บทที่ 388 สิ่งที่ข้าต้องการคือของกำนัล มิใช่การล่วงเกิน!
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 388 สิ่งที่ข้าต้องการคือของกำนัล มิใช่การล่วงเกิน!
"ท่านหญิงซือเย่ว์ แปดเดือนมานี้ ข้ามีอันจะกินมาก! บัดนี้ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีและแม่ทัพใหญ่ ยังได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เพิ่มอีกด้วย สามารถกล่าวได้อย่างแท้จริงว่าข้ากำลังรุ่งเรือง!” หลินเป่ยฟานเอ่ยโอ้อวด
"ดูเหมือนว่าท่านหลิน ในช่วงหลายเดือนมานี้ท่านมีอันจะกินจริง ๆ " ท่านหญิงซือเย่ว์พูดแดกดัน "ไม่ทราบว่าท่านมีเวลาหรือไม่ ข้าอยากจะเชิญท่านหลินไปที่เรือนเพื่อสังสรรค์และพูดคุยอย่างจริงใจ ข้ายังมีของกำนัลมาฝากท่านด้วย"
"ของกำนัลอะไรหรือ?" หลินเป่ยฟานถามอย่างไม่ใส่ใจ
"เป็นของขวัญที่ท่านปรารถนาที่สุด" ท่านหญิงซือเย่ว์ตอบ
ดวงตาของหลินเป่ยฟานเป็นประกาย "ท่านหญิงซือเย่ว์ รีบไปกันเถอะ!”
ประมาณครึ่งก้านธูปต่อมา หลินเป่ยฟานและท่านหญิงซือเย่ว์กลับไปที่เรือนพักที่ท่านหญิงซือเย่ว์มักจะประทับอยู่ แม้ว่าจะไม่มีคนอาศัยอยู่พักหนึ่ง แต่ก็มีการทำความสะอาดเป็นประจำ ดังนั้นจึงดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
เมื่อเข้าไปในเรือนพัก ก่อนจะเริ่มชงชา หลินเป่ยฟานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "ท่านหญิง โปรดมอบของกำนัลให้ข้าด้วย!”
"ท่านกุนซือ ท่านช่างใจร้อนจริง ๆ " ท่านหญิงซือเย่ว์แซวขณะที่เข้ามาใกล้
เมื่อรู้สึกถึงร่างกายที่บอบบางในอ้อมกอด หลินเป่ยฟานก็รู้สึกสับสน "ท่านหญิง ท่านกำลังล่วงเกินข้า! สิ่งที่ข้าต้องการคือของกำนัล มิใช่การล่วงเกิน!”
ท่านหญิงซือเย่ว์ถอนหายใจเบา ๆ "ข้ามอบตัวเองให้ท่าน นั่นไม่ใช่ของขวัญที่ดีที่สุดหรือ?"
"ของกำนัลนี้มีค่าเกินไป ข้าขอผ่านได้หรือไม่?"
"ไม่ได้ ท่านกุนซือ อย่าขัดขืน ปล่อยให้ข้ากอดท่านสักพัก!”
"โอ้!”
หลังจากเวลาผ่านไปเท่ากับการจิบน้ำชาหนึ่งถ้วย ทั้งสองนั่งประจันหน้ากัน หลินเป่ยฟานรับผ้าเช็ดหน้าที่ท่านหญิงซือเย่ว์ยื่นให้และเช็ดรอยแดงบนใบหน้าและลำคอของเขา ในที่สุดก็ดูเหมือนคนปกติ
จากนั้น การสนทนาของพวกเขาก็กลับมาเป็นปกติทั่วไป
“ท่านกุนซือ เชิญดื่มชา” ท่านหญิงซือเย่ว์มอบชาหอมหมื่นลี้ที่นำมาจากเยว่อันยิ่งใหญ่ให้เขาเป็นพิเศษ ชามีรสหวานมากและมีความขมเล็กน้อยเหมือนกับความรัก ทิ้งรสชาติที่ติดตรึงใจ
หลินเป่ยฟานมองชาสีน้ำเงินเล็กน้อยด้วยความระมัดระวัง “ไม่มีพิษในนี้แน่นะ?”
ท่านหญิงซือเย่ว์หัวเราะคิกคัก ปิดปาก “ท่านกุนซือ วางใจเถิด ข้าไม่ชอบเล่นลูกไม้ ข้าชอบความตรงไปตรงมา”
“เช่นนั้นข้าก็โล่งใจ” หลินเป่ยฟานหยิบชาขึ้นมาจิบช้า ๆ
“ท่านกุนซือ รสชาติเป็นอย่างไรบ้าง?” ท่านหญิงซือเย่ว์ถาม
“รสชาติดีมาก ขอบพระคุณท่านหญิง” หลินเป่ยฟานตอบด้วยความพึงพอใจ “ตอนนี้ ท่านหญิง สถานการณ์ในเยว่อันยิ่งใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินมาว่ามีคนจำนวนมากเสียชีวิตในช่วงภัยพิบัติน้ำแข็งครั้งนี้ และอำนาจของอาณาจักรก็ลดลงอย่างมาก ทำให้เกิดความไม่มั่นคง ราษฎรของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านผ่านพ้นภัยพิบัติน้ำแข็งมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?”
ก่อนหน้านี้ เมื่อหลินเป่ยฟานรู้สึกว่าภัยพิบัติน้ำแข็งกำลังใกล้เข้ามา เขาได้แจ้งให้ท่านหญิงซือเย่ว์ทราบเรื่องนี้ผ่านสายลับของนางในนครหลวงแล้ว ขอให้พวกเขาเตรียมตัว
เพื่อเน้นย้ำความสำคัญของเรื่องนี้ หลินเป่ยฟานถึงกับเรียกร้องเงินเพิ่ม!
ทันทีที่พูดถึงเงิน ท่านหญิงซือเย่ว์ก็ให้ความสนใจอย่างมาก
พวกเขาไม่คิดต่อสู้อีกต่อไป และเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติอย่างเต็มที่
ตอนนี้ภัยพิบัติน้ำแข็งผ่านพ้นไปแล้ว หลินเป่ยฟานจึงต้องการทำความเข้าใจสถานการณ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ด้วยความสำนึกในบุญคุณ ท่านหญิงซือเย่ว์กล่าวว่า "ขอบพระคุณท่านกุนซือที่กรุณาเตือน มิเช่นนั้น พวกเราคงประสบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ครั้งนี้ที่พวกเราสูญเสียน้อย ก็เพราะการเตรียมการที่ทันท่วงทีและทั่วถึง"
นางลุกขึ้นและโค้งคำนับหลินเป่ยฟาน "ข้าขอเป็นตัวแทนของอาณาจักรเซียนเยว่ แสดงความขอบคุณต่อท่านกุนซือ"
หลินเป่ยฟานโบกมือ "ท่านหญิง ในฐานะกุนซือของท่าน นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้เลย"
ท่านหญิงซือเย่ว์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "ท่านกุนซือกล่าวถูกต้องแล้ว จากนี้ไป พวกเราเป็นดั่งครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองเช่นนี้"
หลินเป่ยฟานเหลือบมองกลับไปและรู้สึกว่าคำพูดของท่านหญิงมีความหมายแฝงอยู่บ้าง
"ข้าไม่คิดว่าภัยพิบัติน้ำแข็งครั้งนี้จะรุนแรงถึงเพียงนี้" ท่านหญิงซือเย่ว์ถอนหายใจ "เดิมที อาณาจักรเยว่อันยิ่งใหญ่มีประชากรเกือบสี่สิบล้านคน เป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่ง มีศักยภาพในการคุกคามราชวงศ์! แต่ในภัยพิบัติน้ำแข็งครั้งนี้ เนื่องจากขาดการเตรียมการ มีผู้เสียชีวิตกว่าหมื่นคน และประชากรลดลงเกือบหนึ่งในสี่!”
"หมู่บ้านหลายแห่งถูกทำลายจนสิ้นซาก กลายเป็นนครร้าง แม้แต่ในนครใหญ่ ๆ ก็มีผู้เสียชีวิตจากความหนาวเย็นมากมาย ทุกที่รกร้าง มีผู้คนไว้ทุกข์และผ้าขาวไว้ทุกข์ปกคลุมถนนหนทางประหนึ่งเป็นนรกแดนมนุษย์"
หลินเป่ยฟานพูด "เท่าที่ข้ารู้ จำนวนผู้เสียชีวิตดูเหมือนจะอยู่ที่ประมาณแปดล้านคน..."
ท่านหญิงซือเย่ว์ส่ายหัว "ท่านกุนซือ ข้อมูลของท่านไม่ถูกต้อง ราษฎรและม้าของข้าปฏิบัติการในเยว่อันยิ่งใหญ่อยู่ตลอดปี ดังนั้นข้าจึงมีข้อมูลที่แม่นยำกว่า แท้จริงมันใกล้ถึงสิบล้านคนแล้วต่างหาก"
"นั่นน่ากลัวจริง ๆ " หลินเป่ยฟานส่ายหัวด้วยความตกใจ
"ช่างน่าสะพรึงกลัวนัก ต่อให้มนุษย์จะแข็งแกร่งเพียงใด ก็มิอาจต้านทานภัยพิบัติจากฟ้าเบื้องบนได้ หลังจากนี้ เยว่อันยิ่งใหญ่ย่อมสูญเสียกำลังพล และเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้น นี่คือโอกาสของเรา เซียนเยว่กำลังจะผงาดขึ้น และมุ่งหมายจะครองใต้หล้า" ท่านหญิงซือเย่ว์กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ
"ดูเหมือนว่าแม้แต่สวรรค์ยังอยู่ข้างท่าน ท่านหญิง" หลินเป่ยฟานตอบ
"แล้วต่อไปเราควรทำเช่นไร?" ท่านหญิงซือเย่ว์เอ่ยถามอย่างอ่อนน้อม
หลินเป่ยฟานยิ้มแย้ม "ท่านหญิง เรื่องนี้ท่านมิต้องให้ข้าแนะนำ เพียงทำตามแผนการเดิม ทำอย่างมั่นคงและเด็ดเดี่ยว ท่านจะบรรลุความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของท่านได้อย่างแน่นอน"
ท่านหญิงซือเย่ว์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "ท่านกุนซือพูดถูก"
อันที่จริง นี่เป็นแผนของเขามาตลอด แต่นางแค่ต้องการคำยืนยันจากเขาเพื่อให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเท่านั้นเอง
"อย่างไรก็ตาม เมื่อพึ่งผ่านพ้นภัยพิบัติน้ำแข็ง ราษฎรแห่งอาณาจักรเยว่อันยิ่งใหญ่กำลังรู้สึกสิ้นหวัง นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมในการปลุกระดมราษฎร ท่านควรหาบุคคลบางคนที่โดดเด่น ทำตัวลึกลับ ไปปลุกระดมก่อกบฏ ก่อความวุ่นวายในเยว่อันยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง ดึงดูดความสนใจของพวกเขา และสั่นคลอนรากฐานของพวกเขา ในขณะเดียวกันก็พัฒนาและสะสมความแข็งแกร่งอย่างเงียบ ๆ อยู่เบื้องหลัง"
หลินเป่ยฟานยิ้มและกล่าวว่า "หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น พวกเราหวังว่าจะโค่นล้มเยว่อันยิ่งใหญ่และฟื้นฟูราชวงศ์เซียนเย่ว์ได้ในปีหน้า!”
ดวงตาของท่านหญิงซือเย่ว์เป็นประกายขณะที่นางยกถ้วยชาขึ้นมาแล้วพูดว่า "เช่นนั้นข้าขอคารวะด้วยถ้วยชาแทนสุรา เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านกุนซือและเพื่อเป็นเกียรติแก่เซียนเย่ว์ของเรา!”
"ท่านหญิง เชิญ" หลินเป่ยฟานยกชาขึ้นเช่นกัน พวกเขาดื่มชาเหมือนดื่มเหล้า
จากนั้น บรรดาจอมยุทธ์ก็ร่วมสนทนาถึงเรื่องการกอบกู้ราชวงศ์ด้วยใจฮึกเหิม
บัดนี้หนทางสู่ความสำเร็จอยู่เบื้องหน้าแล้ว! ท่านหญิงซือเย่ว์ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยรู้สึกว่าความฝันอยู่ใกล้เพียงนี้ หากทำตามแผนของท่านกุนซือ ปีหน้าสิ้นปีอาจจะได้เห็นราชวงศ์กลับคืนมา!
มิใช่เรื่องเร็วไปหรือ?
เพราะปีใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว ไม่นานก็เข้าสู่ปีหน้า!
เห็นหรือไม่ว่ามิใช่เรื่องไกลตัวเลย
"แล้วท่านหญิงจะกลับเมื่อใดหืรอ?" หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
"ข้าวุ่นวายมาครึ่งปีแล้ว ตั้งใจว่าจะพักผ่อนที่นี่สักหน่อย ค่อยกลับไปหลังปีใหม่" ท่านหญิงตอบ
"อยู่ที่นี่ช่วงปีใหม่หรือ?" หลินเป่ยฟานขมวดคิ้ว "ปีใหม่มิใช่เวลาอยู่พร้อมหน้ากันหรือ ท่านหญิง ท่าน..."
ท่านหญิงซือเย่ว์ส่งสายตาหวานเยิ้ม "ท่านกุนซือ ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไร ท่านมิใช่คนในครอบครัวข้าแล้วหรือ? หากมิอยู่กับท่านแล้ว ข้าจะไปอยู่กับผู้ใด?"
หลินเป่ยฟานรู้สึกเหมือนถูกต้อนเข้ามุมอีกแล้ว! สตรีผู้นี้ช่างไร้ยางอายนัก! หากในอนาคตนางมิอาจควบคุมตนเองได้ แล้วข้าจะมิเดือดร้อนหรือ? สตรีผู้นี้สามารถกลืนกินผู้คนได้ทั้งตัวเชียว!
เมื่อเห็นว่าเวลาดึกแล้ว หลินเป่ยฟานจึงเชิญท่านหญิงซือเย่ว์ไปรับประทานอาหารเย็นที่จวน
ทันทีที่ไปถึงจวนสกุลหลิน ท่านหญิงน้อยก็มองมาด้วยสายตาไม่เป็นมิตรอย่างเห็นได้ชัด นางเอ่ยว่า "เหตุใดนางจิ้งจอกผู้นี้จึงมาที่นี่?"
ปกติแล้ว ท่านหญิงน้อยไม่เคยหึงหวงหรือโกรธเคืองเมื่อเห็นหลินเป่ยฟานพูดคุยและหัวเราะกับสตรีอื่น แต่เมื่อนางเห็นท่านหญิงซือเย่ว์ มันแตกต่างออกไป ราวกับนางจะมาแย่งชิงบุรุษของนางไป
ต้องบอกว่าสัญชาตญาณของท่านหญิงน้อยนั้นถูกต้องแม่นยำ ใบหน้าของหลินเป่ยฟานเปลี่ยนไป "ท่านหญิง ท่านจะพูดกับแขกเช่นนั้นได้อย่างไร?"
ท่านหญิงน้อยยิ้มอย่างมีชัย "เจ้าพูดถูก นางเป็นแขก และข้าไม่ควรโกรธนาง"
"แขก?" ท่านหญิงซือเย่ว์ก้มหน้าลงและเหลือบมองท่านหญิงน้อยด้วยความดูถูกเหยียดหยาม "พวกเราไม่ใช่แขกกันทั้งหมดหรือ?"
"ข้าไม่ใช่!“ท่านหญิงน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ”ให้ข้าบอกเจ้าเถอะ ข้าย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนสกุลหลินแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ไป ข้าคือผู้เป็นใหญ่ในเรือนหลังนี้!”
"ท่านย้ายเข้ามาแล้วหรือ?" ท่านหญิงซือเย่ว์ประหลาดใจและมองหลินเป่ยฟานอย่างขุ่นเคือง "ท่านหลิน ท่านนี้ช่างเป็นคนน่าสนุกจริง ๆ กระทั่งท่านหญิงน้อยก็ยังตามจีบท่านแล้ว!”
นางโน้มตัวเข้าไปใกล้หูหลินเป่ยฟานแล้วกระซิบเบา ๆ "ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านไม่อยากออกจากนครหลวงและติดตามข้า!”
"ก็ ข้า...!” หลินเป่ยฟานรู้สึกจนปัญญา
"ท่านไม่ชอบหรือ?" ท่านหญิงซือเย่ว์แซว
"ไม่ชอบสิ!“หลินเป่ยฟานพูดด้วยความคับข้องใจเล็กน้อย มองท่านหญิงซือเย่ว์ด้วยความไม่พอใจ”ข้าไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่านหรือเปล่า แต่ตอนนี้ท่านหญิงน้อยก้าวร้าวและเอาแต่ใจมาก นางมักจะลงมือลงไม้กับข้า! ถ้านางสงวนท่าทีหน่อย ตอนนี้นางคงไม่เป็นแบบนี้"
ใบหน้าของท่านหญิงซือเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย และนางก็สั่งให้ผู้ติดตามนำรถเข็นที่เต็มไปด้วยของขวัญเข้ามา "เป็นนานแล้วที่เราไม่ได้พบกันมา ข้าคิดถึงทุกคนมาก! นี่คือของขวัญที่ข้านำมาให้ทุกท่าน ข้าอยากจะอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขในวันปีใหม่ล่วงหน้า!”
ทุกคนรู้สึกประหลาดใจและมารวมตัวกัน
"ท่านนำของขวัญมาด้วย!”
"ของขวัญแบบไหนกัน?"
"เร็วเข้า เปิดดู ข้าอยากเห็น!”
ต้องบอกว่าการเตรียมการของท่านหญิงซือเย่ว์รอบคอบยิ่งนัก ทั้งหมดทำขึ้นเพื่อเรือนสกุลหลินโดยเฉพาะ และทุกคนก็ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
แม้แต่ ท่านหญิงน้อยก็ได้รับของขวัญที่ว่านี้
ท่านหญิงน้อยหันศีรษะและพูดว่า "ข้าไม่รับของขวัญจากนางจิ้งจอกผู้นี้!”
"แต่นี่นำมาให้ท่านโดยเฉพาะ เป็นอาหารพิเศษจากเยว่อันยิ่งใหญ่และอาณาจักรข้างเคียงอีกสองสามอาณาจักร ท่านจะไม่รับจริง ๆ หรือ?" ท่านหญิงซือเย่ว์ถือของขวัญและโบกไปมาต่อหน้าท่านหญิงน้อย
ท่านหญิงน้อยหันกลับมาทันทีแล้วยื่นมือออกไปพูดว่า "ขอบคุณ!”
"ฮ่าฮ่าฮ่า..." ท่านหญิงซือเย่ว์อดหัวเราะไม่ได้
เมื่อเห็นทุกคนได้รับของกำนัล หลินเป่ยฟานก็อดไม่ได้ที่จะดูอิจฉาเล็กน้อย "แล้วของข้าเล่า?"
ท่านหญิงซือเย่ว์กระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของหลินเป่ยฟานอย่างเขินอาย "ข้าอยู่ตรงนี้แล้ว!”
หลินเป่ยฟาน "...."