ตอนที่ 292 หนิงซวง ตามผมมา ผมมีของล้ำค่าจะให้คุณดู
คุณป้าถามด้วยความประหลาดใจ
อะไรนะ?
ขอลูกเหรอ อะไรกัน?
เย่เฉิน และซู หนิงซวง ต่างก็สับสน
“คุณป้าหมายความว่าอย่างไรครับ พวกเราไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่?”
เย่เฉิน ถามอย่างสุภาพ
“อุโบสถแห่งนี้มีไว้ขอพรพระแม่กวนอิมปางประทานบุตร เป็นที่สำหรับขอลูกโดยเฉพาะ”
คุณป้า อธิบาย
ทันใดนั้น ใบหน้าของทั้ง เย่เฉิน และ ซู หนิงซวง ก็แสดงอาการอึดอัดออกมาให้เห็นอย่างเด่นชัด
พวกเขาไม่ค่อยได้เดินเที่ยววัดมาก่อนจึงไม่ค่อยได้รู้จักพระพุทธรูปต่างๆ มากนัก พอมาทราบว่าที่นี่เป็นสถานที่ขอลูก ทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที
พวกเขามาเดินเล่นแล้วบังเอิญมาโผล่ในสถานที่เพื่อขอลูกเนี่ยนะ?
เย่เฉิน และซู หนิงซวง มองไปรอบๆ และเห็นคนที่มาขอพร
ส่วนใหญ่คนที่มาสวดอธิษฐานขอพรจะเป็นคู่รักในวัย 30-
40 ปี บางคนก็เป็นผู้สูงอายุที่น่าจะมาขอลูกให้บุตรหลาน
แต่คู่รักวัยหนุ่มสาวแบบพวกเขามีเพียงคู่เดียวเท่านั้น ซึ่งทำให้บรรยากาศยิ่งดูน่าอึดอัดมากขึ้น
ซึ่งมันน่าอายเอามากๆ...
“เราไปกันเถอะ”
เย่เฉิน พูด และเตรียมจะพา ซู หนิงซวง ออกจากอุโบสถแห่งนี้ไป
แต่ผิดคาด ซู หนิงซวง เธอกลับส่ายศีรษะ และปฏิเสธ เย่เฉิน
“ในเมื่อเรามาแล้ว ก็ไหว้ขอพรสักหน่อยก็แล้วกัน”
ซู หนิงซวง พูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ก็ได้”
เย่เฉิน ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ในเมื่อ ซู หนิงซวง ต้องการไหว้ขอพร พวกเขาเพียงแค่ขอพรเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
ซู หนิงซวง มองไปที่ ‘พระแม่กวนอิมปางประทานบุตร’ ตรงหน้าเธอ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ว่าแต่ เย่เฉิน เธอชอบลูกสาว หรือลูกชายมากกว่ากัน?”
ทันใดนั้น ซู หนิงซวง ถามขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
เย่เฉิน ถึงกับงุนงงกับคำถามที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาโดยที่เขาไม่ทันได้เตรียมใจ
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยจริงๆ..
“ผมไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน”
เย่เฉิน ตอบตามตรง
“งั้นลองคิดตอนนี้ดูสิ ยังไงเราก็ต้องรอคิวอีกนานเลย~”
ซู หนิงซวง พูดพร้อมกับส่งเสียงออดอ้อน
“ก็ได้....”
เย่เฉิน พยักหน้า และตกอยู่ในความคิดอย่างลึกซึ้ง
“อืม....ลูกสาวละกัน”
เย่เฉิน เคยเห็นวิดีโอลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักในคลิปวิดีโอสั้นๆ บางคลิปมาก่อน
พอ ซู หนิงซวง ถามแบบนี้ ภาพเหล่านั้นก็โผล่ขึ้นมาในหัวของเขาอีกครั้ง
“ลูกสาวงั้นเหรอ....”
ซู หนิงซวง พยักหน้า
จริงๆ แล้ว เธอเองก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เพียงแค่มาที่นี่แล้วเห็น ‘พระแม่กวนอิมปางประทานบุตร’ ทันใดนั้นเธอจึงคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
..จะเป็นลูกสาว หรือลูกชายนั้นไม่สำคัญ
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนั้นก็ให้มีลูกแฝดไปเลยสิ ..จะได้ไม่ต้องคิดมาก”
ซู หนิงซวง พึมพำเบาๆ
ลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน แบบนี้ก็ไม่ต้องมานั่งกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแล้ว~
“คุณพูดว่าอะไรนะ?”
เย่เฉิน ถามด้วยความสงสัย
เนื่องจากเสียงรอบข้างที่ค่อนข้างดัง ทำให้เขาไม่ได้ยินคำพูดของ ซู หนิงซวง ชัดเจน
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร”
ซู หนิงซวง ส่ายหน้า
ในไม่ช้า ก็ถึงคิวของ เย่เฉิน และซู หนิงซวง
พวกเขาทั้งสองขอพรด้วยกัน แล้วออกมาจากอุโบสถของพระแม่กวนอิมปางประทานบุตร
“น้องชาย หนิงซวง พวกเธอ..ไปที่อุโบสถของพระแม่กวนอิมปางประทานบุตรกันทำไม?”
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินออกมา จ้าว ซูซวน ก็เดินมาจากอีกทางหนึ่ง
“พี่รู้ได้ยังไงว่าที่นั่นคืออุโบสถของพระแม่กวนอิมปางประทานบุตร?”
เย่เฉิน ถามด้วยความสงสัย
“ฉันเห็นจากไกลๆ น่ะ”
จ้าว ซูซวน อธิบาย
เนื่องจากญาติผู้ใหญ่ของ จ้าว ซูซวน นับถือศาสนาพุทธ ทำให้เธอเคยไปวัดหลายแห่ง และรู้จักอุโบสถต่างๆ ในวัดมาบ้าง
“ไม่ใช่แน่ๆ หนิงซวง น้องชาย พวกเธอคงไม่ได้ไปขอลูกที่อุโบสถของพระแม่กวนอิมปางประทานบุตรมาหรอกใช่ไหม?”
จ้าว ซูซวน ดูเหมือนค้นพบความลับอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว
“จะบ้าเหรอ?”
เย่เฉิน ปฏิเสธทันที
“ซูซวน เธอคิดมากไปแล้ว”
ซู หนิงซวง ก็รีบแก้ต่างเช่นกัน
เรื่องแบบนี้จะให้คนอื่นรู้ได้อย่างไร มันน่าอายเกินไป มีแค่เธอ กับเย่เฉิน เท่านั้นที่ควรรู้
“ฉันกับ เย่เฉิน แค่ผ่านมาแล้วแวะดูเฉยๆ แล้วก็ออกมาเลย”
“จริงเหรอ?”
จ้าว ซูซวน ยังคงไม่เชื่อสนิทใจ
“ว่าแต่ ซูซวน เธอเห็น หลิงเอ๋อร์ ไหม? ฉันหาตัวเธอไม่เจอเลย”
ซู หนิงซวง รีบพูดเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันก็ไม่เห็นเหมือนกัน”
จ้าว ซูซวน ส่ายหน้า
“งั้นเราไปหา หลิงเอ๋อร์ กันเถอะ ใกล้จะเที่ยงแล้ว อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับ”
ซู หนิงซวง เสนอ
“อืมม”
เมื่อเห็น ซู หนิงซวง เปลี่ยนเรื่อง จ้าว ซูซวน ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งสามคนก็พบกับ ซู หลิงเอ๋อร์ เมื่อพวกเขาพบ ซู หลิงเอ๋อร์ ก็เห็นว่าเธอกำลังเล่นกับปลาคาร์ปในวัดอยู่
ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของเธอก็ดูตื่นเต้นมากจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าพวกเขาทั้งสามคนได้มายืนอยู่ข้างๆ เธอแล้ว
เมื่อรวมตัวกันครบทั้งสี่คนแล้ว ก็เดินเที่ยวเล่นต่ออีกสักพักก่อนจะออกจากวัด
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขากลับไปที่สวนไป๋เยวียนเพื่อพักผ่อน
ในตอนบ่าย พวกเขาได้ไปเดินเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกหลายแห่ง และในตอนเย็น พวกเขาก็ได้เดินเล่นที่ถนนซานถังที่มีชื่อเสียง
หลังจากพวกเขาเดินเที่ยวจนหมดวันแล้วจึงกลับไปที่สวนไป๋เยวียนอีกครั้ง
ตอนนี้เวลาประมาณสามทุ่มกว่าๆ เกือบจะสี่ทุ่ม แต่พวกเขายังไม่มีใครคิดจะเข้านอน
เนื่องจากพวกสามสาวพอกลับมาถึงบ้านแล้ว พวกเธอก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องเครื่องสำอางต่างๆ ทำเอา เย่เฉิน ฟังจนปวดหัว เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเครื่องสำอางเลยสักนิดจึงเดินออกมาข้างนอก
เขาตั้งใจจะท้าทายตัวเองอีกครั้ง เพื่อ ‘สำรวจ’ ส่วนที่ยังไม่ได้สำรวจก่อนหน้านี้
อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องคุ้นเคยกับบ้านของตัวเองบ้าง
ครั้งนี้ เย่เฉิน ตั้งใจจดจำเส้นทาง และลักษณะเด่นของสิ่งต่างๆ ไว้
หลังจากเดินสำรวจประมาณยี่สิบนาที ในที่สุด เย่เฉิน ก็เดินสำรวจทุกซอกมุมของสวนไป๋เยวียนได้จนสำเร็จ
“การมีบ้านที่ใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน”
เย่เฉิน ถอนหายใจ
บ้านใหญ่ขนาดหลายพันตารางเมตร ทำให้ไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ซึ่งหากเผลอๆ ก็หลงทางได้ง่ายแล้ว
เขาชักอิจฉาคนที่มีบ้านแค่หนึ่งถึงสองร้อยตารางเมตร
ความลำบากในการหลงทางในบ้านขนาดใหญ่หลายพันตารางเมตรแบบนี้ คงมีแต่เขาที่เข้าใจ..
หลังจากสำรวจจนทั่วแล้ว เย่เฉิน ก็เดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นอย่างกระตือรือร้น
ในตอนนี้ สาวๆ ทั้งสามคนก็หยุดพูดคุยเรื่องเครื่องสำอางแล้ว
ซู หลิงเอ๋อร์ กำลังเล่นเกม Honor of Kings ส่วน จ้าว ซูซวน กำลังเลื่อนดูคลิปใน Douyin หรืออย่างอื่นๆ และมีแค่ ซู หนิงซวง ที่ดูจะว่างๆ อยู่
“หนิงซวง มากับผม”
เย่เฉิน เรียกเธอ
“หา?”
แม้ ซู หนิงซวง จะรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ลุกขึ้นยืน
ซู หนิงซวง เดินตาม เย่เฉิน ออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“หนิงซวง ตามผมมา ผมมีของล้ำค่าจะให้คุณดู”
เย่เฉิน อธิบาย
หืม?!!!
เมื่อ ซู หนิงซวง ได้ยินคำนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกมึนงงหนักยิ่งขึ้นไปอีก