ตอนที่แล้วบทที่ 624 ความมั่นใจของเหลิงอู่เหยียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 626 พายุกำลังก่อตัว วิหารโหยวหลัวคือผู้นำ!

(ฟรี) บทที่ 625 พระราชวังเต๋าสูงสุดที่หายไป


อาณาจักรเบื้องบน ดินแดนพายัพ

วิหารทองคำตั้งตระหง่านเหนือเมฆดำทมิฬ พระศรีอริยเมตไตรยประดิษฐานอยู่ภายใน

เขายังคงยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นดูแข็งทื่อเป็นพิเศษ

เขาเอื้อมมือออกไปสัมผัสคอของตน และมองเห็นรอยลึกบนนั้น ซึ่งพันรอบคอของเขาเหมือนปลอกคอ!

“มันเป็นไปได้ยังไง?!” ดวงตาของพระศรีอริยเมตไตรยเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ “สตรีนั่นมีต้นกำเนิดยังไงกันแน่!”

เดิมทีกระจกบรรพโกลาหลไม่ได้ถูกมอบให้เหมิงเย่เพื่อสืบหาฆาตรกรใดๆ แต่ใช้เป็นช่องทางเชื่อมโยงทั้งสองอาณาจักรในอนาคต

ปราณมังกรกำลังจะหมดลง ค่ายกลหยุดทำงาน และประตูจะเปิดออก

เพื่อให้ได้รับประโยชน์มากขึ้นในเวลานั้น เขาคิดที่จะวางหมากตัวนี้ไว้ล่วงหน้า

แต่สุดท้าย เหมิงเย่กลับพบฆาตกรจริงๆ!

เขายังใช้แก่นโลหิตเป็นสื่อกลางในการอัญเชิญชินระลงไปยังโลกเบื้องล่าง

อย่างไรก็ตาม โลกเบื้องล่างนั้นมีข้อจำกัดมากมาย และพระศรีอริยเมตไตรยก็ใช้ได้เพียงร่างวิญญาณเท่านั้น

ถึงกระนั้น สำหรับผู้ฝึกตนในโลกเบื้องล่าง มันก็เป็นพลังที่มิอาจต้านทานได้

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นอยู่เหนือจินตนาการของเขาโดยสิ้นเชิง!

ด้านหลังศีรษะของพระศรีอริยเมตไตรยบิดเบี้ยว เผยให้เห็นใบหน้าดุร้ายที่มาพร้อมกับเสียงแหบพร่า “เมื่อกี้เกิดอันใดขึ้น? ศีรษะของเจ้าเกือบถูกฟันขาดไปแล้ว!”

สีหน้าของพระศรีอริยเมตไตรยแข็งทื่อ “ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

สตรีนางนั้นเป็นใคร!

“มันอาจจะเป็นหมากที่ชินระตนอื่นวางไว้ เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะมีความแข็งแกร่งเช่นนั้น” ใบหน้าดุร้ายขมวดคิ้วและวิเคราะห์

พระศรีอริยเมตไตรยส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ สตรีนางนั้นเข้าถึงระดับเทพศักดิ์สิทธิ์แล้ว นางไม่ได้มาจากอาณาจักรเบื้องบนอย่างแน่นอน!”

เหนือเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่อาจลงสู่โลกเบื้องล่าง นี่เป็นกฎอันไม่อาจละเมิดที่กำหนดโดยบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์แห่งอาณาจักรเบื้องบน

และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมความแข็งแกร่งของทูตจึงอยู่เพียงระดับปานกลาง

ไม่ต้องพูดถึงชินระ แม้แต่เทพแห่งสวรรค์ทั้งแปดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งผู้แข็งแกร่งระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ลงไปยังโลกเบื้องล่าง!

การฝ่าฝืนกฎจะนำไปสู่ทัณฑ์สวรรค์เก้าชั้นฟ้า ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเทพเจ้า หากรับเข้าไปแม้เพียงครั้งเดียว มันก็จะต้องตาย!

ใบหน้าดุร้ายดูสับสน “อย่างไรก็ตาม ด้วยเต๋าที่ไม่สมบูรณ์ในโลกเบื้องล่าง ใครบางคนจะสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการและแม้แต่ควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ไม่ว่าพรสวรรค์จะสูงส่งเพียงใด สิ่งนั้นก็ยังเป็นไปไม่ได้”

ดวงตาของพระศรีอริยเมตไตรยมีประกายความคิดแวบผ่าน “มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น นั่นคือมีใครบางคนใช้ประโยชน์จากช่องโหว่!”

“เจ้าหมายถึงอะไร?”

“กฏที่ท่านบรรพบุรุษตั้งไว้คือเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจลงสู่โลกเบื้องล่าง แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากคนคนนั้นเป็นมนุษย์ธรรมดาจริงๆ?”

“เจ้าหมายความว่า...”

“มีคนลักลอบส่งมอบเต๋าอันสมบูรณ์ให้และฝึกฝนผู้แข็งแกร่งในโลกเบื้องล่าง และมันอาจวางแผนมาแล้วนับพันปี!”

นี่เป็นคำอธิบายเดียวที่พระศรีอริยเมตไตรยสามารถคิดได้

เนื่องจากผู้แข็งแกร่งไม่อาจลงสู่โลกเบื้องล่าง และมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถฝ่าพันธนาการได้ด้วยตนเอง เช่นนั้นมันต้องเป็นฝีมือของปรมาจารย์จากอาณาจักรเบื้องบน!

ใบหน้าดุร้ายพึมพำ “ใครกัน? ชินระไม่มีความสามารถนั้นแน่นอน หรืออาจเป็นเทพแห่งสวรรค์ทั้งแปดบางตน?”

พระศรีอริยเมตไตรยส่ายหัว “เป็นใครไม่สำคัญ ทุกอย่างจะกระจ่างเมื่อประตูถูกเปิดออก”

“เช่นนั้นเจ้าจะรายงานเจ้าพิภพไหม?”

“ทำไมต้องรายงานด้วย?” พระศรีอริยเมตไตรยยิ้มแย้ม “เทพองค์นี้ต้องทนทุกข์ เช่นนั้นคนอื่นก็ต้องประสบกับสิ่งเดียวกัน”

“เจ้ายังคงชั่วช้าเหมือนเดิม”

“มันเรียกว่ากลอุบายต่างหาก”

พระศรีอริยเมตไตรยสัมผัสรอยดาบที่คอของเขา ปราณเงาที่สั่นไหวบนบาดแผลทำให้ความเร็วในการรักษาช้าลงอย่างมาก และคาดว่าคงไม่อาจหายดีในระยะเวลาอันสั้น

แม้ว่าจะเป็นเพียงร่างวิญญาณ แต่ดาบเล่มนั้นก็ยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเกือบจะถูกตัดศีรษะด้วยซ้ำ

“ไร้ความปรานีจริงๆ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนโหดเหี้ยมเช่นนี้ในโลกเบื้องล่าง”

พระศรีอริยเมตไตรยรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่แล้วเขาก็แสดงรอยยิ้มชั่วร้าย

“ด้วยความแข็งแกร่งของสตรีนางนั้น มันจะต้องสร้างความประหลาดใจให้กับชินระตนอื่นอย่างแน่นอน ข้าล่ะอยากเห็นปฏิกิริยาของพวกมันจริงๆ”

***

หลังจากเหตุการณ์พระราชวังหลวงถูกผ่าครึ่ง พายุขนาดยักษ์ก็เกิดบนดินแดนอันกว้างใหญ่อีกครั้ง

ในฐานะนิกายระดับสูงสุดอันเป็นที่รู้จักกันดี พระราชวังเต๋าสูงสุดได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำแห่งวิถีธรรมมาโดยตลอด และผู้นำของพวกเขา เฉินหยุนเต๋าได้ปราบปรามวิถีมารเป็นเวลาหลายร้อยปีด้วยตัวเขาเอง

แม้ว่าการถือกำเนิดขึ้นอย่างกะทันหันของเหลิงอู่เหยียนและความแข็งแกร่งที่นางสำแดงออกมาจะทำให้ชื่อเสียงของเฉินหยุนเต๋าไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เขาก็ยังคงเป็นมหาอำนาจที่ไม่อาจสั่นคลอน

แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความโกลาหลครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นกับพระราชวังเต๋าสูงสุด

ประการแรก จักรพรรดินีทั้งสามมารวมตัวกัน จากนั้นการต่อสู้อันรุนแรงก็บังเกิด เทือกเขาเฟยหยุนถูกผ่าครึ่ง และพระราชวังเต๋าสูงสุดก็ถูกทำลายโดยตรง!

ตอนนี้ประตูภูเขาถูกปิดสนิท แม้แต่ยุงตัวเล็กๆไม่อาจเล็ดรอดออกมา

ตั้งแต่ผู้นำนิกายเฉินหยุนเต๋าไปจนถึงเหล่าศิษย์ของยอดเขาต่างๆ มันไม่มีข่าวคราวใดๆ ราวกับพวกเขาหายไปในในอากาศ!

เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดความโกลาหลในดินแดนอันกว้างใหญ่ ทุกคนล้วนคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับพระราชวังเต๋าสูงสุด นิกายหลักต่างๆก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวมาระยะหนึ่งแล้ว

ต้องรู้ว่าเหตุผลที่ดินแดนอันกว้างใหญ่สงบสุขมาโดยตลอดก็เนื่องมาจากแปดนิกายหลักแห่งวิถีธรรมและวิถีมารได้ยับยั้งซึ่งกันและกัน มันจึงรักษาสมดุลอันละเอียดอ่อนไว้ได้เสมอ

แต่ตอนนี้ พระราชวังเต๋าสูงสุดซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้นำของวิถีธรรมจู่ๆก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน สถานการณ์จึงเริ่มซับซ้อนและเข้าสู่ความวุ่นวาย

ชั่วขณะหนึ่ง ผู้คนในวิถีมารต่างก็เฉลิมฉลอง และศิษย์ของวิถีธรรมทั้งหมดก็ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว

นิกายปีศาจกำลังจะเจริญรุ่งเรือง และข่าวลือเกี่ยวกับการเสื่อมถอยของวิถีธรรมก็แพร่กระจาย ทำให้ทั่วทั้งดินแดนอันกว้างใหญ่ตื่นตระหนก

***

นิกายเซิงอวี่ ห้องโถงใหญ่

“ท่านผู้นำนิกาย คราวนี้พระราชวังเต๋าสูงสุดอาจจะจบสิ้นแล้วจริงๆ!” ผู้อาวุโสตะโกนอย่างตื่นเต้น

เสินถูนั่งอยู่บนเก้าอี้สีแดงเลือด อาภรณ์ดำปกคลุมทั่วทั้งตัว เขากล่าวอย่างเฉยเมย “แล้ว?”

“โอกาสของวิถีมารมาถึงแล้ว! ไอ้จมูกวัวนั่นกดขี่เรามานาน ตอนนี้ถึงเวลาที่ดินแดนอันกว้างใหญ่จะเปลี่ยนผู้ครอบครอง!”

ผู้อาวุโสและเหล่าศิษย์ดูตื่นเต้นอย่างมาก

เป็นเวลาหลายปีแล้วภายใต้การกดขี่ของวิถีธรรม และพวกเขาทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเท่านั้น

ตอนนี้เมื่อศัตรูอันทรงพลังถูกกำจัดและแม้แต่ป้อมปราการยังถูกทำลาย ความทะเยอทะยานของวิถีมารก็มาถึงจุดสูงสุด!

ในที่สุดก็ไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป!

เสินถูสงบมาก ใบหน้าของเขาถูกซ่อนอยู่ในเงามืด และอารมณ์ไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจน “โง่เง่า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าศัตรูคนปัจจุบันของนิกายเซิงอวี่เราคือพระราชวังเต๋าสูงสุด?”

“อา?” ทุกคนล้วนตกตะลึง “ผู้นำนิกายหมายความว่ายังไง?”

“ในตอนแรก เพื่อต่อต้านการปราบปรามของวิถีธรรม นิกายปีศาจจึงต้องรวมตัวกันเพื่อสร้างขุมกำลัง ตอนนี้วิถีธรรมกำลังเสื่อมถอย มีเหตุผลใดบ้างที่นิกายปีศาจจะยังรักษาพันธมิตรไว้?”

“ศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของนิกายเซิงอวี่ตอนนี้คือนิกายปีศาจอื่นๆ!”

“โดยเฉพาะวิหารโหยวหลัว...”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เสินถูก็ตัวสั่นราวกับนึกถึงบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว

“เหลิงอู่เหยียนเป็นคนอารมณ์ร้ายและเอาแน่เอานอนไม่ได้ วันนี้นางสามารถโจมตีเทือกเขาเฟยหยุน พรุ่งนี้นางก็อาจจะมากวาดล้างนิกายเซิงอวี่ได้เหมือนกัน!”

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง สีหน้าตื่นเต้นค่อยๆจางหาย

คำว่า “เหลิงอู่เหยียน” สร้างความกดดันให้พวกเขามากเกินไป

ผ่าพระราชวังหลวงออกเป็นสองส่วน และตอนนี้ก็ทำลายพระราชวังเต๋าสูงสุดจนแทบหมดสิ้น และเฉินหยุนเต๋ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั่นยังคงเป็นปัญหา

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน มหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ทั้งสองก็ถูกเตะออกจากแท่น!

หากสตรีนางนั้นมาที่นิกายเซิงอวี่... เพียงแค่คิดทุกคนก็ตัวสั่น

/////