ตอนที่ 41: นักปราชญ์
ตอนที่ 41: นักปราชญ์
“ข้า เริ่นต้าเวย ขอแสดงความเคารพต่อเซียนทั้งสี่และอวยพรให้พวกท่านมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอายุยืนยาว”
หัวหน้าหมู่บ้านก้มกราบกับพื้นขณะตะโกนเสียงดัง
ชาวบ้านคนอื่นต่างคำนับลงกับพื้นเช่นกัน
“ขอให้ท่านเซียนเจริญรุ่งเรืองและอายุยืนยาวเทียบเคียงกับสวรรค์…”
เห็นได้ชัดว่าชาวบ้านจากหมู่บ้านเริ่นเจียคุ้นเคยกับเรื่องนี้และไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำอะไรแบบนี้
“หัวหน้าหมู่บ้าน โปรดยืนขึ้นแล้วพาพวกข้าไปที่เกิดเหตุที ห้ามใครตามมาเป็นอันขาด” ถานซานหยวนยื่นมือออกไปเล็กน้อย แล้วพลังที่มองไม่เห็นจึงพยุงเริ่นต้าเวยลุกขึ้นมา
“ท่านเซียนไม่ต้องห่วง ข้าเข้าใจดี” เริ่นต้าเวยขอให้ชาวบ้านทั้งหลายออกไปทันที เหลือไว้เพียงชายหนุ่มดูฉลาดสองคนเท่านั้น
“ท่านเซียนทั้งหลายโปรดตามข้ามา”
“อื้ม เล่าทุกอย่างมาว่าเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านเริ่นเจียตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด” ถานซานหยวนเอ่ยคำ
“ช้าก่อน” หัวหน้าหมู่บ้านเริ่นกำลังจะเอ่ยคำ แต่ซุนเลี่ยงขัดขึ้นก่อน “ถานซานหยวน เจ้าไปสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เดี๋ยวข้าไปเดินดูบริเวณโดยรอบให้”
ถานซานหยวนขมวดคิ้ว เขาเพียงอยากทำภารกิจให้เสร็จเพื่อจะได้กลับไปรายงานโดยไว ทำให้ไม่อยากสร้างปัญหา ทว่าซุนเลี่ยงมีมือมีเท้า เขาไม่อาจจำกัดการเคลื่อนไหวของชายคนนี้ได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้าตกลงเท่านั้น “ระวังตัวด้วย หากมีอะไรก็เรียกข้าได้”
ซุนเลี่ยงโบกมือโดยไม่หันกลับมา
“เซี่ยวเฉิง พาท่านเซียนไปเดินเล่นที” หัวหน้าเริ่นรีบเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังผู้แย้มยิ้มและพยักหน้า จากนั้นจึงรีบตามไป
ขณะมองร่างของซุนเลี่ยงจากไปแล้ว ถานซานหยวนเพียงขอว่าอย่าสร้างปัญหา จากนั้นจึงหันมาทางเริ่นต้าเวย “หัวหน้าหมู่บ้านเริ่น เชิญเจ้าว่าต่อได้”
หวังฝูกับต่งซินผู้อยู่ด้านข้างมองเริ่นต้าเวย ส่วนซุนเลี่ยงจะไปไหนนั้น หวังฝูย่อมไม่มีสิทธิ์ควบคุมได้
“เฮ้อ…” เริ่นต้าเวยถอนหายใจ จากนั้นจึงเอ่ยคำต่อ “เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน…”
…
…
เปรี้ยง!
ขณะตะวันตกดินจนราตรีเคลื่อนคล้อย ฟ้าแลบสายหนึ่งทะลวงผ่านท้องนภา ตามมาด้วยสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก ช่วยดับความร้อนได้ไม่น้อย
นักปราชญ์ผิวเนียนผู้หนึ่งถือกล่องไว้ด้านหลังขณะถือตะเกียงน้ำมันแล้วเดินท่ามกลางสายฝนอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็เห็นแสงที่สั่นไหวอยู่ไม่ไกลก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าด้วยความดีใจ
สายฟ้าวูบไหวไปทั่วท้องนภา ทันใดนั้นแสงสว่างสาดส่องไปที่แผ่นหินข้างถนนด้านหลังนักปราชญ์ หมู่บ้านเริ่นเจีย
“มีใครอยู่ไหม? มีใครอยู่ไหม?”
เสียงของนักปราชญ์แผ่วเบาและอ่อนแรงขณะเคาะประตูที่อยู่ใกล้สุด ไม่ช้าเสียงฝีเท้าจึงดังขึ้นก่อนหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมา
หญิงสาวมองนักปราชญ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า เมื่อเห็นว่าร่างกายอันบอบบางกำลังแบกกล่องหนักไว้ด้านหลัง นางจึงตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคือผู้ที่กำลังจะไปสอบที่เมืองหลวง “คุณชายรีบเข้ามาเถอะ ชุดของท่านเปียกปอนเพราะสายฝนที่เทลงมาหมดแล้ว เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอาได้”
“ขอบคุณอาหญิง” นักปราชญ์เช็ดน้ำฝนออกจากใบหน้าขณะเดินตามหญิงสาวผ่านลานกว้าง จากนั้นเดินเข้าไปในบ้านที่มีแสงสว่างเจิดจ้า
“คุณชายสุภาพเกินไปแล้ว ข้าเดาว่าท่านกำลังจะไปสอบที่เมืองหลวง ในหมู่บ้านพวกข้าก็มีผู้เข้าสอบมากมาย แต่น่าเสียดายที่พวกเขาออกเดินทางไปได้หลายวันแล้ว ไม่อย่างนั้นคงให้คุณชายร่วมทางไปด้วย” หญิงสาวแย้มยิ้มขณะนำชามซุปขิงมาให้ “มา ชุดของท่านเปียกหมดแล้ว ดื่มซุปขิงชามนี้ให้ไว จะได้ไม่เป็นหวัด”
โดยไม่มีเวลาแสดงคำขอบคุณ นักปราชญ์วางกล่องด้านหลังแล้วรีบหยิบซุปขิงร้อนขึ้นมาเพื่อถือชามดินเผาด้วยมือขนาดเล็ก เขาเป่าที่ขอบชามด้วยปากขณะเริ่มแตะริมฝีปากอย่างแผ่วเบา จากนั้นจิบซุปขิงเข้าไปหลายอึกใหญ่อย่างรวเร็ว
ท้องของเขาพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
“เดี๋ยวข้าไปเอาชุดมาให้ท่านเปลี่ยนก่อน จะปล่อยให้ใส่เสื้อเปียกปอนแบบนี้ไม่ได้” หญิงสาวเผยรอยยิ้มอ่อนโยนขณะเข้าห้องด้านใน ไม่ช้าจึงออกมาพร้อมเสื้อผ้าชุดหนึ่ง “นี่ชุดของสามีข้าเอง คุณชายไม่ต้องห่วง พวกมันสะอาดสะอ้าน ไม่สกปรกแน่นอน”
เสื้อผ้าเปียกแนบชิดกับร่างกาย ทำให้นักปราชญ์รู้สึกไม่สบายใจไปทั่วร่าง เขาไม่สนสิ่งอื่นใดในตอนนี้ ทำให้ลังเลชั่วขณะก่อนจะรับชุดที่หญิงสาวส่งมาให้ “ขอบคุณอาหญิง ในกล่องของข้ายังมีอยู่สองสามตำลึงเงิน…”
“เหตุใดต้องพูดเรื่องเงินเล่า เสื้อผ้าชุดเดียวมีค่าไม่เท่าไหร่ ข้าไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเพราะต้องการเงินเสียหน่อย” หญิงสาวส่ายหน้าแล้วแย้มยิ้ม “ทุกคนต่างเผชิญความยากลำบากยามอยู่ข้างนอก นอกจากนี้คุณชายยังเป็นผู้เข้าสอบ นี่ยังไม่รวมผู้เข้าสอบจากหมู่บ้านพวกข้าที่กำลังเดินทางไปเมืองหลวง หากภายภาคหน้าคุณชายผ่านการสอบขึ้นมาก็คงได้อาศัยประโยชน์จากมัน”
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วมาที่ห้องของข้า”
“อื้ม” นักปราชญ์รู้สึกตื้นตันขณะเข้าห้องด้านใน
การตกแต่งภายในนั้นเรียบง่ายไร้สิ่งกีดขวาง โดยมีตะเกียงน้ำมันเพียงอันเดียวส่องสว่างไปทั่วห้อง
นักปราชญ์ครุ่นคิดสักพักก่อนจะล็อกประตู สายตากวาดมองไปรอบข้างก่อนจะถอดเสื้อผ้าที่ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่งออก
ใต้เสื้อผ้ามีผ้าขาวหนาพันรอบหน้าอกผืนหนึ่ง…
นอกลานกว้างมีชายวัยกลางที่จอบกลับมาท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทันทีที่เขาเปิดประตูลานกว้างก็เห็นห้องด้านในมีแสงไฟ ภายใต้แสงสลัวปรากฏร่างอันสง่างามที่มีส่วนโค้งเว้าและขนาดกำลังดีปรากฏขึ้นมา
อึก!
ผู้ชายกลืนน้ำลายอย่างหนักโดยไม่สนว่าตัวเองยังยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนที่เทลงมาอย่างหนัก
“ร่างกายช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก อกผายไหลผึ่ง นี่คือหญิงสาวจากตระกูลข้าจริงหรือ?”
ฝนที่ตกหนักไม่อาจดับไฟในใจของชายผู้หื่นกระหายได้ เขาวางจอบลงประหนึ่งถูกภูตผีครอบงำขณะย่องไปข้างบ้านอย่างเงียบงัน จากนั้นมองผ่านช่องว่างด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
เขากลืนน้ำลายทีละคำจนกระทั่งคนในห้องเปิดประตูพร้อมกับสวมชุดอันคุ้นเคย
“ช่างงดงามเหลือเกิน... หากได้สัมผัส ถึงตายก็คุ้ม”
หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำฝนแล้ว เขาใช้เวลาสักพักจึงสงบลงก่อนชายคนนั้นจะตะโกนเสียงดังมาจากนอกบ้าน “ที่รัก ข้ากลับมาแล้ว”
ภายในบ้าน หญิงสาวกำลังสนทนากับนักปราชญ์เกี่ยวกับความเสียดายที่ลูกสาวแต่งงานไปอยู่ไกลบ้าน หาไม่แล้วนางคงแนะนำให้รู้จักกับนักปราชญ์ เมื่อนั้นถึงได้ยินเสียงของสามีดังมาจากนอกบ้าน
“สามีของข้ากลับมาแล้ว”
“ท่านอากลับมางั้นหรือ?” นักปราชญ์ยืนขึ้น
เมื่อประตูถูกเปิดออก ชายร่างสูงจึงปรากฏขึ้น แล้วดวงตาของนักปราชญ์จึงหมองหม่น ท่านอาที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนปรากฏตรงหน้าแล้ว
“ที่รัก คนนี้ใครหรือ?” ผู้ชายมองนักปราชญ์ร่างผอม ทว่าจิตใจกลับเต็มไปด้วยทิวทัศน์วสันต์ที่ได้เห็นจากนอกบ้าน
“นี่คือคุณชายที่กำลังเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อเข้าสอบ เนื่องจากฝนตกหนัก ข้าจึงต้อนรับให้เข้ามาในบ้าน” หญิงสาวแย้มยิ้มขณะนำผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำฝนตามร่างของผู้ชาย
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบท่านอา ขอโทษด้วยที่มารบกวน” นักปราชญ์ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวจะทำความเคารพ
“เป็นอย่างนี้นี่เอง เรื่องเล็กน้อย คุณชายอยู่ที่นี่แล้วรอให้ฝนหยุดตกก่อนก็ได้” ผู้ชายหัวเราะเริงร่า ทว่าสายตากลับไม่ละออกจากร่างของนักปราชญ์ขณะมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างต่อเนื่อง
“ที่รัก ช่วยไปเก็บกวาดห้องของลูกสาวเราให้คุณชายท่านนี้ที ข้าจะไปอาบน้ำที่สวนหลังบ้านเสียหน่อย”
“ถึงเจ้าจะพูดอย่างนั้น แต่ข้าเก็บกวาดไปนานแล้ว” หญิงสาวโยนผ้าเช็ดหน้าให้ผู้ชายขณะต่อว่าด้วยรอยยิ้ม
ผู้ชายเกาศีรษะขณะตรงไปที่สวนหลังบ้านเพื่ออาบน้ำ
นักปราชญ์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเช่นนี้ เขารู้สึกเสมอว่าอาคนนี้มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด
“คุณชายโปรดตามข้ามา เชิญท่านพักที่นี่สักคืน”
จากนั้นปราชญ์ทำตามคำแนะนำของหญิงสาวขณะตรงไปที่ห้องเดิมของลูกสาวอีกฝ่าย
สายฟ้าและสายฝนปรากฏทั้งคืน พวกมันค่อยสงบลงในช่วงเช้าตรู่
ร่างผอมบางร่างหนึ่งแบกกล่องขึ้นหลังอย่างเงียบงันขณะออกจากลานกว้างที่เขาพักพิงตลอดทั้งคืน
ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากนักปราชญ์คนนั้น
นักปราชญ์นอนไม่หลับตลอดทั้งคืนและรู้สึกตลอดว่าอาคนนั้นมองเขาด้วยสายตาไม่ดี ด้วยเหตุนั้น ทันทีที่ฝนหยุดตกหนัก เขาจึงทิ้งไว้สองตำลึงเงินบนโต๊ะก่อนจะออกมาโดยไม่เอ่ยคำอำลา