอนนี้เขาก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว
ตั้งแต่ผู้นำพันธมิตรอ้วนเสียวลงมา ยกเว้นโจโฉกับกงซุนจ้านที่พอไปวัดไปวาได้ คนที่เหลือต่างก็เป็นพวกขี้เมา! ขอยืมคำพูดของท่านกุนซือ เจ้าเมืองพวกนี้จะไปสู้กับตั๋งโต๊ะได้อย่างไร!
จะเอาชนะตั๋งโต๊ะได้ ต้องพึ่งพาตัวเอง!
พอคิดแบบนี้ ซุนเกี๋ยนก็มองซูเหมา เอ่ยถาม
"ต้าหรง ช่วงนี้ มีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับกองทัพตั๋งโต๊ะบ้างไหม?"
ซูเหมาโค้งคำนับ กล่าวรายงาน
"ข้ากำลังจะรายงานนายท่าน สายลับของพวกเรารายงานมาว่าช่วงนี้กองทัพของตั๋งโต๊ะ กำลังขนย้ายราษฎร บริเวณลั่วหยาง มุ่งหน้าไปยังเมืองฉางอัน"
"วันละหลายหมื่นคน ประชาชนต่างก็พากันอพยพ ไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด น่าจะเป็นการย้ายเมืองหลวง!"
พอได้ยินแบบนั้น ซุนเกี๋ยนกับเหล่าขุนพลต่างก็ใจหาย
กองกำลังพันธมิตรก็เพิ่งจะพ่ายแพ้ ตั๋งโต๊ะก็ย้ายเมืองหลวงอีก
ทุกอย่างราวกับบทละครเหมือนกับที่ท่านกุนซือคาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิดเพี้ยน!
ท่านกุนซือ ช่างเก่งกาจอะไรเช่นนี้!
ในขณะที่กำลังตื้นตันใจ ซุนเกี๋ยนก็พยักหน้า
"ข้าเข้าใจแล้ว! แล้วตอนนี้รู้ไหมว่าท่านกุนซืออยู่ที่ไหน"
ซูเหมาคิดสักพัก
"ท่านกุนซือบอกว่าอยากจะออกไปเดินเล่น ตอนนี้น่าจะอยู่ข้างนอกค่าย"
"อะไรนะ? ท่านกุนซืออยู่ข้างนอก?"
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าของซุนเกี๋ยนก็เปลี่ยนไป
"ต้าหรง พวกเราไม่ได้อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำทางเหนือนะ!"
"ที่นี่เป็นป่าเขา จะให้ท่านกุนซือไปเดินเล่นข้างนอกได้อย่างไร"
พอได้ยินว่าไป๋หลี่หมิงออกไปเดินเล่นข้างนอก ใจก็รู้สึกเป็นห่วง
ไม่ใช่ว่าไป๋หลี่หมิงขี้เกียจ แต่เป็นเพราะว่าเขากลัวว่าไป๋หลี่หมิงจะได้รับอันตราย!
ถ้าหากท่านกุนซือตาย งั้นเขาก็ไม่มีที่พึ่งแล้ว!
แต่ทว่า ซูเหมากลับยิ้มออกมา
"นายท่าน ไม่ต้องกังวล ข้าจะปล่อยให้ท่านกุนซือตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร เตียนอุยก็ติดตามไปด้วย"
พอได้ยินว่าเตียนอุยติดตามไปด้วย ซุนเกี๋ยนก็รู้สึกโล่งอก
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ยังคงรู้สึกเป็นห่วง จึงเอ่ยออกมา
"พวกเจ้าลาดตระเวนค่ายต่อไป ข้าจะไปหาท่านกุนซือเอง"
พูดจบ ก็ไม่รอให้ทุกคนได้ตอบรับ รีบวิ่งออกจากค่ายไป
เหล่าขุนพลมองท่าทางร้อนใจของซุนเกี๋ยนและอดหัวเราะไม่ได้
ตอนนี้ นายท่านให้ความสำคัญกับท่านกุนซือยิ่งกว่าบุตร ภรรยาเสียอีก!
ความห่วงใยระดับนี้ ช่างน่าอิจฉา!