ตอนที่แล้วบทที่ 30:ปู่ของแกยังไม่ตาย!  
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 32: เหตุการณ์เหนือธรรมชาติ!  

บทที่ 31: โอ้ แกกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้านักพรตเต๋าหรอ?!  


บทที่ 31: โอ้ แกกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้านักพรตเต๋าหรอ?!

“อะไรนะ?”

“ปู่ของฉันยังไม่ตายหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหยางก็รู้สึกมีความสุขในใจ “ใช่แล้ว ปู่ของฉันเป็นนักพรตเต๋า พลังของเขาสามารถเห็นได้จากเครื่องรางที่เขาสร้างขึ้น เขาจะตายง่ายๆ แบบนั้นได้ยังไง…”

ตอนนั้นชายชราเสียชีวิตจากอาการป่วยกะทันหัน ซูหยางยังเรียนอยู่ที่โรงเรียน และเมื่อเขาได้รับข่าวและรีบไปโรงพยาบาล ปู่ของเขาก็อยู่บนเตียงและตายแล้ว

“แต่…”

“ฉันเห็นเขาสิ้นใจบนเตียงในโรงพยาบาล และฉันก็ช่วยเขาจัดงานศพด้วยตัวเอง โดยใส่เขาลงในโลงศพและฝังเอง!”

ในขณะนี้จิตใจของซูหยางก็สับสนวุ่นวาย!

มันเป็นการตายปลอมหรือไม่?

หากเป็นการตายปลอมจริงๆ ทำไมเขาถึงไม่บอกฉัน

เขาไม่กลัวว่าจะส่งเขาไปที่เตาเผาเพื่อเผาหลังงานศพหรอ?

เขาตบหวังเว่ยอีกครั้ง

“หวังเว่ย ไอ้สารเลว แกกำลังพยายามหลอกฉันอยู่หรอ?”

“ฉันฝังปู่ตัวมือตัวเอง และฉันก็ตอกตะปูทุกตัวลงบนฝาโลงศพด้วยตัวฉันเอง!”

ซูหยางจับคอเสื้อของหวังเว่ยด้วยความโกรธและพูดว่า “ฉันเห็นโลงศพของปู่ของฉันถูกฝัง และฉันก็เป็นคนขุดกองดินเป็นคนแรก… แกขุดศพของปู่ฉันขึ้นมา แล้วตอนนี้แกยังต้องการหลอกฉันอีกหรอ?”

คำพูดเหล่านี้ถูกพูดขึ้นโดยตั้งใจ

ความรู้ของซูหยางเกี่ยวกับภูมิหลังของปู่เขานั้นเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

หวังเว่ยจะต้องรู้บางอย่างอย่างชัดเจน

บางทีเขาอาจหลอกล่อบางสิ่งที่มีประโยชน์จากเขาได้

“ผีสาว เก็บวิญญาณของอาจารย์มันมาให้ฉัน เมื่อเรากลับไป ฉันจะเอามันไปทำเป็นผีรับใช้และกดมันไว้ภายใต้โถน้ำส้มสายชู เพื่อที่มันจะได้ไม่สามารถกลับชาติมาเกิดใหม่ได้อีก!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา หวังเว่ยก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น เขาตะโกนว่า “ซูหยาง อย่าทำ! อาจารย์ของฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำงานให้กับนิกายลู่ซาน... ฉันไม่รู้รายละเอียดของสถานการณ์!”

“ฉันได้ยินแต่อาจารย์เฉินพูดว่าปู่ของนายชื่อซูจื่อหยวน และเขาก็เป็นผู้นำนิกายจิงหมิงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ซึ่งควบคุมตำหนักซีซานหว่านโชว เขาเป็นปรมาจารย์ในโลกเต๋า มีระดับการฝึกฝนที่ไปถึงขอบเขตเทพแล้ว และมีอายุขัยยาวนานกว่าคนธรรมดามาก เขาไม่มีทางตายได้ง่ายๆ หรอก!”

“ปรมาจารย์ระดับสูงเช่นนี้จะไม่เน่าเปื่อยง่ายๆ เช่นนี้ด้วย หรือแม้กระทั่งหลังจากตายไปแล้ว!”

“ส่วนศพนั้น… ตอนนี้มันอยู่ที่บ้านของฉันแล้ว ตราบใดที่นายปล่อยอาจารย์ของฉันไป ฉันก็จะรีบไปเอามาให้นายโดยทันทีเลย!”

“โอ้?”

ดวงตาของซูหยางกะพริบ

แสดงว่าชื่อจริงของปู่ก็คือซูจื่อหยวน

ดูเหมือนว่าการคาดเดาของเขาจะถูกต้อง ซูกวงฮุ่ยเป็นเพียงชื่อปลอมที่ใช้เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขา

ผู้นำนิกายจิงหมิง ปรมาจารย์ขอบเขตเทพ ผู้ควบคุมตำหนักซีซานหว่านโชว…

ชื่อใดชื่อหนึ่งเหล่านี้สามารถทำให้เขามีคุณสมบัติเป็น “บอส” ในโลกยุทธ์ได้ และไม่ต้องพูดถึงเมื่อทั้งสามอย่างรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

“ซูหยาง!”

“บางทีปู่ของนายอาจจะยังไม่ตายจริงๆ ก็ได้!”

เสียงของผีสาวดังไปถึงหูของซูหยาง “การสามารถฝึกฝนวิชาเต๋าให้ถึงขอบเขตเทพได้หมายความว่าพวกเขาแทบจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ เลย พวกเขาจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้สองถึงสามร้อยปีโดยไม่มีปัญหาใดๆ และจะไม่ตายง่ายๆ เช่นนั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูหยางก็ส่งสัญญาณให้ผีสาวปลดพันธนาการของหวังเว่ย

หวังเว่ยล้มลงกับพื้น ไอออกมาเป็นเลือด

เขาหันไปมองอาจารย์ของเขา ซึ่งผีสาวกำลังเล่นกับเขาราวกับลูกบอล ก่อนจะเข้าไปในห้องและหยิบกระเป๋าเดินทางสีดำออกมา

เขาวางมันลงบนพื้น

เปิดซิปกระเป๋าเดินทาง

สิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นคือกะโหลกศีรษะสีขาว

ซูหยางอยากจะกระโจนลงไปและตะโกนว่า “ปู่!” แต่เมื่อพิจารณาว่าชายชราอาจจะไม่ตาย… และกองกระดูกสีขาวก็ดูน่าขนลุกอยู่พอควร เขาจึงรีบรูดซิปกระเป๋าเดินทาง

“นายปล่อยอาจารย์ของฉันไปได้รึยัง?”

เขาหันไปมองผีสาว แต่ผีสาวมองไปที่ซูหยาง

ซูหยางรับกระเป๋าเดินทางมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล… ฉันยังมีคำถามอีกสองสามข้อที่อยากจะถามนาย ไอ้เฉินกับไอ้หลินนั่นเป็นใครกันแน่ และทำไมพวกมันถึงต้องการแย่งผนึกชำระล้างสูงสุด!”

“คุณหลินและอาจารย์ของฉันเป็นผู้อาวุโสของนิกายลู่ซาน พวกเขากำลังตามหานายเพื่อขโมยตราชำระล้างสูงสุด... เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอำนาจระหว่างนิกายจิงหมิงของนายกับนิกายลู่ซาน นายควรจะรู้เรื่องนี้มากกว่าที่ฉันรู้นะ”

หวังเว่ยเหลือบมองซูหยาง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

ใครในโลกยุทธ์บ้างที่ไม่รู้ว่านิกายลู่ซานและนิกายจิงหมิงมีต้นกำเนิดเดียวกัน?

นายกำลังถามฉันซึ่งเป็นคนนอกที่เพิ่งเข้าร่วมนิกายลู่ซานได้ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมงเกี่ยวกับกิจการของครอบครัวนายเองหรอ?

ซูหยาง: “..”

ฉันไม่รู้เหี้ยอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้!

ฉันเพิ่งรู้เกี่ยวกับนิกายจิงหมิงและนิกายลู่ซานจากกูเกิ้ล!

“มีคนกี่คนในนิกายลู่ซาน?”

“พวกเขามีแผนอะไร?”

“แล้วพวกเขาแย่งชิงอำนาจกันไปทำไม?”

หวังเว่ยส่ายหัวและกล่าว “โลกยุทธ์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเราไม่มีการติดต่อกับโลกยุทธ์ทางใต้มากนัก… การแย่งชิงอำนาจระหว่างนิกายลู่ซานและนิกายจิงหมิงเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว และฉันก็เคยได้ยินอาจารย์ของฉันพูดถึงเรื่องนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”

เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย

แล้วทำไมต้องเสียเวลาถามด้วยล่ะ!

ซูหยางมองไปที่หวังเว่ย เปลวไฟระยิบระยับที่ปลายนิ้วของเขา

ใบหน้าของหวังเว่ยเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาก็ถอยกลับไปหลายก้าวด้วยความเหลือเชื่อ “นายจะฆ่าฉันหรอ”

“แม้ว่ากระดูกเหล่านั้นจะไม่ใช่ของปู่ฉัน แต่การที่แกกล้าขุดหลุมฝังศพของปู่ฉันก็ยังคงเป็นเรื่องจริง… แกและอาจารย์ของแกทำงานให้กับนิกายลู่ซาน ขโมยสิ่งของที่ปู่ฉันทิ้งไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะราชาผีในบ้านของฉัน พวกแกก็คงประสบความสำเร็จไปแล้ว และฉันก็อาจจะตายไปแล้วด้วย!”

“นอกจากนี้ แกยังติดตามนักพรตเต๋าจากนิกายลู่ซานเป็นอาจารย์ของแก และอาจารย์ของแกก็ตายเพราะฉัน ถ้าฉันไม่ฆ่าแกตอนนี้ แกจะเอากระเช้าปีใหม่มาไหว้ฉันต่อไหมล่ะ?”

“ตอนนี้ แกยังอยากมีชีวิตต่ออยู่อีกไหม?”

ซูหยางกล่าวอย่างเย็นชา “แม้ว่าฉันจะเป็นนักพรตเต๋ามือใหม่ แต่ฉันก็ยังเข้าใจแนวคิดของการตัดวัชพืชไม่ถอนราก”

ด้วยการโบกมือ ลูกไฟในมือของเขาก็บินออกไปหาหวังเว่ย!

วูบ!

ทันทีที่ลูกไฟถูกขว้างออกไป มันก็ขยายตัวขึ้นอย่างกะทันหัน กลายเป็นลูกไฟขนาดเท่าอ่างล้างหน้า!

นักพรตเต๋ามือใหม่!

ทักษะการควบคุมไฟแบบนี้เป็นสิ่งที่นักพรตเต๋ามือใหม่จะทำได้หรอ?!

หวังเว่ยสาปแช่งเงียบๆ หันหลังกลับเพื่อพยายามหลบหนี

น่าเสียดาย

มันสายเกินไปแล้ว!

ผีสาวชี้มือหยกของเธอขึ้นไปในอากาศ ทำให้หวังเว่ยหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น

ปัง!

ลูกไฟพุ่งเข้าใส่เขา ระเบิดทันทีและเผาเสื้อผ้าและเนื้อของเขา

“อ๊ากกกก!!!”

“ซูหยาง!”

“ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแม้ว่าฉันจะกลายเป็นผีแล้วก็ตาม!”

“ฉันสาบาน… ฉันสาบานเลยว่าฉันจะกลายเป็นผีร้ายและคลานออกมาจากยมโลกเพื่อมาแก้แค้นแก!”

หวังเว่ยส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่ลานบ้านก็ถูกพลังหยินของผีสาวห่อหุ้มไว้แล้ว และเสียงกรีดร้องของเขาก็ไม่สามารถเปล่งออกมาได้ ซูหยางไม่ถือเอาภัยคุกคามระดับต่ำนี้มาพิจารณาอย่างจริงจัง!

เมื่อพิจารณาว่าชายคนนี้มีความเคียดแค้นและมีพลังชั่วร้ายที่แข็งแกร่งเช่นนี้ มันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะกลายเป็นผีร้ายจริงๆ หลังจากตาย

ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเบาๆ ว่า “หวังเว่ย โอ้ หวังเว่ยน้อย แกกล้าพูดคำเช่นนี้ต่อหน้านักพรตเต๋าอย่างฉันจริงๆ หรอ… วางใจได้ ฉันจะจัดพิธีให้กับแกเพื่อช่วยแกพ้นทุกข์ไปแน่ และจะทำให้แน่ใจว่าวิญญาณของแกจะได้ไปยังยมโลกโดยไม่มีโอกาสกลับมาแก้แค้น”

...

ในขณะเดียวกัน เมืองหวู่ ร้านจัดงานศพ

บนเตียงของซูหยาง หม่าหลงค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เขาตื่นขึ้นเพราะเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ฉันเป็นใคร”

“ฉันอยู่ที่ไหน”

เขายังคงมึนงงและดูเหมือนจะลืมเรื่อง “การเผชิญหน้ากับผี” ก่อนหน้านี้ไปแล้ว เขารับสายโทรศัพท์ และหลังจากฟังเสียงจากปลายสาย เขาก็ลุกขึ้นจากเตียงโดยทันที

“อะไรนะ”

“ฉันประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์หรอ”

...

*มึงเป็นคนยังไงวะเอาวิญญาณผีไปสะกดไว้ใต้โถน้ำส้มสายชู 555

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด