ตอนที่ 142 การครอบงำ (ฟรี)
ตอนที่ 142 การครอบงำ
ความแข็งแกร่งของโครงกระดูกยักษ์เหล่านี้ค่อนข้างทรงพลัง เหนือกว่าโครงกระดูกภายนอกที่เหมือนทหารเลวหลายขั้น
แต่ลู่ซุนเพียงแค่เหลือบมองพวกมันอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นจึงถอนสายตาออกไป
“ผีแปดเศียรขอบเขตสวรรค์ลวง?” ลู่ซุนพึมพำกับตัวเอง สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก
ไม่ว่าจะเป็นผีขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มหรือขอบเขตสวรรค์ลวง สำหรับลู่ซุนในตอนนี้ พวกมันก็เป็นเพียงมดที่สามารถถูกกำจัดออกไปได้อย่างง่ายดาย
“พื้นที่ภายในเรือโครงกระดูกลำนี้ค่อนข้างน่าสนใจ ยังกับโลกจิ่วโหยวขนาดย่อส่วน?” ลู่ซุนสัมผัสบรรยากาศรอบตัวอย่างระมัดระวัง แล้วพูดด้วยความประหลาดใจ
กฎของมิติแห่งนี้สมบูรณ์มาก และกลิ่นอายของโลกจิ่วโหยวก็ค่อนข้างเข้มข้น เติมเต็มเกือบทุกซอกทุกมุม
พลังแห่งกฎในที่แห่งนี้มีอำนาจปราบปรามอย่างรุนแรงต่อคนเป็น ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธ์ก็ตามที มันจะยับยั้งความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของพวกเขาเอาไว้
แต่ในขณะนี้ ลู่ซุนถือได้ว่าเป็นเหมือนคนตายคนหนึ่ง ดังนั้นพลังปราบปรามเหล่านี้จึงไร้ผล และแทบไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อตัวเขาเลย
ตอนนี้ลู่ซุนได้ก้าวเข้าสู่ชั้นที่สองของเรือโครงกระดูกแล้ว โครงกระดูกยักษ์ปิดล้อมเขาจะทุกทิศทาง และจะโจมตีเขาเมื่อใดก็ได้
แต่สีหน้าของลู่ซุนก็ยังคงสงบ และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างใจเย็น
จิตสังหารในดวงตาของโครงกระดูกยักษ์แกว่งไปมาเล็กน้อย จากนั้นมันก็โจมตีใส่ลู่ซุนโดยตรง แขนอันใหญ่โตของเขาทะยานข้ามท้องฟ้า และฟาดไปที่หัวของลู่ซุน
การโจมตีครั้งนี้รุนแรง และหนักหน่วง และดูน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตสวรรค์ลวงก็อาจได้รับบาดเจ็บสาหัสหากต้องรับการโจมตีตรงๆ
แต่ดูเหมือนลู่ซุนจะไม่สนใจการโจมตีที่พุ่งเข้ามาหาเลย และเขายังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างสงบ
ปัง!
แขนอันใหญ่โตที่ปกคลุมไปด้วยกระดูกกระแทกเข้ากับหัวของเขาอย่างรุนแรง
ลู่ซุนไม่ได้รับบาดเจ็บ และไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
เปรี้ยง!
กลับกัน โครงกระดูกยักษ์ที่โจมตีใส่ลู่ซุนกลับแตกสลาย และกลายเป็นเศษซากจำนวนนับไม่ถ้วน
ร่างกายของลู่ซุนแข็งแกร่งถึงขนาดไหนไม่มีใครรู้? แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางที่โครงกระดูกยักษ์เหล่านี้จะทำร้ายเขาได้!
โครงกระดูกยักษ์ดูเหมือนจะมีสติปัญญาต่ำมาก แม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าไม่ใช่คู่มือของเขาลู่ซุน แต่พวกมันก็ยังโจมตี และสลายไปทีละตน
การโจมตีของพวกมันโหมกระหน่ำใส่ลู่ซุนอย่างบ้าคลั่ง แต่ลู่ซุนกลับไม่สนใจ และทำให้โครงกระดูกยักษ์แตกเป็นชิ้นๆ ด้วยแรงสะท้อนกลับของการโจมตีของพวกมันเอง
ลู่ซุนยังคงก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆ และโครงกระดูกยักษ์มากมายก็ล้มลง และสหายไปตามทางที่เขาเดิน ไม่มีใครสามารถหยุดย่างก้าวของเขาได้
มิติภายในของเรือลำนี้กว้างใหญ่มาก และดูเหมือนว่าจะมีพลังแห่งกฎมิติที่ค่อนข้างทรงพลัง
แต่ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ลู่ซุนก็เดินผ่านชั้นที่สองได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเดินไปขึ้นบันไดมุ่งไปสู่ชั้นที่สาม
ขณะที่ลู่ซุนก้าวขึ้นบันได จู่ๆ เสียงที่ดูเหมือนจะมาจากยุคโบราณก็ดังเข้าหูของเขา
"หยุดแล้วหันหลังกลับไปซะ!"
เสียงนั้นเย็นชามาก ราวกับว่ามันมาจากขุมนรก ตราบใดที่ได้ยินก็จะรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัว
“ฮ่าๆๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าทำไมสิ่งมีชีวิตจากจิ่วโหยวจึงมาปรากฏตัวในโลกปาหวงได้ ดูเหมือนจะมีใครบางคนอยู่เบื้องหลังนี่เอง” ลู่ซุนไม่หยุดเดิน แต่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะตัวประหลาดเช่นเจ้าในโลกปาหวง เจ้าไม่ใช่คนเป็น คนตายหรืออมตะ” เสียงนั้นฟังดูถากถาง แต่ก็แฝงด้วยความประหลาดใจ
ลู่ซุนขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจอีกฝ่ายและเดินหน้าต่อไป
บันไดที่นำไปสู่ชั้นที่สามไม่ได้ยาวนัก ลู่ซุนเดินเพียงไม่นาน เขาก็ใกล้จะไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย
“เจ้า และข้าไม่มีความขัดแย้งใดๆ ต่อกัน ทำไมต้องสู้กันจนตายไปข้างด้วย? ถ้าเจ้าถอยกลับไป ข้าจะถือว่าเราไม่เคยพบกันมาก่อน” เสียงนั้นดังก้องในหูของลู่ซุนอีกครั้ง
“จิ่วโหยวก็มีกฎของจิ่วโหยว และปาหวงก็มีกฎของปาหวง เจ้าเป็นฝ่ายล้ำเส้นก่อน ดังนั้นเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้าเหมือนกัน!” ลู่ซุนตอบกลับอย่างเย็นชา
แม้ว่าโลกปาหวงจะอ่อนแอในตอนนี้ แต่จะไม่ยอมให้ใครมารังแกโดยง่าย!
"หยุดฝีเท้าของเจ้าซะ!" เสียงยังคงดังก้อง และพลังที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งก็ระเบิดออกมาจากชั้นที่สาม
พลังนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง และทันใดนั้นมันก็กวาดผ่านไปทั่ว
แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตหลุดพ้นหรือขอบเขตมหายานก็คงจะถูกกดดันให้ถอยไปได้ไม่ยาก
“หยุดหดหัวเป็นเต่า และแสดงตัวออกมาได้แล้ว” ลู่ซุนส่ายหัวช้าๆ โดยไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันนั้นเลย
ปัง ปัง ปัง...
เสียงทุ้มดังมาจากบันได และลู่ซุนก็เข้าใกล้ชั้นที่สามมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุด ลู่ซุนก็เดินผ่านบันได และมาถึงทางเข้าของชั้นที่สาม
ชั้นนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีดำหนา และไม่สามารถมองเห็นแม้แต่นิ้วของตัวเองได้ พลังแห่งกฎอันน่าสะพรึงกลัวอบอวลอยู่ทุกหนทุกแห่ง
สถานที่แห่งนี้แตกต่างไปจากโลกปาหวงโดยสิ้นเชิง เหมือนเป็นต้นกำเนิดพลังแห่งความมืด
ไม่มีกลางวัน กลางคืน มีแต่ความรกร้าง และความทรุดโทรมกระจายไปทั่ว
มีม่านพลังขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้าลู่ซุน ซึ่งดูเหมือนจะแยกชั้นที่สามออกจากโลกภายนอก
“กลับไปซะ แม้ว่าเจ้าจะมาถึงที่นี่ได้ แต่เจ้าก็ทำอะไรไม่ได้หรอก อาจารย์ของข้าเป็นผู้วางค่ายกลนี้ด้วยตัวเอง แม้แต่อมตะก็ไม่สามารถทำลายมันได้” เสียงที่เย็นชาดังเข้ามาในหูของลู่ซุนอีกครั้ง เสียงดังทำให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยง
ลู่ซุนมองดูม่านพลังขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และแววตาของเขาดูประหลาดใจ
ระดับของม่านพลังนี้สูงมาก และเกือบจะสามารถป้องกันการโจมตีของราชันอมตะได้
แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ลู่ซุนประหลาดใจ ด้วยวิธีการของเขา ยังมีวิธีต่างๆ อีกมากมายที่จะทำลายม่านพลังนี้ลง
เหตุผลที่ลู่ซุนดูประหลาดใจก็เพราะเขารู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าค่อนข้างคุ้นเคย!
“นี่คือ... มหาค่ายกลเหลียงอี๋?” หลังจากที่ลู่ซุนสังเกตดูอย่างระมัดระวังสักพัก เขาก็พูด และกล่าวชื่อของค่ายกลนี้ออกมา
“เจ้าเป็นใครกันแน่” เสียงที่เย็นชาคราวนี้เต็มไปด้วยความตกใจ
มหาค่ายกลเหลียงอี๋ถูกสร้างขึ้นโดยยอดฝีมือของโลกจิ่วโหยว มันมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวในการเปลี่ยนหยินเป็นหยาง เปลี่ยนหยางเป็นหยิน ว่ากันว่าสามารถพลิกกลับจักรวาลได้
แม้แต่ในโลกจิ่วโหยวก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักค่ายกลนี้ และพวกเขาก็ยอดฝีมือระดับแนวหน้าโดยไม่มีข้อยกเว้น
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าในโลกปาหวงที่อ่อนแอลงมากจะยังมีใครบางคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของมหาค่ายกลเหลียงอี๋
ภูมิหลังของชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคงจะไม่ธรรมดาเป็นแน่!
“ก่อนหน้านี้เจ้าเรียกผู้วางค่ายกลนี้ว่า ‘อาจารย์’ สินะ คิดไม่ถึงว่าเด็กตัวเหม็นคนนั้นจะมาถึงระดับนี้ได้” ลู่ซุนมีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า แล้วเขาก็พูดอย่างช้าๆ
“เจ้ากล้าดูหมิ่นอาจารย์ของข้าเหรอ!” ทันใดนั้นเสียงที่โกรธจัดก็ดังขึ้น ราวกับว่าคำพูดของลู่ซุนสัมผัสได้ถึงข้อห้ามของเขา
มวลอากาศเย็นอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งพัดเข้าหาลู่ซุน จากทุกทิศทาง
รอยแยกมิติปรากฏขึ้นในพื้นที่ข้างๆ ลู่ซุน และมือกระดูกที่ซีดขาวก็ปรากฏออกมา และคว้าไปที่ตัวของลู่ซุน