ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (10)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 34>
4. ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (10)
**********
"อารอน"
"ครับ อาจารย์"
"นกสามารถบินบนท้องฟ้าได้ยังไง?"
"ไม่ทราบครับ…."
"เพราะนกเป็นนกมาตั้งแต่แรกหรือเปล่า? หรือเพราะเผ่าพันธุ์ของพวกนกสามารถบินได้ตั้งแต่โลกถูกสร้างขึ้น?"
ชายหนุ่มไม่สามารถตอบได้
เด็กชายพูดต่อ
"ไม่ใช่หรอก ในตอนเริ่มต้นของโลก ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่านก ทุกอย่างคลานอยู่บนพื้นดินเหมือนสัตว์ แต่เมื่อเวลาผ่านไป สัตว์ที่บินได้ก็ปรากฏขึ้น ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ?"
"เพราะการบินได้ทำให้มีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้นหรือเปล่าครับ"
"ชิชิชิ ช่างไร้ซึ่งจินตนาการ ผิดแล้ว"
"แล้วคำตอบที่ถูกต้องคืออะไรครับ?"
"เพราะมีสัตว์ตัวหนึ่งกล้าที่จะฝันขึ้นมาไงล่ะ"
เด็กชายยิ้มอย่างอ่อนโยน
"มันเฝ้ามองท้องฟ้าและฝันว่า ถ้ามันบินได้อยู่บนท้องฟ้าสีครามนั่น มันจะมีความสุขมากแค่ไหน มันเพ้อฝันถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่มันบินไม่ได้ น่าสมเพชจริง ๆ"
นานมาแล้ว มีสัตว์ตัวหนึ่งที่คลานอยู่บนพื้นดินเฝ้ามองท้องฟ้าและฝัน
ฝันว่ามันบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้า
"แค่ฝันไปก็เท่านั้น มันไม่มีปีก แล้วมันจะบินได้อย่างไร? มันคงคลานไปมาบนพื้นดินจนตายอย่างน่าอนาถ สาปแช่งโชคชะตาของตัวเองที่บินไม่ได้"
"คงจะเป็นเช่นนั้น"
"แต่ความฝันนั้นไม่เคยสิ้นสุด"
ถึงแม้ว่าสัตว์ที่ฝันถึงการบินได้ตายไปแล้ว แต่ความฝันยังคงอยู่
"มันส่งต่อความฝันนั้นให้ลูกให้หลาน ความฝันที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า แน่นอนว่าการส่งต่อความฝันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ลูกหลานพวกมันก็ตายเหมือนกัน และตายอย่างน่าอนาถบนพื้นดิน และเอาแต่คร่ำครวญถึงโชคชะตาของตัวเองที่บินไม่ได้"
"..."
"แต่ความฝันไม่เคยสิ้นสุด"
มันดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
แม้ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงและความทรงจำจะเลือนหาย
ความฝันก็ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น
หยั่งรากลึกลงในพื้นดิน ได้รับการหล่อเลี้ยงจากกาลเวลา
"รุ่นแล้วรุ่นเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่า"
พวกนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
แต่ความฝันไม่เคยสิ้นสุด
พวกเขาเกิดมา ฝัน แล้วก็ตายจากไป
กรรม
นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ระบบตัดสิน
นักปราชญ์เรียกพลังที่แท้จริงนี้ว่า ‘นิรันดร์’
มันคือสัญชาตญาณแห่งชีวิต
มันคือบทเพลงที่ไม่มีวันจบสิ้น
ปราชญ์โบราณเรียกพลังนั้นว่าปาฏิหาริย์แห่งการดำรงอยู่
เหตุใดจักรวาลจึงยอมให้ชีวิตมีความฝัน?
หากเป็นความฝันที่สามารถบรรลุได้ นั่นไม่ใช่ความฝัน
แม้ว่าจะบรรลุความฝัน แต่ก็ยังมีอีกความฝันรออยู่ข้างหน้า
คนที่เอาแต่ฝันตายด้วยความโกรธ ความหงุดหงิด และความสิ้นหวัง
กรรมเกิดที่นั่น
ด้วยการหล่อเลี้ยงความสิ้นหวังและความหวังที่ทิ้งไว้โดยผู้ที่กำลังจะตายโดยไม่ตระหนักถึงความฝันของตนเอง
“และส่งต่อไปยังรุ่นต่อ ๆ ไป รุ่นต่อ ๆ ไปและ รุ่นต่อ ๆ ไป…..”
คงใกล้ถึงเวลาชั่วนิรันดร์แล้ว
เวลานั้นเป็นหน่วยที่ไม่สามารถวัดได้ตลอดชีวิต
พวกเขาเกิดมา ฝัน แล้วก็ตายจากไป
ในที่สุด วันหนึ่ง สัตว์ที่เคยฝันก็ตระหนักได้ว่ามันมีปีกงอกออกมา
และแล้ว สัตว์ที่เคยคลานอยู่บนพื้นดินก็โผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
นี่คือนิทานปรัมปราเกี่ยวกับกำเนิดของนกที่เด็กชายเล่าให้ฟัง
"อ้อ บนโลก พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าทฤษฎีวิวัฒนาการหรืออะไรทำนองนั้น แต่ข้าว่ามันช่างไร้ซึ่งจินตนาการสิ้นดี พูดถึงแต่เรื่องการอยู่รอด การหาอาหารง่ายขึ้น อะไรเทือกนั้น น่าเบื่อ น่าเบื่อจริง ๆ"
"อาจารย์ครับ"
"อะไร?"
"แล้วผมจะบินได้เหมือนนกไหมครับ?"
"จะบินได้ไหมงั้นเหรอ?"
"ก็คงเป็นเช่นนั้น"
"นายคงบินไม่ได้ แต่ 'นายในอนาคต' อาจจะบินได้ ดังนั้นอารอน…"
ตัวเขาในอนาคต
ชายหนุ่มเข้าใจความหมายนั้นในทันที
"นยต้องตายที่นี่ เพื่อส่งต่อความฝันให้กับนายในอนาคต"
"..."
"คนที่สามารถทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้ไม่ใช่นาย แม้เขาจะมีชื่อ หน้าตา และนิสัยเหมือนายทุกอย่าง แต่เขาจะเป็นคนละคนกับนายอย่างแน่นอน"
"..."
"เขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายต้องเผชิญความยากลำบากอะไรบ้างที่นี่ตลอดหลายร้อยปี และต้องตายด้วยความตั้งใจแบบไหน ถึงรู้ทีหลัง เขาก็คงคิดว่ามันเป็นเรื่องของคนอื่น"
เขาต้องตาย
เด็กชายกำลังบอกเขาเช่นนั้น
"เขาจะกลายเป็นคนละคนจริงๆเหรอครับ?"
"ก็คงจะเป็นเช่นนั้น ความทรงจำของพวกนายต่างกันนี่"
"ถ้าความทรงจำเปลี่ยนไป ก็จะกลายเป็นคนละคนสินะครับ"
"อารอนคนต่อไปคงไม่สามารถทนความเจ็บปวดของนายได้มากกว่าจัวนายเอง ดังนั้นนายต้องฝังความรู้สึกเหล่านั้นไว้กับตัวเองและจากไป"
แม้ว่าในอนาคตอันไกลโพ้น 'ตัวเขา' จะนึกถึง 'ตัวเขา' ในตอนนี้ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นคนเดียวกันงั้นเหรอ?
ไม่รู้สิ
ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเข้าใจ
เขาต้องจากไปพร้อมกับความรู้สึกที่แตกสลายนี้เพียงลำพัง
เพื่อส่งต่อความฝันไปยังตัวเขาในอนาคต
ดังนั้น อารอนคนแรกจึงต้องตายลงที่นี่
ตายไปโดยไม่มีใครเข้าใจ
เขาต้องตายด้วยความหงุดหงิดที่ไม่สามารถบรรลุความฝันได้
แต่อย่างไรก็ตามเขาตายด้วยความหวังว่าจะสานต่อความฝันของเขาต่อไป
"อาจารย์ครับ…"
“......”
"ขอบคุณครับ"
ชายหนุ่มยิ้ม
"ความฝันของผมจะไม่จบลงแค่นี้สินะครับ"
"ใช่"
"แม้ว่าตัวผมในอนาคตจะจำผมใสตอนนี้ไม่ได้ แต่อาจารย์จะยังคงจำผมได้สินะครับ"
"ใช่"
"ขอบคุณมากเลยนะครับ"
เด็กชายก้มหน้าลงและพูด
"หลับให้สบายนะ ฝันถึงการบินบนท้องฟ้า แล้วเมื่อใดที่นายตื่นขึ้น นายจะสามารถบินได้"
ชายหนุ่มหลับตาลง
ใบหน้าของเขาแสดงถึงการยอมรับทุกสิ่ง
เด็กชายมองไปที่ชายหนุ่ม
เขามองเห็นเศษเสี้ยวของชีวิตที่แตกสลายจากการไล่ตามความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
มีกี่คนที่เคยมาที่นี่?
มีกี่คนที่ต้องพ่ายแพ้ต่อความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้และจากไป?
"..."
เด็กชายเขย่งเท้าขึ้น วางมือลงบนหน้าผากของชายหนุ่ม
จากนั้นเขาก็ลูบใบหน้าของผู้ตายอย่างแผ่วเบา ราวกับกำลังแสดงความอาลัย
ตุบ!
ร่างของชายหนุ่มล้มลง
หัวใจของเขาหยุดเต้นแล้ว
"แล้วพบกันใหม่ ศิษย์รัก"
เด็กชายหันหลังกลับ
ไม่นานนัก ร่างของชายหนุ่มก็เริ่มกลายเป็นฝุ่นผง
โลกนี้มีกฎฟิสิกส์ที่แตกต่างจากที่อื่น
ณ สถานที่แห่งนี้ มันถือกำเนิดขึ้นจากความแปรปรวนของจักรวาลและระบบ ทั้งกาลเวลาและอวกาศ ชีวิตและความตาย ล้วนบิดเบี้ยว
ร่างของชายหนุ่มกลายเป็นฝุ่นผงและปลิวหายไป
ร่างกายสูญเสียรูปร่างไป
ในที่สุด ฝุ่นผงก็กลายเป็นหมอกดำและหายไปในอากาศ
"คงจะเหงาไปอีกพักใหญ่เลยนะเนี่ย"
เด็กชายถอนหายใจและเดินกลับไปที่กระท่อม
ไม่มีใครรู้ว่า 'อารอน' คนต่อไปจะปรากฏตัวเมื่อใด
ความฝันที่ไม่มีวันสิ้นสุดจะดึงดูดร่างกายและความทรงจำของอารอนที่กลายเป็นฝุ่นผง มารวมกันเป็นรูปร่างใหม่
เขาอาจจะมีความทรงจำจากโลกภายนอก แต่เขาจะไม่รู้ถึงความทรงจำที่นี่
บางทีมันอาจจะดีกว่า
ดังนั้น จงกลับมา
ตราบใดที่ยังมีความฝัน เขาต้องกลับมาอย่างแน่นอน
เด็กชายรู้ดี
และวงจรก็ดำเนินต่อไป
วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นับครั้งไม่ถ้วน
เวลาเพียงหนึ่งพันปีไม่อาจวัดช่วงเวลาของพวกเขาได้
ในโลกแห่งนิรันดร์ การนับเวลานั้นไร้ความหมาย
แต่แม้จะใกล้เคียงกับนิรันดร์เพียงใด เวลาก็ยังคงเคลื่อนไป และแม้จะอยู่ในวงจรนั้น แต่ความฝันก็ยังคงดำเนินต่อไปและหยั่งรากลึกลง
และในตอนนี้ อารอนมองเห็นแล้ว
เขาเห็นภาพของตัวเองนับไม่ถ้วนที่ต้องพ่ายแพ้และจากไปโดยที่ไม่สามารถทำให้ความฝันเป็นจริงได้
แม้ความรู้สึกและความผิดหวังเหล่านั้นจะไม่ใช่ของเขา แต่เขาก็รู้ว่าความฝันของพวกเขายังคงดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด
นี่คือตัวตนของเขา
แน่นอนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์
เขาเป็นภาพลวงตาและเงาที่เกิดจากความฝัน
เขาคือผลึกแห่งความฝันอันบริสุทธิ์
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถทำได้
บิดเบือนกฎแห่งความเป็นจริง
ปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการแห่งพรสวรรค์และเป็นอิสระ
อารอนได้ก้าวข้ามขอบเขตระหว่างความจริงและภาพลวงตาไปแล้ว ในบางแง่มุม เขาได้กลายเป็นวิญญาณหรือแม้แต่เทพเจ้า
ดังนั้น กรรมจึงเป็นการฝังตัวเองลงในกาลเวลาอันยาวนาน และสร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ตั้งแต่ต้น
ใช้ความสิ้นหวังและความผิดหวังในอดีตเป็นสิ่งหล่อเลี้ยง และฉาบภาพลวงตาลงบนความเป็นจริง
ดังนั้น สำหรับผู้ที่เข้าใจกรรม กฎเกณฑ์และข้อจำกัดของโลกจึงไม่เป็นอุปสรรคใด ๆ
"ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนานนะครับ"
อารอนลืมตาขึ้น
เงาอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขา
“เยี่ยม”
รีเจียนตอบ
ปลายหอกของอารอนเริ่มรวมพลังแห่งความมืดเข้าไว้ด้วยกัน
ภาพนั้นเหมือนกับตอนที่อารอนแทงทะลุไบฟรอตของฮานเมื่อไม่นานมานี้
มันคือท่าไม้ตายที่เขาเคยทำได้สำเร็จแค่ในจิตใต้สำนึกเท่านั้น
วี้ดดดด!
เสียงกระพือปีกของผึ้งดังขึ้น
เงาที่รวมตัวกันบนปลายหอกสั่นไหวสะท้อนภาพลวงตา
มันดูคล้ายกับการแทงที่เขาใช้ตอนอีเวนต์ แต่มันแตกต่างออกไป
สีของเงาคมชัดและเข้มกว่าตอนนั้นมาก
'เงาจันทรา'
การแทงที่รวบรวมเงามืดนับไม่ถ้วนเข้าไว้ด้วยกัน
พลังของการแทงนี้ไม่อาจเทียบได้กับสิ่งใด
ไม่ว่าจะใช้วิธีทางกายภาพหรือเวทมนตร์ใด ๆ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งทักษะนี้ได้
อารอนนึกถึงความทรงจำของใครบางคนที่เขาไม่รู้จัก
เขาไม่รู้ว่าเขามีความทรงจำมากมายแค่ไหน
ถึงกระนั้นอาจารย์ก็แจ้งให้ทราบอย่างชัดเจน
เขาบอกเป็นนัยว่ามันเป็นทักษะที่เขาจะใช้ในอนาคต
คำแนะนำในการใช้และชื่อของเทคนิคนี้
'รวบรวมเงาจันทรา'
และตอนนี้ อารอนก็พุ่งออกไปข้างหน้า
พลังอันรุนแรงที่ปลายหอกพ่นควันออกมาเป็นทาง
เป้าหมายคือชายที่อยู่ตรงหน้า
"มาเลย"
รีเจียนยิ้มกว้างขึ้น
ใช่แล้ว นั่นคือแสงแห่งหายนะ
พลังของเด็กชายที่เคยมอบความพ่ายแพ้ครั้งแรกให้กับเขา
[รวบรวม]
[เงาจันทรา]
ปลายหอกที่พุ่งออกไปราวกับสายฟ้าและมุ่งตรงไปยังหัวใจของรีเจียน