ตอนที่ 23 โจโฉสงสัย
พออ้วนเสี้ยวเห็นด้วย เรื่องไปทางเหนือก็ผ่านฉลุย
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะซาบซึ้งในความเสียสละของซุนเกี๋ยน ตอนท้ายงานเลี้ยง อ้วนเสี้ยวถึงกับมอบเสบียงอาหาร เหล้า และเนื้อจำนวนมากเพื่อเป็นรางวัลให้กับกองทัพของซุนเกี๋ยน
ถึงแม้ว่าซุนเกี๋ยนจะไม่ได้ขาดแคลนเสบียงอาหาร แต่เขาก็ไม่ "ปฏิเสธ" จึงสั่งให้คนไปรับมา และส่งกลับไปค่าย
เมื่อจบงานเลี้ยง อ้วนเสี้ยวที่เมาได้ที่ก็เดินมาหาซุนเกี๋ยน จับมือเขาและพูดด้วยความจริงใจว่า
"เหวินไท่ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ค่อยได้รู้จักกัน "
"แต่หลังจากสู้รบกับตั๋งโต๊ะ ข้าก็รู้ว่าท่านคือวีรบุรุษ หลังจากศึกครั้งนี้ ชื่อของท่านต้องโด่งดังไปทั่วหล้าแน่! "
“ข้ากับท่านคิดเหมือนกัน น่าเสียดายที่ท่านต้องไป ถ้าไม่ใช่แบบนั้น ข้าต้องนอนคุยกับท่านทั้งคืนแน่!”
พอเห็นอ้วนเสี้ยวพูดขนาดนี้ ซุนเกี๋ยนก็ประทับใจ
"ท่านผู้นำ ไม่ต้องห่วง ยังมีหาทางอีกยาวไกล"
"หลังจากศึกครั้งนี้ พวกเรามาดื่มและคุยกันต่อได้ "
"ดี! " อ้วนเสี้ยวยิ้ม ในเมื่อซุนเกี๋ยนตอบตกลง เป้าหมายของเขาในการเอาชนะใจซุนเกี๋ยนก็สำเร็จ
ตอนที่อ้วนเสี้ยวพูด เหล่าอ๋องคนอื่นๆ ก็รีบมาเอาใจซุนเกี๋ยน
ไป๋หลี่หมิงยืนอยู่ข้างหลังซุนเกี๋ยน มองทุกอย่างที่เกิดขึ้น และอดเยาะเย้ยไม่ได้
งานเลี้ยงครั้งนี้ คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เหล่าอ๋องจะมารวมตัวกันอย่างสงบสุข!
ต่อให้ปราบตั๋งโต๊ะได้ พวกเขาก็ต้องแตกคอกันเพราะผลประโยชน์
คงไม่มีทางที่พวกเขาจะมานั่งดื่มและพูดคุยกันอย่างมีความสุขได้อีก!
อย่างไรก็ตาม ภาพลักษณ์ก็ยังคงต้องรักษาไว้ หลังจากปราบตั๋งโต๊ะได้ ไม่รู้ว่าเหล่าอ๋องพวกนี้จะเหลือสักกี่คน
"ตอนนี้ บอกลาไปก่อนก็ดีเหมือนกัน"ไป๋หลี่หมิงคิดในใจ
ขณะที่เขากำลังคิด เขาก็เห็นเงาดำวูบวาบอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็เห็นร่างเล็กๆ เดินออกมาจากฝูงชน ตรงมาหาเขาและพูดว่า
"ตอนนี้เป็นเวลาแห่งความสุข ทำไมท่านไป๋หลี่ถึงดูเศร้าสร้อยแบบนั้น?”
คนๆ นั้นคือ "โจโฉ"
โจโฉ สูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ใบหน้าธรรมดาๆ ไม่โดดเด่น
มีเพียง "คิ้วหนา" และ "ตาเรียว" ที่ดูโดดเด่น
ตอนนี้ เขากำลังถือจอกเหล้า ยื่นให้ไป๋หลี่หมิง และพูดด้วยรอยยิ้มว่า
"มา ดื่มกับข้า เมิ่งเต๋อหน่อย!”
ไป๋หลี่หมิงไม่ได้แปลกใจที่โจโฉเดินมาหา
คนอื่นๆ ไม่เชื่อคำพูดของซุนเกี๋ยน แต่โจโฉเชื่อ เขาไม่ยึดติดในการใช้คน ซึ่งเป็นข้อดีของโจโฉ
น่าเสียดายที่เขาสวามิภักดิ์ต่อซุนเกี๋ยนแล้ว อนาคตพวกเขาคงได้เป็นศัตรูกัน
หลังดื่ม เขาก็ยิ้ม"ข้าเป็นแค่กุนซือ ท่านแม่ทัพจะมาดื่มให้ข้าได้ไง?ข้าสิต้องดื่มให้ท่าน? "
หลังพูด เขาก็ยกจอกและกระดก
"ท่านนี่ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก มาดื่มด้วยกันเถอะ! " โจโฉดีใจมาก
เขายกจอกขึ้นและดื่มอย่างรวดเร็ว หลังจากดื่มเสร็จ ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหล้า หรือเพราะเขาจริงจัง เขาจับมือไป๋หลี่หมิงและพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ข้าดื่มหมดแล้ว แต่ยังมีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ ขอท่านโปรดชี้แนะด้วย!”
"ท่านแม่ทัพ เชิญพูด ข้ารู้ทุกอย่าง! "ไป๋หลี่หมิงรีบพูด
"ข้าแค่อยากรู้ว่าเรื่องที่เหวินไท่จะไปทางเหนือเป็นความคิดของเขา หรือว่าเป็นความคิดของท่าน?"โจโฉยิ้ม
"โอ้? "ไป๋หลี่หมิงยิ้ม
"มันต่างกันหรือ? ถ้าเป็นความคิดของนายข้า ท่านจะทำอย่างไร? แล้วถ้าเป็นความคิดของข้า ท่านจะทำอย่างไร? "
รอยยิ้มบนใบหน้าของโจโฉหายวับไป เขามองไป๋หลี่หมิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดอย่างจริงจังว่า
"มันต่างกัน!ต่างกันมาก! "
"ถ้าเป็นความคิดของเหวินไท่ แสดงว่าที่พูดวันนี้ก็คงเป็นเรื่องจริง! "
"แต่ถ้าเป็นความคิดของท่าน ข้าก็ต้องคิดแล้วว่าทำไมท่านถึงให้เหวินไท่ไปทางเหนือ!"
พูดจบ เขาก็มองไป๋หลี่หมิงพยายามเดาใจ
แต่ไม่ว่าเขาจะมองยังไง สีหน้าของไป๋หลี่หมิงก็ยังคงเรียบเฉย
"ข้าก็ได้ยินมาว่าแม่ทัพโจขี้สงสัย ได้พบเห็นวันนี้ คงจะจริงดั่งว่ากัน!”
"ถ้าพวกเรามีโอกาสได้พบกันอีกในอนาคต ท่านก็จะรู้เอง!”
เขาไม่ได้ตอบคำถามโจโฉ แต่เดินผ่านโจโฉกลับไปอยู่ข้างหลังซุนเกี๋ยน
ตอนนั้นเอง อ้วนเสี้ยวก็เห็นว่างานเลี้ยงใกล้จะเลิกแล้ว จึงถามซุนเกี๋ยนว่า"ตอนนี้ งานเลี้ยงใกล้จะเลิกแล้ว เหวินไท่ต้องไปทางเหนือคนเดียว ไม่ทราบว่า ขาดเหลืออะไรหรือไม่? ถ้ามีอะไรที่ต้องการ ก็บอกพวกเรามาเถอะ พวกเราจะช่วยเต็มที่! "
เขาตั้งใจที่จะตีสนิทกับซุนเกี๋ยน ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงใจกว้างเป็นพิเศษ
"ใช่แล้ว สหายเหวินไท่" เหล่าอ๋องคนอื่นๆ ก็พูดตาม
ซุนเกี๋ยนคิดว่าตอนนี้เขามีกองทัพที่แข็งแกร่งและเสบียงอาหารเพียงพอแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องการอีก จึงรีบตอบว่า
"ข้าไม่มีอะไรขาดเหลือ "
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ไป๋หลี่หมิงก็พูดขัดขึ้นมา
“นายท่าน ลืมไปแล้วหรือ กองทัพของเราเพิ่งยึดม้ามาได้ แต่ไม่มีแม่ทัพ?ไหนท่านบอกว่าอยากยืมแท่ทัพบางคนมานำทัพม้า!”
“นี่..”ซุนเกี๋ยนตกตะลึง
เรื่องนี้ เคยคุยกันด้วยหรือ? แต่พอไป๋หลี่หมิงเตือน เขาก็นึกออกว่าไม่ควร"มอบทหารม้าให้กับแม่ทัพที่เพิ่งยอมสวามิภักดิ์อย่างจ้าวเซิน จึงรีบพูดว่า"โอ้ ดูสมองข้าสิ ข้าเกือบลืมไปเลย!”
จากนั้น เขาก็มองอ้วนเสี้ยวและยิ้มขมขื่น"ท่านผู้นำ คิดอย่างไร? "
อ้วนเสี้ยวได้ยินก็หัวเราะลั่น"ข้าก็นึกว่าเรื่องอะไร ถ้าแค่ยืมแม่ทัพ มันเรื่องเล็กน้อย! ในกองทัพพันธมิตรมีแม่ทัพตั้งเยอะแยะ เหวินไท่ ท่านอยากได้คนไหน บอกข้ามาได้เลย!”
เหล่าอ๋องคนอื่นๆ ต่างก็มองซุนเกี๋ยน
พวกเขาเต็มใจที่จะให้ยืมแม่ทัพ
อย่างน้อย ตอนนี้ซุนเกี๋ยนก็เห็นคุณค่าพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ
ซุนเกี๋ยนมองไปที่ไป๋หลี่หมิง สงสัยว่ากุนซือของเขาเล็งแม่ทัพคนไหนไว้?
"ท่านไป๋หลี่ อยากได้แม่ทัพคนไหน? " ซุนเกี๋ยนถาม
“มันก็ไม่ใช่ใครอื่น ข้าได้ยินมานานว่ามีเหล่าอาชาขาวภายใต้แม่ทัพกงซุน”
"วันนี้บังเอิญเจอคนหนึ่ง เขามีท่วงท่าของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ๋ หลังถาม ข้าก็ได้รู้ชื่อดูเหมือนจะเป็นจ้าวอวิ๋นหรือเตียวจูล่ง ข้าสงสัยว่าท่านแม่ทัพมีคนเช่นนี้ในบัญชาหรือไม่?”
"จ้าวอวิ๋น?"ทุกคนตกตะลึง
ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ากงซุนจ้านมีแม่ทัพคนนี้!
ดูแล้วน่าจะไม่ใช่แม่ทัพชื่อดัง
แม้กระทั่งกงซุนจ้านก็ยังแปลกใจ
"สหายเหวินไท่ อยากยืมตัวจูล่งงั้นหรือ? "กงซุนจ้านถาม (ชื่อรองจ้าวอวิ๋น)
“สหายโป๋กุยลำบากใจหรือไม่?”
อ้วนเสี่ยวมองดูจากด้านข้างและคิดว่ากงซุนจ้านไม่เต็มใจให้ยืม เขาเลยหัวเราะ
"โป๋กุย ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าจ้าวอวิ๋นคือใคร แต่ตอนนี้ ข้ากับเหวินไท่ก็เป็นพันธมิตรกัน แค่ให้ยืมตัวไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย? "
"ท่านผู้นำ เข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้ยืม แต่ว่าเตียวจูล่งเป็นแค่ผู้นำทหารร้อยนาย และไม่เคยนำทัพใหญ่!”
“ข้าเกรงว่าเขาจะมีความสามารถไม่พอและจะรั้งสหายเหวินไท่”
เขารู้จักจ้าวอวิ๋น รู้ว่าอีกฝ่ายริเริ่มมายอมจำนนเอง และผลงานก็ไม่ได้ดีเลิศ เขาจึงไม่สนมาก
แต่คำพูดของเขา ลับทำให้ทุกคนตกใจ
ขอยืมตัวนายกองไปคุมกองทัพ?
ซุนเกี๋ยนนี่แปลกจริงๆ!
ทุกคน มองซุนเกี๋ยน
พอเห็นแบบนี้ ซุนเกี๋ยนก็ยิ้มแห้ง
คำแนะนำของท่านกุนซือมักจะแปลกประหลาดและไม่สมเหตุสมผล ทำให้ผู้คนงุนงง
แต่ตอนนี้เขามีทัศนคติเดียวต่อคำพูดของไป๋หลี่หมิงนั่นคือ ถ้าไม่เข้าใจ ก็แค่ฟัง!
เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดอย่างจริงจังว่า"โบ๋กุย ไม่ต้องกังวล แค่ให้ยืมตัวเตียวจูล่งมาก็พอแล้ว!”
"ตกลง!" พอเห็นว่าซุนเกี๋ยนไม่ขัดข้อง กงซุนจ้านก็ตัดสินใจทันที
“พอข้ากลับไป ข้าจะเรียกตัวจูล่งมาให้!”
แบบนี้ งานเลี้ยงของเหล่าอ๋องก็สิ้นสุดลง
และจูล่งก็ถูกส่งไปยังค่ายของซุนเกี๋ยนหลังงานเลี้ยงเลิก