กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 342 หนึ่งในความหวังสุดท้าย
กำราบภพด้วยระบบกลไกสวรรค์ ตอนที่ 342 หนึ่งในความหวังสุดท้าย
แสงเซียนแผ่กระจาย
โลกอินทนิลเร้นลับ ณ ชายแดนจักรวาล
ดวงดาวมากมายที่รกร้าง ไร้ซึ่งชีวิต ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า ปล่อยกลิ่นอายที่อ้างว้างและเงียบเหงา
ในอดีต สถานที่แห่งนี้ไร้ผู้คน
แต่วันนี้ดวงดาวทุกดวงต่างสั่นสะท้าน ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับหายนะ กลิ่นอายที่ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง แผ่กระจายออกไป
บนดวงดาวดวงหนึ่ง เงาร่างหนึ่งยืนอยู่ เขาถืออาวุธชั้นยอดไว้ด้านหลัง ผมยาวสลวย ใบหน้าที่ดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงความเย็นชา เสื้อคลุมสีเทา ปลิวไสวตามสายลม
เขายืนอยู่บนดวงดาว มองไปยังโลกเซียนปฐพี ดวงตาเป็นประกาย
คนผู้นี้ คือมหาจักรพรรดิน้ำตาฟ้าแห่งโลกเซียนปฐพี เขายืนอยู่ที่นี่ นิ่งเฉย มองไปยังทิศทางที่โลกเซียนปฐพีพุ่งเข้ามา ใบหน้าเรียบเฉย ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
ไม่นานหลังจากที่มหาจักรพรรดิน้ำตาฟ้าปรากฏตัวขึ้น
มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬและมหาจักรพรรดิจากแดนต้องห้ามหลายคนกฺเดินออกมาจากห้วงมิติ พวกเขาเดินอย่างช้า ๆ ทุกย่างก้าวคือระยะทางหลายพันลี้
ใบหน้าของทุกคน เต็มไปด้วยความกังวล
ตอนแรกไม่มีใครเอ่ยวาจาใด ๆ
พวกเขารู้ดีว่า โลกอินทนิลเร้นลับกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ความเป็นความตาย!
"ผาคำสัตย์โลหิตปิดประตูแล้ว!"
บนดวงดาว ผ่านไปเนิ่นนาน จึงมีเสียงแหบแห้งดังขึ้นมา
นี่คือเสียงของมหาจักรพรรดิมรกตร่วงโรย ร่างกายของเขาโค้งงอ ใช้วิธีการยืนหยัดอย่างยากลำบาก ราวกับต้นไม้ใกล้ตาย รอบกายไม่มีรังสีอำนาจของมหาจักรพรรดิ
กลับมีเพียงกลิ่นอายเสื่อมโทรม ราวกับว่าเขาจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
"คารวะผู้อาวุโสมรกตร่วงโรย"
มหาจักรพรรดิน้ำตาฟ้าประสานมือคารวะ
ในใจของเขารู้สึกหนักอึ้ง ในช่วงเวลาที่โลกอินทนิลเร้นลับตกอยู่ในอันตราย มิใช่ว่ามหาจักรพรรดิทุกคนจะยอมต่อสู้ บำเพ็ญเพียรมานับล้านปี เป้าหมายของทุกคนคือการยืนยง
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ย่อมไม่มีใครอยากตาย
ตอนนี้การต่อสู้กับโลกเซียนปฐพี ในสายตาของทุกคน เท่ากับการหาที่ตาย!
ผาคำสัตย์โลหิตเป็นถึงแดนต้องห้ามแห่งหนึ่งของโลกอินทนิลเร้นลับ ในช่วงเวลาเช่นนี้ กลับเลือกที่จะหลบหนี ปิดผนึกตนเอง หวังว่าจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้
"ช่วงเวลาเช่นนี้ ไม่ต้องสนใจเรื่องธรรมเนียม"
มหาจักรพรรดิมรกตร่วงโรยโบกมือเบา ๆ เขายกศีรษะขึ้น ผมสีขาวสลวยปลิวไสว ดวงตาที่มืดมัว ปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าสองสาย ทะลวงผ่านหมอกแห่งความโกลาหล มองไปยังโลกเซียนปฐพี
"โลกเซียนปฐพีมาเร็วเกินไป เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ มิได้ให้โอกาสโลกอินทนิลเร้นลับได้พักผ่อน หากมีเวลาอีกหนึ่งหมื่นปี..."
"ข้าคงสามารถบรรลุระดับเซียนได้!"
เสียงแหบแห้งของมหาจักรพรรดิมรกตร่วงโรยดังกึกก้องไปทั่ว เสียงของเขาแฝงความไม่พอใจ แต่ก็ยังคงมีความมุ่งมั่น
ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำพูดของเขา
ก่อนที่มหาจักรพรรดิน้ำเต้าพิสุทธิ์และมหาจักรพรรดิขนนกทมิฬจะก้าวขึ้นมา เป็นชายชราผู้นี้ที่คอยปกป้องโลกอินทนิลเร้นลับ พลังของเขาเหนือกว่าระดับเดียวกัน
แม้แต่สองลำดับแรกในรายนามจักรพรรดิ เมื่ออยู่เบื้องหน้ามหาจักรพรรดิมรกตร่วงโรยก็ยังคงไม่กล้าโอหัง
ด้วยรากฐานของเขา หากมีเวลาอีกหนึ่งหมื่นปี เขาก็มีโอกาสบรรลุระดับเซียนแท้!
เพราะว่าพลังของเขาแข็งแกร่งยิ่งนัก
ในอดีตเขาไม่อาจบรรลุระดับเซียนแท้ เพราะว่าเวลายังไม่ถึง ระดับของโลกไม่เอื้ออำนวย ตอนนี้ระดับของโลกเอื้ออำนวยแล้ว การทะลวงระดับของเขาก็ใกล้เข้ามา
เพียงแค่ต้องเตรียมการเล็กน้อย
แต่น่าเสียดาย เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ มิได้ให้เวลาพวกเขาเตรียมตัว
สำหรับเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ พวกเขาไม่อาจแสดงความไม่พอใจได้ บุคคลระดับนั้น ทำทุกอย่างตามใจชอบ จะสนใจพวกเขาที่เป็นเพียงมดตัวหนึ่งหรือ
ในบรรดามหาจักรพรรดิเหล่านี้ จะมีสักกี่คนที่สนใจความคิดของผู้ที่อ่อนแกร่งน้อยกว่าระดับกึ่งจักรพรรดิ
"แต่"
มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬสวมชุดคลุมสีดำ เสียงดังก้องกังวาน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผันผวน เขากล่าวอย่างช้า ๆ ว่า "ผู้อาวุโสมรกตร่วงโรยมิใช่เซียนแท้สูงสุด โลกอินทนิลเร้นลับไม่มีเซียนแท้แม้แต่คนเดียว การต่อสู้กับโลกเซียนปฐพีย่อมไม่มีโอกาสชนะ"
"ใช่"
มหาจักรพรรดิคนหนึ่งกล่าว
"การต่อสู้ครั้งนี้ หากโลกเซียนปฐพีมาถึง ผู้ที่ต่อต้านคงต้องตาย!"
"โลกเซียนปฐพีกำลังพุ่งเข้ามา ใครจะต้านทานได้"
มหาจักรพรรดิผู้มีเขาบนศีรษะ สองมือไพล่หลัง ร่างกายกำยำ ราวกับภูเขาขนาดใหญ่ กดทับห้วงมิติ ปราณโลหิตของเขาราวกับดวงอาทิตย์ แผดเผาอย่างรุนแรง
เขามักจะโอหัง แม้แต่มหาจักรพรรดิน้ำเต้าพิสุทธิ์และมหาจักรพรรดิขนนกทมิฬ เขาก็กล้าท้าทาย
แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ความโอหังของเขาก็มลายหายไป
ทันทีที่เขาพูดจบ ภายในห้วงมิติ เงาร่างสามร่างเดินทางมาอย่างรวดเร็ว ผ่านห้วงมิติอันกว้างใหญ่ ทุกคนล้วนเป็นมหาจักรพรรดิที่ออกมาจากแดนต้องห้าม
ในอดีต พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ในแดนต้องห้าม แต่วันนี้กลับเลือกที่จะเดินทางมายังชายแดนจักรวาล
มหาจักรพรรดิทุกคน รอบกายปกคลุมไปด้วยหมอกแห่งความโกลาหล ร่างกายของพวกเขาเลือนราง เมื่อมาถึง พวกเขายืนเคียงข้างมหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬ นิ่งเฉย มองไปยังทิศทางของโลกเซียนปฐพี
ภายในหมอกแห่งความโกลาหล คลื่นพลังอันยิ่งใหญ่ ปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นรังสีอำนาจของโลกอันกว้างใหญ่
ยังไม่ทันมาถึงก็ทำให้ฟ้าดินแตกสลาย เกิดหายนะ
ฝ่ามือขนาดใหญ่ ปรากฏขึ้น ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ที่สามารถเทียบเคียงกับฝ่ามือนั้นได้ แม้แต่ดวงดาว ก็ยังดูเล็กจ้อย
ฝ่ามือนั้น กำลังประคองโลกเซียนปฐพี
พุ่งทะลวงผ่านหมอกแห่งความโกลาหล
พลังอันน่ากลัวนี้ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
"เป็นเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์"
มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬกล่าว
เขาเคยเดินทางไปที่หอคอยกลไกสวรรค์ เคยสัมผัสกลิ่นอายของเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ ตอนนี้ เมื่อเห็นฝ่ามือนั้น เขาก็ไม่สงสัยอีกต่อไป
ได้ยืนยันความคิดของตนเอง
มองไปทั่วทั้งโลกสวรรค์ก่อกำเนิด โลกอินทนิลเร้นลับ คนที่สามารถทำเช่นนี้ได้ มีเพียงเจ้าหอคอยกลไกสวรรค์เท่านั้น!
"หายนะมาถึงแล้ว"
มหาจักรพรรดิคนหนึ่งกล่าว
ตอนนี้ ภูเขา แม่น้ำ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวของโลกเซียนปฐพี ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน แม้แต่เงาร่างของผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่กลางแสงเทพ ก็ยังสามารถมองเห็นได้
พวกเขาทุกคนมีปราณโลหิตพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ใบหน้าเย็นชา มองลงมายังโลกอินทนิลเร้นลับ
พวกเขาทุกคนมีพลังอำนาจไม่ด้อยไปกว่าระดับอภิศักดิ์สิทธิ์ ส่วนคนที่แข็งแกร่งกว่า มีพลังอำนาจระดับกึ่งจักรพรรดิ หรือแม้แต่มหาจักรพรรดิ คนเหล่านี้ ปรากฏตัวขึ้นเพียงไม่กี่คนก็ทำให้โลกอินทนิลเร้นลับ รู้สึกกดดัน
อย่างไรเสียทุกคนย่อมรู้ดี นี่เป็นเพียงส่วนน้อยของพลังทั้งหมดของโลกเซียนปฐพี
เมื่อโลกทั้งสองหลอมรวมกัน
พลังที่แท้จริงของโลกเซียนปฐพีจึงจะปรากฏ!
หากพลังที่แท้จริงของโลกเซียนปฐพีปรากฏขึ้น โลกอินทนิลเร้นลับจะต้องเผชิญหน้ากับหายนะ!
เพราะว่าทุกคนรู้ดี
โลกเซียนปฐพีเรียกตนเองว่าเผ่าเซียน จะให้พวกเขาเห็นเผ่าพันธุ์อื่นอยู่ในสายตาหรือ
หากไม่ยอมรับก็มีเพียงทางตาย!
"ตอนนี้ โอกาสเดียวของพวกเรา คงเป็นมหาจักรพรรดิน้ำเต้าพิสุทธิ์ และมหาจักรพรรดิขนนกทมิฬ"
มหาจักรพรรดิห้วงนิลกาฬกล่าว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
สองลำดับแรกในรายนามจักรพรรดิล้วนเป็นคนของโลกอินทนิลเร้นลับ พวกเขาใกล้จะบรรลุระดับเซียนแท้ หากเดินทางไปที่หอคอยกลไกสวรรค์ แล้วซื้อวาสนาบรรลุระดับเซียนแท้มาได้ บางทีอาจจะช่วยโลกอินทนิลเร้นลับได้
"เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์หลอมรวมโลกหลายใบเข้าด้วยกัน เขาย่อมต้องรู้ว่าจะเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น ด้วยสถานะของเขา คงไม่ปล่อยให้โลกอินทนิลเร้นลับล่มสลาย"
มหาจักรพรรดิมรกตร่วงโรยกล่าวอย่างแผ่วเบา
"บางที..."
"มหาจักรพรรดิน้ำเต้าพิสุทธิ์และมหาจักรพรรดิขนนกทมิฬ คือหนึ่งในความหวังสุดท้ายที่เจ้าหอคอยกลไกสวรรค์ มอบให้กับโลกอินทนิลเร้นลับ!"