ตอนที่ 29 การเดินเกมระหว่างกุนซือ
“ฮ่าฮ่าฮ่า เหวินโหยว เจ้าช่างฉลาดนัก หลังจากพ่ายแพ้ ศัตรูก็หนีกลับไปที่ด่านโสหุย ไม่กล้าออกมาสู้ มาดื่มอวยพรให้กับชัยชนะของพวกเรา!”
ค่ายของตั๋งโต๊ะ นอกด่านโสหุย
ตั๋งโต๊ะนอนอยู่บนเตียง ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
วันนี้ ในค่ายมีงานเลี้ยง ยกเว้นลิฉุยกับกัวซือที่แอบกลับไปย้ายเมืองหลวง คนที่เหลืออย่างลิโป้ เตียวเลี้ยว ฝานเฉียว หลี่เหมิง ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงกันอย่างพร้อมหน้า
“ศึกครั้งนี้ ต้องยกความดีความชอบให้กับท่านแม่ทัพลิโป้ด้วย!”ฝานเฉียวพูดขึ้น
“ช่วงนี้ ท่านแม่ทัพลิโป้ท้าสู้กับพวกมันหลายครั้ง ตอนแรก พวกมันยังกล้าส่งคนออกมา แต่พอโดนท่านแม่ทัพลิโป้ฆ่าไปหลายคน พวกมันก็ไม่กล้าขยับ ”
ตั๋งโต๊ะพยักหน้ายิ้ม "ถูกต้อง บุตรบุญธรรมของข้า ลิโป้องอาจ ไม่มีใครในใต้หล้านี้เอาชนะได้ "
พูดจบ เขาก็ยกแก้วเหล้าขึ้น ทุกคนร่วมอวยพรให้กับลิโป้อีกครั้ง
ลิโป้ได้ยินคำชมก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ลุกขึ้นยืนและพูดว่า"ท่านพ่อ ข้าว่าพวกมันเป็นแค่ฝูงชน ไม่น่ากลัวหรอก!”
“ตอนนี้ พวกมันหลบอยู่ในด่าน ไม่กล้าออกมา แสดงว่าขี้ขลาดไปแล้ว กองทัพของเราไม่จำเป็นต้องบุกโจมตี ขอยกทัพไปยึดด่านโสหุยคืน ภายในสามวัน ข้าจะต้องยึดด่านโสหุยกลับมา!”
“แม่ทัพลิโป้เก่งกาจมาก!”เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆ ต่างก็กล่าวสรรเสริญ
ตั๋งโต๊ะยิ้มโดยไม่พูดอะไร ดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง แล้วหันไปมองหน้าลิยูอย่างมีเลศนัย
ลิยู ยิ้มเล็กน้อย ลุกขึ้นยืน "ท่านแม่ทัพลิโป้ ท่านเก่งกาจมาก! "
"แม้ว่าตอนนี้พวกมันจะแพ้ แต่กำลังของพวกมันก็ยังอยู่ ถ้าจะยึดด่านโสหุย คงไม่ง่ายนัก”
“เอาอย่างนี้ ท่านแม่ทัพลิโป้ ท่านก็ไปท้าสู้กับพวกมัน ด้วยความกล้าหาญของท่าน พวกมันคงไม่กล้าโผล่หัวออกมาแน่”
หลังจากชนแก้วกับลิโป้เสร็จ ลิยูก็หันไปพูดกับตั๋งโต๊ะว่า
“ท่านอัครมหาเสนาบดี ถึงแม้ว่ากองทัพของเราจะได้รับชัยชนะ แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่เรื่องหนึ่ง!”
พอได้ยินแบบนั้น เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆ ก็หยุดหัวเราะ
รอยยิ้มบนใบหน้าของตั๋งโต๊ะหายไป กลายเป็นเย็นชา“เหวินโหยวกำลังพูดถึงซุนเกี๋ยนงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!” ลิยูขมวดคิ้ว
“หลังจากที่ซุนเกี๋ยนยึดด่านโสหุยได้ ทางเราก็ติดต่อเขาไม่ได้”
“ตอนสู้กับกองกำลังพันธมิตร พวกเราก็ไม่พบเบาะแสของซุนเกี๋ยน”
“ชนะแล้ว แต่กลับไม่มา หายตัวไปเฉยๆ น่าสงสัยมาก!”
“ข้าเกรงว่ามันต้องมีแผนอะไรแน่!”
“แล้วท่านว่า พวกเราควรทำเช่นไร?” ตั๋งโต๊ะถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ถึงแม้ว่าพวกเราจะชนะ แต่ก็ประมาทไม่ได้ ส่งคนไปสืบเรื่องซุนเกี๋ยนซะ!” ลิยูพูด
“รายงาน!”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ก็มีทหารวิ่งเข้ามารายงาน
ทุกคนวางแก้วเหล้าลง
“เข้ามารายงาน!” ตั๋งโต๊ะรีบพูด
“เรียนท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านแม่ทัพหนิวฟูที่เหอตงส่งจดหมายมาบอกว่าซุนเกี๋ยนบุกโจมตีเมืองอู่เฉิง ตอนนี้กำลังปิดล้อมเมืองอยู่!”
"กองกำลังของท่านแม่ทัพหนิวฟูต้านไม่ไหว จึงส่งคนมาขอความช่วยเหลือขอรับ!”
"อะไรนะ? ซุนเกี๋ยนไปที่เหอตงงั้นหรือ?" ทุกคนในกระโจมตกใจ
"ทำไมจู่ๆถึงไปโผล่ที่นั่น? "
“พวกเรามีทหารประจำการอยู่ที่เหอตงแค่สองหมื่นกว่านาย ตอนนี้ต้องรับมือกับโจรโพกผ้าเหลือง ถ้าซุนเกี๋ยนยกทัพมาอีก พวกเราจะทำอย่างไรดี?” ตั๋งโต๊ะกังวลใจ
"ท่านพ่อ ให้ข้านำทัพไปปราบซุนเกี๋ยนเถอะ! " ลิโป้รีบลุกขึ้น
"ท่านอัครมหาเสนาบดี ซุนเกี๋ยนยกทัพขึ้นเหนือ พวกเราต้องส่งกำลังเสริมไป!” เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆ พูด
ตั๋งโต๊ะลังเล ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ แต่การย้ายเมืองหลวงต้องใช้คนจำนวนมาก ถ้าส่งกำลังเสริมไปอีก กองกำลังคงไม่พอ!
ถ้าหากกองกำลังพันธมิตรโจมตี พวกเขาจะต้านทานได้อย่างไร?
ขณะที่เขากำลังลังเลใจอยู่นั้น เขาก็หันไปมองลิยูโดยไม่รู้ตัว
ลิยูลูบเครายิ้ม “ข้ากำลังสงสัยว่ามันหายไปไหน ที่แท้ก็ไปที่นั่น! ”
"ถ้ามันตั้งทัพอยู่ที่อำเภอเหอเน่ย พวกเรายังต้องกังวล แต่นี่มันกลับไปเหอตง ไม่เห็นต้องกังวล ไม่ต้องส่งกำลังเสริมไป!”
ทุกคนในกระโจมอึ้งไป
“ทำไมถึงพูดแบบนั้น?” ตั๋งโต๊ะขมวดคิ้ว
"ทำไมเราต้องกังวลเวลาที่ซุนเกี๋ยนเคลื่อนทัพในอำเภอเหอเน่ย แต่กลับไม่ต้องกังวลตอนที่มันบุกโจมตีเหอตง?”
ลิยูส่ายหัวและยิ้ม
“ท่านอัครมหาเสนาบดี อำเภอเหอเน่ยกับเหอตงอยู่ติดกันก็จริง แต่แตกต่างกันสิ้นเชิง!”
“ถ้าหากซุนเกี๋ยนตั้งทัพที่อำเภอเหอเน่ย แสดงว่ามันหมายตาที่เมืองเหมิ่งจิน พวกเราต้องกังวลว่ามันจะรู้แผนการย้ายเมืองหลวงของพวกเราหรือไม่!”
“แต่ถ้ามันจะบุกเหอตง แสดงว่ามันกำลังใช้แผนล้อมเว่ยเพื่อช่วยจ้าว!”
“มันคงคาดว่ากองทัพหลักของพวกเราอยู่ที่นี่ ที่อื่นๆ คงว่างเปล่า จึงฉวยโอกาสนี้บุกเหอตงจากทางเหนือ!”
“ถ้าหากพวกเราส่งกำลังเสริมไปก็เท่ากับติดกับมัน!”
“ข้าว่า ไม่ต้องส่งกำลังเสริมไป!”
ตั๋งโต๊ะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า“แต่ที่เหอตงมีทหารแค่สองหมื่นนาย ซุนเกี๋ยนก็เก่งกาจ ถ้าไม่ส่งกำลังเสริมไปข้าเกรงว่าเราจะหยุดซุนเกี๋ยนไม่ได้!”
“ท่านอัครมหาเสนาบดี ไม่ต้องกังวล ถ้าหากพวกเรารีบย้ายเมืองหลวงให้เร็วขึ้น อีกครึ่งเดือนก็คงย้ายเสร็จแล้ว!” ลิยูพูดอย่างมั่นใจ
“หลังจากย้ายเมืองหลวงแล้ว ค่อยส่งทหารไปช่วยก็ได้ ก่อนหน้านั้น ให้หนิวฟูตั้งรับอยู่ในเมืองก็พอ!”
“ต่อให้ซุนเกี๋ยนจะเก่งกาจแค่ไหน แค่ครึ่งเดือน มันไม่มีทางยึดเมืองได้หรอก! ”
“พอถึงตอนนั้น พวกเราก็ยกทัพไปช่วยไม่ต้องกลัวว่าจะแพ้มัน!”
“เยี่ยมมาก!”ตั๋งโต๊ะพยักหน้า
“วิธีของเหวินโหยวยอดเยี่ยมมาก ข้าเห็นด้วย!”
หลังจากฟังลิยูอธิบายจบ ทุกคนก็รู้สึกโล่งใจ
"ท่านพ่อ ซุนเกี๋ยนมันช่างน่าโมโห รอข้ากลับไป ข้าจะนำทัพไปจัดการมันเอง!" ลิโป้พูดขึ้น
"ดี ดี” ตั๋งโต๊ะยิ้ม
“หลังจากย้ายเมืองหลวงแล้ว เจ้าค่อยไป”
ลิโป้ดีใจมากที่ได้รับคำยินยอมจากตั๋งโต๊ะ
"ยินดีกับท่านแม่ทัพลิโป้ด้วย"เหล่าแม่ทัพคนอื่นๆ ต่างก็กล่าวแสดงความยินดี
แต่เวลานี้ กลับมีเสียงไม่เห็นด้วยดังขึ้น
"ท่าน ข้ายังมีเรื่องไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง"
พอได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มของทุกคนก็หายไป พวกเขามองไปที่ต้นเสียง
คนที่พูดอยู่หางแถว ใบหน้าเหลี่ยม เครายาว ร่างกำยำ สูงมาก มันคือเตียวเลี้ยว
“ข้าสงสัยว่าแม่ทัพเตียวมีคำถามอะไร?” ลิยูยิ้มอย่างใจเย็น
เตียวเลี้ยวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วและพูดว่า“ถ้าหากการที่ศัตรูบุกโจมตีเหอตงเป็นเพียงแผนล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แต่จริงๆ แล้วพวกมันแอบข้ามแม่น้ำเหลืองละ?”
"....." ลิยูเงียบไปครู่หนึ่ง
"เตียวเลี้ยว เจ้าคิดว่ามีแต่เจ้าที่เก่งคนเดียวหรือไง?” ลิโป้ไม่พอใจ
"เจ้าคิดว่าท่านกุนซือจะคิดไม่ได้จนเจ้าต้องเสนอหน้าหรือยังไง?”
“ใจเย็นๆ ท่านแม่ทัพ ข้าแค่อยากจะถาม” เตียวเลี้ยวพูดอย่างจริงจัง
ตั๋งโต๊ะเห็นแม่ทัพทั้งสองคนทะเลาะกัน แต่เขาสนใจท่าทีของลิยูมากกว่า เห็นว่าลิยูไม่ตอบเขาก็รีบพูดว่า
"เหวินโหยวกังวลเรื่องนี้ต้องกังลวไหม?"
ลิยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง"ไม่ต้องห่วง ต่อให้มันจะแอบข้ามแม่น้ำ พวกเราก็ไม่กลัวหรอก”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เตียวเลี้ยว "ท่านแม่ทัพเตียว วางใจเถอะ ต่อให้มันอยากจะแอบข้ามแม่น้ำจริงๆ มันก็ทำไม่ได้หรอก”
"ข้าให้หวังฟางนำทหารม้าแปดพันนายไปซุ่มโจมตีที่เมืองเหมิ่งจินแล้ว ถ้าหากมันกล้าข้ามแม่น้ำก็จะถูกพวกเราโจมตี "
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!”เตียวเลี้ยวพยักหน้า
"ข้าคิดน้อยไปหน่อย"
“ฮึ่ม!”ลิโป้เยาะเย้ย แล้วหันหน้าหนี
ตั๋งโต๊ะได้ยินที่ลิยูพูดก็หัวเราะ “มีเหวินโหยวอยู่ที่นี่ ข้าย่อมวางใจได้”
“มา ดื่มให้กับเหวินโหยว!”
หลังจากเรื่องเล็กน้อยผ่านไป งานเลี้ยงก็กลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าในแม่น้ำเหลืองอันกว้างใหญ่มีเรือลำเล็กๆ หลายร้อยลำ บรรทุกทหารจำนวนหนึ่ง กำลังข้ามแม่น้ำไปทางใต้ในยามค่ำคืนอย่างเงียบๆ