ตอนที่ 17 : แนวทาง
.
แสงแดดยามเช้าส่องกระทบใบหน้าเฉินหลิง ขนตาเขาสั่นเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น...
"กลับมาแล้ว..." เขาขยี้ตาแล้วถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
หลังจากที่เขาจับรางวัลเสร็จ เขาก็เดินไปรอบๆ เวทีเป็นเวลานานแต่ก็ยังหาทางออกไปไม่ได้เลย ในที่สุดหลังจากที่เสียงระฆังบนเวทีดังขึ้น ม่านเปิดออก เขาก็กลับมาโดยอัตโนมัติ
“ความคาดหวังในปัจจุบันอยู่ที่ 23%... ฉันเข้าใกล้เส้นตายอีกแล้ว” เฉินหลิงนึกถึงตัวอักษรบนหน้าจอก่อนจะกลับมา พึมพำกับตนเองเสียงเบา “ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง”
“พี่...”
ผ้าห่มถูกดึงออก เฉินเยี่ยนขยี้ตาจนแดงแล้วลุกขึ้นจากเตียง "อรุณสวัสดิ์"
"อรุณสวัสดิ์" เฉินหลิงเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง แล้วหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญสุดท้ายออกมาจากกระเป๋า จากนั้นยื่นให้เฉินเยี่ยน
"พี่ต้องออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่ วันนี้นายหาข้าวกินเองนะ..."
"พี่จะไปไหนเหรอ?"
"พี่จะไปมอบตัว"
"...?"
เฉินหลิงสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้าย มือถือซองจดหมายที่ผู้คุมกฎยื่นให้เมื่อวาน เฉินหลิงหันกลับมาลูบหัวของเฉินเยี่ยนเบาๆ
"อย่าถามรายละเอียดเลยนะ แค่อยู่บ้านรอพี่กลับมา เข้าใจมั้ย?"
"เข้าใจแล้ว" เฉินเยี่ยนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากมองดูเฉินหลิงจากไป เฉินเยี่ยนก็ลุกจากเตียง มองดูรูขนาดใหญ่สองรูโหว่บนผนังบ้านแล้วขมวดคิ้ว
“แล้วฉันจะซ่อมมันยังไง...”
เขาเหลือบมองเหรียญทองแดงที่อยู่ในมือ แล้วเก็บมันไปเงียบๆ หยิบค้อนหนักกับกระดานไม้ออกมาจากบ้าน เริ่มวัดขนาดรูโหว่บนผนัง
ตอนนั้นเองก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวด้านหลังรูโหว่ขนาดใหญ่ ทำให้เฉินเยี่ยนตกใจ
เป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ มีผ้าพันคอสีน้ำเงินเข้มคล้องคอ ที่สันจมูกมีแว่นตาขอบเงิน อีกฝ่ายแต่งตัวดูดีมีความรู้
แต่ขณะที่เขามองลอดรูโหว่สองรูบนผนัง ความสับสนก็ปรากฏขึ้นในดวงตาอันชาญฉลาดของเขา...
เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาคิดว่ามันหยาบคายเกินไป จึงเลือกที่จะเคาะประตูก่อน เขาเดินไปรอบๆ บ้านเพื่อหาประตูทางเข้าบ้านแต่ก็ไม่พบ
เขากลับมาหลังรูนั้นอีกครั้ง แล้วมองเข้าไปข้างใน
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?” เฉินเยี่ยนเอียงศีรษะ
“ขอถามหน่อยได้มั้ย คุณเฉินหลิงอยู่ที่นี่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินชื่อพี่ชาย แววตาเฉินเยี่ยนก็ปรากฏความระแวดระวังมากขึ้น ชายคนนั้นจึงหยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตของตนเอง แล้วเปิดจดหมายในมือ พูดอย่างใจเย็นกับคนในห้อง
"ผมได้ยินมาว่าคุณเฉินต้องการ 'หมอ' ?"
"...."
"ดังนั้น ผมเลยมาที่นี่"
.
.......
.
ลมหนาวแทรกเข้าไปในคอเสื้อของเฉินหลิง ทำให้เขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
.
“น้องชายจะไปไหนเหรอ นั่งรถฉันมั้ย?” ชายร่างผอมเพรียวลากรถลากตามเฉินหลิงมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันเหลือง
เฉินหลิงเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า "กองบัญชาการ"
"ฉันรู้จัก ฉันเพิ่งลูกค้าสองคนที่นั่น ทั้งคู่จะต้องคนที่สอบผ่านแล้วได้ที่นั่งสำรองใช่มั้ย งั้นคุณก็คงเหมือนพวกเขาสินะ ผมเก็บเงินพวกเขาสิบเหรียญ แต่สำหรับคุณผมเก็บแค่เจ็ดเหรียญพอ คุณจะไปมั้ย?"
"...ไม่ล่ะ"
"หกเหรียญ หกเหรียญก็ได้ ให้น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ"
"ผมไม่มีเงิน"
ชายคนนั้นขมวดคิ้วมองดูเฉินหลิง มองดูไม่กี่ครั้งเขาก็จับรถลากขึ้นมาและบ่นพึมพำ
"ไม่มีเงินแต่จะเป็นผู้คุมกฎเนี่ยนะ...ช่างโชคร้ายจริงๆ "
เฉินหลิง...?
เฉินหลิงคิดกับตัวเองว่า คุณภาพการใช้ชีวิตของผู้คนในโลกนี้ค่อนข้างแย่ เขาถูมือที่แดงก่ำจากความหนาวเย็น และอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเดินไปยังศูนย์กลางของพื้นที่เขตสาม
เมื่อคืนวาน เฉินหลิงเอาแต่คิดหาวิธีป้องกันไม่ให้ผู้คุมกฎค้นพบเบาะแส สืบจนสาวมาถึงตัวเขา...และตอนนี้ เขามีคำตอบแล้ว
นั่นก็คือการเป็นผู้คุมกฎ
เป็นผู้คุมกฎ ต้องมีส่วนร่วมในปฏิบัติการทั้งหมดในการสืบสวนภัยพิบัติ เมื่อเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในพวกเขา พวกเขาก็จะไม่เชื่อมโยงเฉินหลิงกับภัยพิบัติเด็ดขาด
“กลายเป็นว่าฉันเข้าไปมีส่วนร่วมสืบสวน เมื่อฉันสร้างปัญหา ฉันก็จะหลบหนีได้ง่ายขึ้น”
นี่คือแนวทางปัจจุบันของเฉินหลิง
.
เฉินหลิงเดินผ่านถนนหลายสาย จนในที่สุดก็หยุดอยู่หน้าอาคารขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนโดมแก้ว
.
“มีสไตล์มากเลย...” เฉินหลิงเงยหน้าขึ้นมองโดม แล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “จะต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อสร้างมัน?”
ในย่านนี้ มีบ้านที่สร้างจากโคลนสองชั้นอยู่ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้นเมื่ออาคารอันเป็นเอกลักษณ์แห่งนี้ปรากฏขึ้น มันจึงดูโดดเด่นสะดุดตามากทีเดียว อย่างกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สร้างขึ้นในชนบทเมื่อชาติก่อน
ในเวลานี้ คนหนุ่มสาวหลายคนล้วนถือจดหมายเดินเข้าไปในสำนักงานใหญ่กองบัญชาการ พวกเขามองหน้ากัน ยิ้มและพยักหน้าทักทายอย่างมีมารยาท
มีผู้ผ่านการทดสอบข้อเขียนประมาณเจ็ดสิบจากคนทั้งหมดของสามเขต โดยทั่วไปอัตราการคัดออกของการทดสอบศิลปะการต่อสู้คือ 50%
ดังนั้นในทุกปีมีเพียงประมาณ 30 คนเท่านั้นที่สามารถเป็นผู้คุมกฎได้ แม้ว่าการทดสอบศิลปะการต่อสู้ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลง แต่อัตราการคัดออกสุดท้ายจะไม่เปลี่ยนแปลง
สรุปแล้ว ทุกคนที่เดินเข้าไปในอาคารโดมแก้ว ตอนนี้คือผู้ที่มีศักยภาพ และเป็นคู่แข่งของเฉินหลิงทั้งสิ้น
เมื่อเดินเข้าไปในประตูสำนักงานใหญ่ ใต้โดมกระจกแก้ว มีคนหลายคนยืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ก่อนแล้ว
คนเหล่านี้ล้วนสวมเสื้อผ้าของคนธรรมดาไม่ต่างจากเฉินหลิง ตอนนี้มีอยู่สิบแถว ทุกคนในแถวต่างเชิดหน้า กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายตึงเครียด
พวกเขาทั้งหมดดูเหมือนนักรบที่รอการเรียกขานชื่อ
เฉินหลิงมาถึงสายไปหน่อย เขาทำได้เพียงยืนที่ขอบแถวสุดท้ายเท่านั้น หลังจากกลับมาที่ตำแหน่งของตนเอง ผู้บังคับบัญชาก็เหลือบมองรายงานในมือก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่!”
เจ้าหน้าที่อีกคนหยิบโพยคำพูดที่เตรียมไว้ขึ้นมา เขากำลังจะพูด แต่เมื่อประตูสำนักงานใหญ่ถูกผลักเปิดออกอย่างแรง มีคนสองคนเดินออกมาอย่างช้าๆ
หานเหมิงทิ้งก้นบุหรี่ไว้ใต้เท้าตนเองแล้วบดขยี้มันกับพื้น ลวดลายสีเงินทั้งสี่บนเสื้อกันลมสีดำของเขาส่องประกายเงียบๆ เขากวาดสายตามองไปทั่ว สร้างแรงกดดันที่ไม่อาจอธิบายได้ ทุกคนต่างรู้สึกกดดัน...ยกเว้นเฉินหลิง
เฉินหลิงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ สายตาหยุดที่ท้ายทอยของหานเหมิงโดยไม่รู้ตัว...
เมื่อวานเขาตีอีกฝ่ายแรงมาก วันนี้ก็หายดีแล้วเหรอ?
ผู้ชายคนนี้หัวแข็งมาก?
“นั่นคือหานเหมิง!”
“เป็นเขาจริงๆ…เขาก็มาด้วยเหรอ?”
“หานเหมิงคือใคร?”
“หัวหน้าผู้พิทักษ์เขตสามของเรา และยังเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีสี่แถบเพียงคนเดียวในเขตสามอีกด้วย ว่ากันว่าเขาเป็นอัจฉริยะขั้นสุดยอด เขาได้รับการเลื่อนขั้นเป็นระดับสี่ ตอนอายุ 24 ปี”
"ครั้งหนึ่งเขาเคยบดขยี้ผู้พิทักษ์ทั้งหมดในเมืองออโรร่า...เขาเป็นแสงสว่างของคนทั้งเจ็ดเขต!"
“ผู้พิทักษ์ที่บดขยี้ผู้พิทักษ์ในเมืองออโรร่าในครั้งเดียว จริงดิ? ถ้างั้นเขาก็เจ๋งมาก แล้วทำไมคนแบบนี้ถึงไม่ทำงานที่เมืองออโรร่าล่ะ?”
“ฉันก็ไม่รู้…ว่ากันว่าเขามีความบาดหมางกับคนในเมืองออโรร่า”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาต่อสู้เก่งมาก แม่ฉันก็ชอบเขามาก”
“...แม่นายอายุเท่าไหร่แล้ว”
“อายุเกือบห้าสิบแล้ว”
"..."
เมื่อหานเหมิงปรากฏตัว ทุกคนก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน ผู้คุมกฎด้านข้างต่างยืนยืดหลังตรงท่าทางดูจริงจังอย่างไม่รู้ตัว
หานเหมิงที่ยืนนิ่งอยู่ใต้โดม จู่ๆ เขาก็รู้สึกหนาวยะเยือกที่ด้านหลังศีรษะราวกับว่ามีคนแอบตรวจสอบจุดอ่อนของเขาอยู่...
เขาเผลอตัวมองย้อนกลับไป แล้วก็พบกลุ่มคนจากที่นั่งสำรอง ทุกคนเฝ้าดูเขาอย่างเงียบๆ
หลังจากสบตากับหานเหมิงกลุ่มคนที่นั่งสำรองทั้งหมดก็ก้มหัวลงโดยพร้อมเพรียง พวกเขาไม่กล้าพูดคุยอีกต่อไป
“ฉันชื่อหานเหมิง และฉันเป็นผู้บัญชาการที่มีตำแหน่งสูงสุดในเขตสามคนปัจจุบัน” หานเหมิงปรับความคิดของเขาและพูดช้าๆ
“อีกสามวันข้างหน้า จะเป็นการทดสอบศิลปะการต่อสู้ของพวกคุณ ในบรรดา 72 คน จะมีเพียง 30 เท่านั้นที่ผ่าน...”
สามสิบคน...ต่ำกว่าอัตราการผ่านที่คาดไว้ เฉินหลิงครุ่นคิด
อัตราส่วนนี้ยังทำให้คนในที่นั่งสำรองคนอื่นๆ ประหลาดใจ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะทวนคำพูดของหานเหมิง ดวงตาพวกเขาเต็มไปด้วยความสับสน
"ยังไงก็ตาม ในบรรดา 30 คนนี้ จะมีเพียง 3 คนที่จะมีคุณสมบัติเข้าสู่ 'คลังโบราณ' ล่วงหน้า... "
หานเหมิงพูดจบ ภายในสำนักงานใหญ่ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความโกลาหล แม้แต่ผู้คุมกฎที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ล้วนตกตะลึง
เฉินหลิงไม่เข้าใจ
ในบรรดาที่นั่งสำรองที่มีอยู่มากมาย มีคนมากกว่าครึ่งไม่เข้าใจ
เมื่อเห็นดังนั้น หานเหมิงจึงอธิบายช้าๆ
"พวกคุณรู้ความแตกต่างระหว่าง 'ผู้คุมกฎ' กับ 'ผู้พิทักษ์' มั้ย?"
.
.