บทที่ 39 วิธีการที่รุนแรงเกินไป

วังอี้ สาวใช้คนหนึ่งของตู้เซิง รู้สึกซับซ้อนในใจ

เดิมทีห้องสามคน ตอนนี้ทุกคืนเธอก็เหลืออยู่คนเดียวในห้อง

เมื่อรู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลิวเทา กับ ตู้เซิง ก้าวหน้าไปอีกขั้น และเธอยังได้บทนางเอกด้วยความช่วยเหลือจากเขา วังอี้ รู้สึกอิจฉาและหึงหวงขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด

เธอรู้สึกว่าตัวเองประเมินความสามารถของ ตู้เซิง ต่ำไป นี่ดูเหมือนจะเป็นที่ต้องการยิ่งกว่านักแสดงในภาพยนตร์ดิจิทัลเสียอีก

ถ้าคืนนั้นเธอได้อยู่ต่อ จะเป็นไปได้ไหมว่าผลลัพธ์จะเปลี่ยนไป...

ไม่ว่าใครจะคิดยังไง หลิวเทา ก็ถ่ายทำเสร็จสิ้นแล้ว

จางต้าเฮ่อไม่ได้มาที่กองถ่าย และแม้ว่าเขาจะมาที่นี่ก็คงไม่ได้จัดงานเลี้ยงสำหรับนักแสดงสมทบ

มีเพียง วังอี้, เฉิงเห่า, ตู้เซิง, จวีเจวี๋ยเลี่ยง และคนอื่น ๆ อีกไม่กี่คนที่ร่วมแสดงความยินดี แต่ หลิวเทา ก็ยังคงมีความสุขมาก

คืนนั้นเธอใช้ฝีมือทุกวิถีทาง แต่ก็ยังสู้ ตู้เซิง ไม่ได้ สุดท้ายทำให้เธอเหนื่อยล้าแทบหมดแรง เป็นที่น่าเสียดาย

เดิมทีเธอต้องการใช้พลังของชายหนุ่มจนหมดแรง เพื่อป้องกันไม่ให้เขาไปยุ่งกับสาวอื่นหลังจากเธอจากไป

แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถสำรวจถึงขีดจำกัดของเขาได้เลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ตู้เซิง ยืมรถจากกองถ่ายและขับไปส่งเธอด้วยตัวเอง

“ช่วงนี้ อย่าให้สาวน้อยคนไหนมาเข้ามาปั่นหัวเธอนะ!”

หลิวเทา มองชายหนุ่มที่ขับรถด้วยความตั้งใจ และดูหล่อเหล่าอย่างยิ่ง เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่สงบ

เธอรู้ดีถึงพลังดึงดูดของเขาทั้งในเรื่องหน้าตาและบุคลิก และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเส้นทางในวงการบันเทิงของเขายังไปได้สวย รอบตัวเขาก็เริ่มมีสาวน้อยมากมายเข้ามาห้อมล้อม

“ไม่มีทางหรอก เธอคิดมากไปแล้ว”

ตู้เซิง หาวเล็กน้อย

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนที่อดทนขนาด หลิวเซี่ยฮุ่ย แต่เขาก็ยังไม่ถึงกับเลือกกินไม่ได้

“จะไม่มีได้ยังไง! น้องสาวของเธอที่ดูแลเธอนั้นมองเธอด้วยสายตาที่ชัดเจนผิดปกติ!”

หลิวเทา พูดพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมายแฝง มีความแปลกประหลาดอยู่ในน้ำเสียงของเธอ

พูดตามตรง ผู้ชายคนนี้มีข้อดีหลายอย่างจนเธอยอมรับอย่างยินดี

ตู้เซิง พูดอย่างขี้เกียจว่า:

“แม่ของ อี้เฟย มองฉันเหมือนกับเป็นโจร เธอคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เขารู้สึกเศร้าใจ ถ้าเขาทำอะไรไปก็ยังพอว่า

แต่ปัญหาคือเขาไม่ได้ทำอะไรเลย

หลิวเทา หลุดขำออกมา ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง และสนุกกับการเห็นเขาลำบาก

การสนทนาตลอดทางนี้ทำให้เธอผ่อนคลายลงมาก และไม่ยึดติดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกต่อไป

หลังจากส่งเธอขึ้นเครื่องกลับไปที่กองถ่าย ตู้เซิง ก็เข้าสู่โหมดการถ่ายทำอย่างรวดเร็ว

วันรุ่งขึ้น จางต้าเฮ่อ ที่ไม่ค่อยได้มาที่กองถ่ายกลับปรากฏตัวขึ้น สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลัง

บนถนนใหญ่ มีการแขวนป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า———

【ยินดีต้อนรับ จางจื้อจง แห่ง "เทียนหลง" สู่หลี่เฉิง!】

'นี่มันไม่เวอร์ไปหน่อยเหรอ?'

นี่คือความคิดของหลาย ๆ คน

คนที่ไม่รู้ยังคิดว่านี่คือผู้นำของเจ้อฟู่ที่มาเยี่ยมชม

เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง จ้าวเจี้ยน ได้พูดถึงเพลง "หนานเนี่ยนเตอะจิง" ของ ตู้เซิง ขึ้นมา

ตามคาด มันถูก จางต้าเฮ่อ ปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะฟังตัวอย่างเพลง เขาไม่เชื่อในนักแสดงหน้าใหม่ที่ไม่มีชื่อเสียง

เขาบอกว่าได้หาคนมาแต่งเพลงให้โดยเฉพาะแล้ว

จวีเจวี๋ยเลี่ยง กับ จ้าวเจี้ยน มองตากัน ทั้งสองคนเข้าใจดีว่าเพลงนี้เหมาะกับ "เทียนหลง" แค่ไหน

เช่นนี้แล้ว คงต้องรอให้มันออกอากาศครั้งที่สองหรือสามในภูมิภาค กวางตุ้ง ฮ่องกง และมาเก๊า แล้วค่อยพยายามโปรโมตต่อไป

ระหว่างนั้น โจวเหยาเหวิน ผู้กำกับหลักของเรื่อง ได้เข้ามาคุยกับ จางจื้อจง แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดเล็กน้อย

“จางโปรดิวเซอร์ ก่อนหน้านี้ฉันเขียน ‘คำพูดของผู้กำกับ’ ไว้ คุณเคยบอกว่าจะส่งให้ทุกคนอ่าน แต่ยังไม่เห็นมีการดำเนินการอะไรจากฝ่ายประชาสัมพันธ์เลย?”

ในช่วงก่อนหน้านี้ที่ถ่ายทำฉากนอกสถานที่ที่เกาะท้อแห่งเจ้อฟู่ ทุกคนดูเหมือนจะผ่อนคลายเพราะใกล้จะย้ายสถานที่แล้ว ดังนั้นเขาจึงเขียนบทความเพื่อกระตุ้นให้ทุกคนตื่นตัวและส่งให้ จางจื้อจง

แต่ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ทุกคนดูมีสภาพจิตใจดีนะ ฉันคิดว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะ”

จางจื้อจง ตอบกลับอย่างไม่สนใจ จากนั้นเขาก็หันไปหาทีมผลิตอย่าง อวี๋หมิ่น และ จ้าวเจี้ยน

โจวเหยาเหวิน ขมวดคิ้ว

เขารู้ว่าหลังจาก จางจื้อจง จัดการเรื่องการพัฒนาและการประชาสัมพันธ์ของเมืองภาพยนตร์เสร็จสิ้นแล้ว เขาตัดสินใจที่จะเข้ามาเพื่อรวบอำนาจ

แล้วอำนาจนี้จะถูกรวบรวมอย่างรวดเร็วได้อย่างไร?

แน่นอนว่าต้องกดดันและลดอิทธิพลของผู้กำกับหลักอย่างเขาลง

นอกจากนี้ เขายังรู้ถึงวิธีการสร้างกระแสของ จางจื้อจง ที่อาจจะมีการเขียนอะไรไว้บางอย่าง

จวีเจวี๋ยเลี่ยง, หยวนปิน, ตู้เซิง และคนอื่น ๆ ที่ยืนดูอยู่เพียงหันมามองตากันโดยไม่ได้พูดอะไร

แม้ทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องแบบนี้คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่ง

ถึงแม้ว่าผู้กำกับจะเป็นคนทำงานเช่นเดียวกับนักแสดง แต่ก็ต้องยอมรับว่าโปรดิวเซอร์สามารถดึงทุนได้ ถือว่ามีความสามารถ และยังคุมเงินทุนทั้งหมดด้วย

แต่การกระทำของ จางจื้อจง นั้นรุนแรงเกินไป เหมือนการฆ่าไก่เพื่อขู่ลิง

ในวันถัดไปช่วงเที่ยง ความขัดแย้งก็ระเบิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เสียงของ โจวเหยาเหวิน ก้องกังวานในกองถ่าย เต็มไปด้วยความไม่พอใจและโกรธ:

“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าการถ่ายฉากที่มุมมองต่ำนี้ต้องใช้โดรน ไม่งั้นจะไม่ได้ความยิ่งใหญ่แบบที่ต้องการ!”

เขาทนไม่ได้กับการแทรกแซงที่สุ่มสี่สุ่มห้าของบางคนอีกต่อไป

ตอนนี้พวกเขากำลังถ่ายทำฉากที่ ห

ูจวิ้น ใช้ท่า ‘เฟยหลงจ้ายเทียน’ (มังกรบินสู่ฟ้า) ผู้กำกับที่มีความรู้พื้นฐานก็รู้ดีว่าจะต้องทำยังไง

แต่ จางจื้อจง ยืนกรานที่จะตั้งกล้องสี่ตัวถ่ายจากสี่มุม และยังคงสั่งการอย่างไม่มีอารมณ์:

“นี่เป็นโปรเจกต์ของฉัน ถ้าคุณทำงานนี้ไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ กองถ่ายของฉันไม่เคยขาดผู้กำกับ

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กองถ่ายนี้แม้แต่จะซื้อตะปูตัวหนึ่งก็ต้องได้รับการอนุมัติจากฉัน!”

คำพูดของเขาแสดงถึงความไม่ยอมรับฟัง

เมื่อการโต้เถียงของทั้งสองคนทวีความรุนแรงขึ้น บรรยากาศของกองถ่ายก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา

จาก จ้าวเจี้ยน, จวีเจวี๋ยเลี่ยง, หูจวิ้น, หลิงจื้ออิ่ง จนถึงคนงานเบื้องหลัง ทุกคนล้วนไม่กล้าพูดอะไรออกมา กลัวว่าจะโดนหางเลขจากพายุที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้

พวกเขาบ้างก็ก้มหน้าทำงาน หรือแกล้งทำเป็นจดจ่อกับบท แต่จริง ๆ แล้วต่างก็เงี่ยหูฟังเสียงจากทางนั้น

ในบรรยากาศที่เงียบงันนี้ คนที่ไม่กลัวความวุ่นวายกลับทำท่าทีไม่สนใจ กำลังเช็ดทำความสะอาดกล้องวิดีโอพกพาและแอบบันทึกฉากนี้ไว้ แล้วรีบเปลี่ยนเทปใหม่

ไม่มีทางเลือก เพราะ เจิ้งจื่อเหยียน สาวน้อยจอมวุ่นวายช่วงนี้ไม่มีบทความดี ๆ สักชิ้นมาส่ง กวนเขาทั้งวันทั้งคืน

มันเป็นการรบกวนจริง ๆ!

บางทีตอนตีสามครึ่งขณะที่เขากำลังซ้อมบทกับ หลิวเทา เธอก็ส่งข้อความมาทำให้หน้าต่างกระพริบ

คิดว่าต่อไปคงต้องพึ่งพาความสามารถของสาวน้อยคนนี้ ตู้เซิง จึงจำต้องแกล้งเป็นคนดีใจบุญและให้ข่าวพิเศษนี้ไป

ยังไงก็ตาม จางโปรดิวเซอร์เป็นคนที่ชอบสร้างกระแส ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีเรื่องให้พูดถึงอยู่ดี เขาแค่ช่วยกระตุ้นนิดหน่อย

บางที อีกฝ่ายอาจจะขอบคุณเขาด้วยซ้ำ

【ข่าวด่วน! สองแกนนำของกองถ่าย "เทียนหลง" ทะเลาะกันหนัก เหตุเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง!】

【เบื้องหลัง! จางโปรดิวเซอร์ต้องการรวบอำนาจ ขัดแย้งกับผู้กำกับหลักจนความสัมพันธ์พังทลาย!】

ตามคาด เย็นวันนั้น "เทียนหลง" ก็ขึ้นสู่กระแสข่าวอีกครั้ง

และแน่นอนว่าเป็นข่าวของ จางต้าเฮ่อ!

ผู้ชมที่ติดตามข่าวลือรู้สึกเหมือนทานมากเกินไปแล้ว

เขาเพิ่งจะกดข่าวเสีย ๆ ลงได้ไม่นาน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทำให้ตัวเองตกเป็นเป้าสนใจอีกครั้ง?

‘เกินไปแล้ว เกินไปแล้ว!’

ตู้เซิง อ่านรายงานข่าวและส่ายหัวพูดพึมพำ

สาวน้อยจอมวุ่นวายนี่คงเคยไปฝึกงานที่แผนกข่าวช็อกโลกมาก่อนแน่ ๆ

ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ทะเลาะกันจนถึงขั้นแตกหัก แค่ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่านั้น

และทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณ ตู้เซิง ที่ทำให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายไปกว่านี้

เขากำลังหาทางเข้าถึงคนรวยอยู่ และพอได้ยินจาก จวีเจวี๋ยเลี่ยง ว่า จงเจิน กำลังมาทำธุรกิจที่ยุนฟู่ เขาก็เลยแกล้งเป็นคนดีที่ไม่หวังผลตอบแทน

ส่งข้อความไปให้

ถ้าไม่มีโอกาสในการสื่อสาร ก็สามารถสร้างโอกาสขึ้นมาเองได้สิ!

(จบบท)