ตอนที่แล้วตอนที่ 17 อาจารย์ซ่ง (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 19 น้ำลึกไฟร้อน* (1)

ตอนที่ 18 อาจารย์ซ่ง (4)


ตอนที่ 18 อาจารย์ซ่ง (4)

ทว่าอวี้ซีนึกสะใจเร็วเกินไป

ถัดมาคืออวี้เฉิน

อาจารย์ซ่งเอ่ย "คุณหนูสาม มาท่อง" อาจารย์ซ่งคาดหวังในตัวอวี้เฉินไว้สูง ที่ยินดีมาที่จวนกั๋วกงก็เพราะรู้ว่าอวี้เฉินมีคุณสมบัติพิเศษ โดดเด่นในทุกด้าน

อวี้เฉินท่องบทเรียนได้อย่างคล่องแคล่ว ท่องจบในพริบตาเดียวโดยไม่ติดขัดและผิดแม้แต่น้อย แม้แต่คำอธิบายยังตอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แม้อวี้ซีจะท่องและอธิบายได้ถูกต้องเช่นกัน แต่ก็ยังด้อยกว่าอยู่บ้าง

ถึงอย่างนั้นอาจารย์ซ่งก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย ความเก่งกาจของอวี้เฉินอยู่ในความคาดหมายของนาง ถึงอย่างไรอวี้เฉินก็ไม่เพียงแต่มีฝีมือโดดเด่น แต่ยังเคยเรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาแล้ว ทว่าอวี้ซีกลับไม่เคยเรียนมาก่อน ได้ยินข่าวมาแค่เจ้าตัวมีคุณสมบัติทั่วไป อาจารย์ซ่งละความกังขาในใจ พลิกเปิดตำราแล้วกล่าว "ดี เปิดตำรา" การจากไปของอวี้จิ้งไม่มีผลกระทบใดๆ ต่ออาจารย์ซ่ง

หรงอี๋เหนียงกำลังนั่งปักผ้าอยู่ที่เรือนอีหราน เมื่อเห็นอวี้จิ้งร้องไห้น้ำตานองหน้าก็ตกใจมาก วางผ้าปักลงแล้วรีบถาม "เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น" เวลานี้ควรอยู่เรียนกับอาจารย์ซ่งไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงวิ่งร้องไห้กลับมา

อวี้จิ้งร้องไห้ไม่หยุด ไม่ยอมพูด ตั้งแต่เด็กจนโตนางไม่เคยอับอายขายหน้าเช่นนี้มาก่อน หรงอี๋เหนียงจึงได้แต่ถามอวิ๋นโป สาวใช้คนสนิทของลูกสาว

เมื่อรู้ว่าอวี้จิ้งหนีกลับมาจากห้องเรียนก็ดุด่า "เจ้ากล้าวิ่งหนีกลับมาได้อย่างไร ไม่มีสมองหรือ"

เป็นครั้งแรกที่อวี้จิ้งถูกมารดาตำหนิเช่นนี้ ทำเอานางลืมร้องไห้และมองหรงอี๋เหนียงด้วยน้ำตาคลอเบ้า

หรงอี๋เหนียงโกรธแทบตาย "ตามข้าไปขอโทษอาจารย์ซ่งเดี๋ยวนี้"

นางไม่ยินยอม "ข้าไม่ไป นางตีคน มือข้าบวมไปหมดแล้ว" เงียบไปครู่หนึ่งก็โผเข้ากอดหรงอี๋เหนียงพร้อมปล่อยโฮ "ท่านแม่ ข้าถูกไม้บรรทัดตีที่ฝ่ามือ เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ข้าไม่ไปแล้ว ท่านแม่ ข้าเรียนกับท่านไม่ได้หรือ"

หรงอี๋เหนียงได้ยินคำนี้แล้วพยายามระงับโทสะก่อนบอก "ไม่ได้ ต่อให้ต้องกัดฟันอดทนตลอดไม่กี่เดือนนี้ เจ้าก็ห้ามเลิกเรียนเป็นอันขาด" แท้จริงแล้วหญิงสาวกลุ้มใจมาก ก่อนหน้านี้นางทุ่มเทกับการมีบุตรชาย ผ่านไปได้สองปีก็เหลือเพียงความสิ้นหวัง กระทั่งนางพบว่าอวี้จิ้งถูกเลี้ยงดูมาผิดทางจึงพยายามดัดนิสัยลูกสาวแต่ก็ได้ผลน้อยมาก

อวี้จิ้งประท้วงอิดออด "ท่านแม่ เมื่อคืนข้าคัดอักษรทั้งคืน วันนี้มือข้าหยิบพู่กันไม่ขึ้นแล้ว หากถูกนางตีสิบที มือข้าคงหักเป็นแน่"

หรงอี๋เหนียงปั้นหน้าบึ้ง "หากเจ้าต้องการแต่งเข้าตระกูลต้อยต่ำ ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากในภายภาคหน้า ข้าก็ไม่ขัดขวาง"

ความปรารถนาสูงสุดของอวี้จิ้งคือการแต่งงานกับชนชั้นสูง เป็นสตรีผู้สูงศักดิ์ การให้แต่งงานกับคนต้อยต่ำก็ไม่ต่างกับการคร่าชีวิตนาง

หรงอี๋เหนียงโอบกอดอวี้จิ้ง "จิ้งเอ๋อร์ หากอยากได้สิ่งที่ต้องการตอนนี้ก็ต้องยอมเสียสละ" เมื่อก่อนนางทนท่องจำบทกีทั้งคืนเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักของหันกั๋วกง ความทุกข์ทรมานนี้นับเป็นสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น

อวี้จิ้งนิ่งเงียบ นางไม่ต้องการเรียนกับอาจารย์ซ่ง แต่ก็ไม่ต้องการแต่งงานกับคนต้อยต่ำเช่นกัน

หรงอี๋เหนียงไม่ให้เวลาอวี้จิ้งคิด จับมือลูกสาวแล้วบอก "ไปขอโทษท่านอาจารย์ที่เรือนอวี้หลานเดี๋ยวนี้" ครั้นเห็นเด็กหญิงไม่เข้าใจก็ไม่อธิบายเหตุผลอีกต่อไป แต่ออกคำสั่งทันที "หากวันนี้เจ้าไม่ไปเรือนอวี้หลาน ข้าจะถือว่าไม่มีลูกสาวคนนี้"

อวี้จิ้งตกใจจนตัวแข็ง "ท่านแม่..." นางไม่ยอมไปเพราะอับอายเหลือเกิน แต่ภายใต้การบังคับของหรงอี๋เหนียง อวี้จิ้งก็ยังคงเดินกลับไปที่เรือนอวี้หลานอย่างไม่เต็มใจ

น่าเสียดายที่นางเข้าห้องเรียนไม่ได้แล้ว เพราะอาจารย์ซ่งไม่อนุญาต

อวี้จิ้งอยากจะหนีไปทว่าอวิ๋นโปรีบจับมือรั้งไว้ "คุณหนู หากท่านไปก็จะไม่มีโอกาสหวนกลับแล้ว ลองคิดถึงคำพูดของหรงอี๋เหนียงดูเถิดเจ้าค่ะ" เมื่อครู่นางไม่สามารถรั้งคุณหนูไว้ได้ แต่ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไม่ให้คุณหนูจากไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นหรงอี๋เหนียงคงได้ลงโทษนางอย่างหนัก

อวี้จิ้งนึกถึงคำพูดของมารดา และหากกลับไปตอนนี้คงไม่มีโอกาสหวนกลับมาจริงๆ เท้าของอวี้จิ้งเหมือนมีของหนักนับพันชั่งพันธนาการไว้

ระหว่างยืนรออยู่หน้าประตู อวี้จิ้งพบว่าเวลาผ่านไปอย่างช้ามาก ทุกวินาทีช่างทรมานสำหรับนาง ในใจรับรู้ได้ว่าสาวใช้ของเรือนอวี้หลานต่างหัวเราะเยาะนางในใจ คิดได้เช่นนี้สีหน้าของอวี้จิ้งก็ยิ่งแย่ลง

ในที่สุดก็เลิกเรียนเสียที อวี้ซีชามือไปหมดจนต้องสะบัดมือ

อวี้หรูเดินไปหาอวี้เฉินด้วยความอับอายเล็กน้อยก่อนเอ่ย "น้องสาม ขอยืมสมุดของเจ้าได้ไหม"

อวี้เฉินยื่นสมุดให้อวี้หรูพร้อมรอยยิ้มพลางกล่าว "พี่ใหญ่ไม่ต้องเกรงใจ"

ไม่ต้องเก็บของเพราะต้องใช้ต่อในวันพรุ่งนี้ เมื่อออกจากห้องอวี้ซีก็เห็นอวี้จิ้งกำลังขอโทษอาจารย์ซ่ง น่าเสียดายที่อาจารย์ซ่งไม่ยอมรับ "ข้าพูดไปแล้วว่าออกจากห้องเรียนไปแล้วอย่ากลับมาอีก" นางไม่พูดพร่ำทำเพลงกับอวี้จิ้ง และหันหลังเดินจากไป

อวี้จิ้งอยากจะวิ่งตามแต่กลับถูกหญิงชราข้างอาจารย์ซ่งขวางไว้ "คุณหนู ท่านอาจารย์เหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อนแล้ว คุณหนูกลับไปเถิด"

อวี้จิ้งเห็นพี่น้องทั้งสามออกมาและจ้องมองตนเอง ก็ใบหน้าแดงก่ำเหมือนตับหมู

อวี้เฉินเห็นดังนั้นจึงกล่าว "พี่รอง ไปพบท่านย่ากับข้าเถิด" เรื่องนี้อวี้จิ้งแก้ไขไม่ได้ด้วยตัวเอง มีเพียงท่านย่าเท่านั้นที่ช่วยเหลือได้

อวี้จิ้งไม่โง่ ย่อมรู้ว่าคำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร บัดนี้นางรู้สึกเสียใจยิ่งนัก เพิ่งรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ไม่ควรหนีออกจากห้องเรียนเ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่ต้องอับอายขายหน้าเช่นนี้

อวี้ซีคร้านจะสนใจเรื่องไร้สาระของอวี้จิ้ง ทว่าอวี้เฉินออกหน้าไปเสียแล้ว หากนางเดินออกไปคงดูเหมือนไม่สนใจพี่น้อง นางจึงไม่จากไปไหน ยืนอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาชื่อเสียงของตน

อวี้หรูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูด "น้องรอง เรื่องนี้ต้องบอกท่านย่าเท่านั้น ไม่อย่างนั้นท่านอาจารย์คงไม่ยอมให้เจ้าเข้าเรียน"

อวี้ซีส่งสายตาประหลาดใจมองอวี้หรูแวบหนึ่ง คำพูดนี้คล้ายจะรื่นหู แต่ทำไมนางถึงรับรู้ได้ถึงแววสมน้ำหน้าอยู่ภายใน

แม่เฒ่าติงเล่าสิ่งที่นางเห็นในเรือนให้อาจารย์ซ่งฟัง "ท่านอาจารย์ คุณหนูสามเป็นอัจฉริยะจริงๆ" ในสายตาของแม่เฒ่าติง อวี้เฉินเพียบพร้อมทุกอย่าง ไร้ซึ่งข้อบกพร่องใดๆ

อาจารย์ซ่งพยักหน้ารับ "ข้าสอนหนังสือมาสิบกว่าปีแล้ว เพิ่งเคยเจอคนที่มีพรสวรรค์เช่นนี้เป็นครั้งแรก" รูปโฉมงดงาม พรสวรรค์ดีเยี่ยม สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือจิตใจยังงามเลิศ อวี้เฉินเรียนรู้สิ่งที่นางสอนจนชำนาญแล้ว แต่กลับไม่แสดงความเบื่อหน่ายในห้องเรียนแม้แต่น้อย ยังคงตั้งใจฟัง และทำการบ้านได้ดีมาก การได้ลูกศิษย์เช่นนี้เป็นโชคของนาง

แม่เฒ่าติงกล่าวสำทับ "แต่คุณหนูรองผู้นี้ ช่าง..." นางไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี คำเดียวที่สรุปได้ก็คือย่ำแย่

อาจารย์ซ่งยิ้ม "แม้แต่บุตรสาวตระกูลอวี๋ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะดีทุกคน" ตระกูลอวี๋ที่อาจารย์ซ่งกล่าวถึงนี้เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเจียงหนาน มีผู้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีถึงสองสมัย

แม่เฒ่าติงส่ายหน้าบอก "แต่ในจวนนี้ ยกเว้นคุณหนูสามแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้เรื่อง คุณหนูใหญ่มีด้อยคุณสมบัติ อดทนต่อความยากลำบากไม่ไหว ทนผ่านไม่กี่เดือนข้างหน้าไปไม่ได้แน่นอน"

อาจารย์ซ่งยิ้ม "คุณหนูสี่ก็ไม่เลว"

แม่เฒ่าติงส่ายหัว "คุณหนูสี่คุณสมบัติไม่เลว แต่ยังต้องพิจารณาด้านนิสัยใจคอ" เหตุการณ์วันนี้ทำให้แม่เฒ่าติงรู้สึกว่าคุณหนูสี่ไม่รักพี่น้อง ทำท่าทีเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง

อาจารย์ซ่งมองออกว่าอวี้ซีแอบเห็นแก่ตัวเช่นกัน นางคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ย "ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุและผล นิสัยเช่นนี้ของคุณหนูสี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ" นางเพิ่งมาถึงเมื่อวาน ยังไม่กล้าด่วนตัดสินใจ

แม่เฒ่าติงแปลกใจเล็กน้อย "อาจารย์ ท่านยินดีรับนางเป็นศิษย์หรือ" หากต้องการเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ซ่ง ทั้งคุณสมบัติ ความมุ่งมั่น และจริยธรรม ขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปไม่ได้ ลำพังเพียงด้านจริยธรรมแม่เฒ่าติงก็รู้สึกว่าไม่ผ่านแล้ว ไม่ต้องพูดถึงคุณสมบัติที่ด้อยกว่าคุณหนูสาม

อาจารย์ซ่งส่ายหัว "การสอนคนหนึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก การสอนสองคนคงจะรับไม่ไหว" การสอนศิษย์หนึ่งคนต้องใช้ทุ่มเทมหาศาล นางไม่มีกำลังมากขนาดนั้น

ฮูหยินผู้เฒ่าทราบข่าวโดยเร็ว นางรู้เรื่องที่อวี้จิ้งหนีออกจากห้องเรียนแล้ว แม้จะโกรธแต่ก็ยังไม่ถึงกับเดือดดาล เพราะนางไม่ได้คาดหวังอะไรกับอวี้จิ้งอยู่แล้ว

หญิงชรานั่งอยู่บนเตียง ฟังอวี้เฉินเล่าเรื่องราวทั้งหมดจบแล้วหันมองอวี้จิ้งและถาม "ตอนนั้นเหตุใดเจ้าจึงวิ่งออกมาจากห้องเรียน"

อวี้จิ้งยื่นมือที่ยังบวมออกมาพลางร้องไห้ "ท่านย่า มือข้าเจ็บ" ตอนนี้มือของนางยังคงแสบร้อน

ด้านอวี้หรูก้มมองมือตัวเองที่บวมแดงด้วยความรู้สึกแปลกๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าเหลือบมองอวี้เฉิน ครั้นเห็นว่ามือของเด็กหญิงยังปกติดีก็วางใจลงได้ "หนีออกไปแล้วเหตุใดจึงกลับไปอีก ถ้ากลับเข้าไปเรียนอย่างไรก็ต้องโดนตีมืออยู่ดี"

แววตาเมื่อครู่คล้ายจะไม่ใส่ใจ แต่อวี้ซีผู้เฉลียวฉลาดก็สังเกตเห็นได้ นางหัวเราะในใจ แค่เรื่องหยุมหยิมก็ทำให้มองออกได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าลำเอียงเพียงใด โชคดีที่นางไม่สนใจหญิงชราอีกแล้ว

อวี้จิ้งตัวสั่น แต่ก็ยังกัดฟันบอก "ตอนนั้นข้าเพียงตกใจ ไม่ได้ไม่เคารพอาจารย์ ท่านย่า ข้าต้องการเรียนกับอาจารย์"

อวี้เฉินกล่าวขอร้อง "ท่านย่า เมื่อวานเพิ่งเข้าเรียน วันนี้พี่รองก็ไม่ไปเสียแล้ว หากข่าวลือแพร่ออกไป ชื่อเสียงของพี่รองคงไม่ดี" หากอวี้จิ้งเสื่อมเสียชื่อเสียงคงไม่เกิดผลดีต่อพวกนางเช่นกัน

ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ย "พวกเจ้ากลับไปเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง" แม้อวี้จิ้งจะไม่อาจอดทนต่อความยากลำบาก และไม่ต้องการเรียน แต่ก็ไม่สามารถจากไปด้วยวิธีนี้ได้

อวี้ซีตื่นจากนอนกลางวันแล้วก็เริ่มคัดอักษร จากสถานการณ์เมื่อวานนี้ ดูเหมือนวันนี้จะต้องคัดอักษรหนึ่งพันตัว เขียนตอนกลางคืนที่ไหนจะเสร็จทัน แบ่งมาเขียนตอนกลางวันบ้างก็ดี

แม้แม่นมเซินจะรู้ว่าอาจารย์ซ่งเข้มงวด แต่การได้ยินได้เห็นด้วยตนเองก็เป็นคนละเรื่อง "คุณหนู อย่าหักโหมเลย" หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มืออาจพิการได้

อวี้ซีก็ต้องการค่อยเป็นค่อยไป ทว่าอาจารย์ซ่งไม่อนุญาต นางไม่อยากโดนตีฝ่ามือในวันพรุ่งนี้ ทั้งยังไม่ต้องการถูกมองในแง่ลบ

เมื่อถึงเวลาเรียนในช่วงบ่าย อวี้จิ้งก็ปรากฏตัวในห้องเรียนเช่นกัน อวี้ซีเห็นมืออวี้จิ้งแดงเหมือนเท้าหมูก็อดหัวเราะไม่ได้ ดูเหมือนชาติก่อนนางจะพลาดเรื่องสนุกๆ ไปมากมายหลังล้มป่วย

ระหว่างเรียน อวี้ซีจดจ่ออย่างเต็มที่ ไม่มีทางอื่น อาจารย์ซ่งพูดเร็วมาก หากใจลอยไปสักนิดก็จะพลาดไปหนึ่งส่วน

หลังเลิกเรียนอาจารย์ซ่งก็สั่งการบ้าน เป็นไปตามความคาดหมายของอวี้ซี อาจารย์ซ่งให้ทุกคนคัดหนังสือที่เรียนในตอนเช้าหนึ่งจบ แล้วทบทวนบทเรียนในวันนี้ เป็นการคัดอักษรเพียงหกร้อยกว่าตัว ไม่ใช่หนึ่งพันกว่าตัวอย่างที่อวี้ซีคิด

อวี้ซีโล่งใจ ตอนเที่ยงเขียนเสร็จไปเกือบสองร้อยตัวแล้ว ตกกลางคืนคงสามารถทำให้ลุล่วงได้โดยเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด