ตอนที่ 22 ซุนเกี๋ยนคือคนดี
เงียบ
ทั่วทั้งห้องโถงเงียบกริบ
ดวงตาของทุกคนจับจ้องไปที่ไป๋หลี่หมิง
พวกเขาได้ยินถูกแล้วใช่ไหม?
ซุนเกี๋ยนสามารถเข้าสู่ด่านโสหุยได้เพราะกลยุทธ์ของชายหนุ่มคนนี้?
เป็นไปได้ยังไง!
พวกเขาอายุมากกว่าตั้งเยอะ ทำไมถึงสู้เด็กคนนี้ไม่ได้?
ไม่ใช่แค่เหล่าแม่ทัพ แม้แต่อ้วนเสี้ยวก็นิ่งไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หัวเราะ "ฮ่า ฮ่า ฮ่า....ไม่นึกเลยว่า สหายเหวินไท่จะมีอารมณ์ขันขนาดนี้!”
"ข้าไม่ยอมให้ท่านล้อเล่นแบบนี้นะ!”
พอได้ยินคำของอ้วนเสี้ยว ทุกคนก็ตอบสนองและหัวเราะ
"สหายเหวินไท่ ท่านนี่มัน...."
"ล้อเล่นใหญ่เกินไปแล้ว!"
"สหายเหวินไท่ ต้องล้อเล่นแน่ๆ"
เหล่าอ๋องต่างหัวเราะ มีแต่โจโฉเท่านั้นที่มองไป๋หลี่หมิงด้วยสายตา "พิจารณา" เห็นว่าเขายังคง "สงบนิ่ง" ก็ยิ่งรู้สึก "ทึ่ง" และตาเป็นประกาย
ไป๋หลี่หมิงรู้สึกขนลุกกับสายตานั้น....
และก็ยังมีสายตาที่พิจารณาเขาจากอีกทาง
เขามองไปยังทิศทางของความรู้สึกนั้น และเห็นทหารสามนาย ที่ดู "พิเศษ" นั่งอยู่ที่ด้านหลังของแม่ทัพร่างกำยำ
คนแรกรูปร่างไม่สูง ใบหน้าใจดี พอสบตากับเขา ก็พยักหน้าและยิ้ม
สองคนที่อยู่ข้างหลัง คนหนึ่งสูง คนหนึ่งเตี้ย คนหนึ่งแดง คนหนึ่งดำ สูงกว่าแปดฟุต
"พวกเขาคือเล่า ปี่ กวนอู เตียวหุย หรือเปล่า?" ไป๋หลี่หมิง คิดในใจ
"ทุกท่าน ข้าไม่ได้ล้อเล่น การที่พวกเราบุกเข้าด่านได้ ล้วนเป็นเพราะแผนของท่านกุนซือทั้งนั้น!”
"ใช่ๆๆ เหวินไท่ อยากจะพูดอะไรก็พูดเถอะ! " อ้วนเสี้ยวได้ยินเช่นนั้นก็ยังคงไม่เชื่อ
เขาไม่เชื่อว่ากลยุทธ์นี้จะมาจากชายหนุ่มเช่นนี้
ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วกุนซือที่อยู่ข้างกายเขา "มีไว้ทำไม?"
ซุนเกี๋ยนต้องพูด "ถ่อมตัว" แน่ๆ!
แต่เขาไม่"อยาก" พูดถึงเรื่องนี้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง "เหวินไท่ พวกเรามาไกล เหนื่อยกันหมดแล้ว เริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ! "
"ตกลง!"ซุนเกี๋ยนอยากจะใช้โอกาสนี้ "ชมเชย" ไป๋หลี่หมิง แต่ไม่คิดว่าอ้วนเสี้ยวจะพูดขัด เขาจึงต้องรีบสั่งให้เริ่มงานเลี้ยง
"นายท่าน ไม่ต้องอธิบายแล้ว ข้าเป็นแค่คนธรรมดาแถมยังเด็ก เหล่าอ๋องไม่เชื่อ ก็เป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา "
"ท่านใช้โอกาสนี้ เสนอให้อ้วนเสี้ยวแบ่งทหารให้พวกเรามุ่งหน้าไปทางเหนือ ยิ่งเร็วยิ่งดี! " ไป๋หลี่หมิงกระซิบ
ซุนเกี๋ยนได้สติ ที่เหล่าอ๋องไม่เชื่อ ส่วนใหญ่ก็เพราะว่าไป๋หลี่หมิงไม่มี "ภูมิหลัง"
ไป๋หลี่หมิง "ไม่มีภูมิหลัง" แถมยังเด็ก เหล่าอ๋องที่ "ตัดสินคนจากชาติตระกูล" จะมองเห็น "ความสามารถที่แท้จริง" ของท่านกุนซือได้อย่างไร!
ซุนเกี๋ยนโกรธและดีใจ
ที่โกรธก็เพราะว่าท่านกุนซือ "เก่งกาจ" ขนาดนี้ แต่กลับถูกคนพวกนี้ "ดูถูก"
ส่วนที่ดีใจก็เพราะว่า ถ้าไม่เป็นแบบนี้ ไป๋หลี่หมิงคงไม่เลือกมาอยู่กับเขา!
เพราะในบรรดาเหล่าอ๋อง มีแต่เขาเท่านั้นที่ไม่"สนใจภูมิหลัง"!
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งซาบซึ้ง
ปัจจุบัน กุนซือของเขาโดนดูถูก แต่ก็ยังเตือนเขาให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งเป็นความคิดที่น่าชื่นชมมาก!
ซุนเกี๋ยนพยักหน้า ฟังและลอบตัดสินใจ
"ในอนาคต ข้าต้องทำให้ท่านกุนซือมีชื่อเสียงและจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ให้ได้! " ซุนเกี๋ยนคิดในใจ
หลังจากที่ทั้งสองคุยกันเสร็จ และดื่มไปสามจอก อ้วนสุดก็ขอตัวกลับก่อนโดยอ้างว่ามีธุระ พอเห็นแบบนี้แล้ว อ้วนเสี้ยวก็ยิ้ม จากนั้นก็วางจอกเหล้าลง มองไปรอบๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตอนนี้เหวินไท่ยึดด่านโสหุยได้แล้ว ลั่วหยางก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว!”
“กองทัพของเรากำลังจะได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่!”
“ในโอกาสอันดีนี้ ข้าอยากจะถามทุกท่านว่า ต่อไปนี้ กองทัพเราควรทำอย่างไรดี?”
พอพูดจบ เหล่าอ๋องต่างก็หัวเราะ
"ถึงจุดนี้ ยังต้องพูดอะไรอีก? พวกเราก็แค่เตรียมทหารรออีกไม่กี่วัน ก็บุกได้เลย ข้าไม่คิดว่าตั๋งโต๊ะจะสู้เราได้!”
“ท่านผู้นำ กองทัพของเรามีมากกว่าสองแสนนาย ทำไมต้องกลัวตั๋งโต๊ะด้วย!”
“ในความคิดข้า พวกเราควรแบ่งทหารเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบุกด่านหู่เหลา อีกกลุ่มหนึ่งจัดการกับกองทัพตั๋งโต๊ะ ”
......
เทียบกับตอนแรกที่ทุกคนเงียบ ตอนนี้กลับคึกคักมาก
ตอนนี้ พวกเขามีกำลังพลมากกว่า และไม่กลัวตั๋งโต๊ะอีกต่อไป
อ้วนเสี้ยวก็ภาคภูมิใจเช่นกัน เขาพยักหน้าซ้ำๆ
หลังจากที่ทุกคนพูดจบ เขาก็มองโจโฉ“วันนี้เมิ่งเต๋อดูเงียบๆ นะ ”
โจโฉขมวดคิ้วตอนได้ยิน ยืนขึ้นและก้มหัว"ท่านผู้นำ ข้าว่าพวกเรายังดีใจไม่ได้ ถึงแม้ว่าตั๋งโต๊ะจะเสียด่านโสหุย แต่กำลังหลักของมันก็ยังอยู่ ถ้าหากพวกเราประมาท ข้าเกรงว่าอาจจะพ่ายแพ้ก็ได้! "
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายคนหนึ่งก็ลุกและพูดด้วยรอยยิ้ม
“อา!คำพูดของเมิ่งเต๋อได้เพิ่มความทะเยอทะยานของผู้อื่นและทำลายบารมีตัวเองเสียจริง!”
"กองทัพของพวกเรากำลังฮึกเหิม ท่านกลับพูดแบบนี้ ทำไมต้องกลัวด้วย? รีบระดมกำลังหลักมาสู้เลยสิ! "
"ข้าว่าไม่เกินสิบวัน พวกเราก็สามารถฆ่าตั๋งโต๊ะได้แล้ว! "
ทุกคนแปลกใจ หันไปมองสทางเสียง ก็เห็นว่าคนที่พูดคือขงหยง!
ขงหยงเป็นบัณฑิตผู้กล้าหาญ ไม่แปลกที่เขาจะพูดแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของขงหยงก็ตรงกับใจพวกเขา
ตอนนี้ เสบียงอาหารของกองกำลังพันธมิตรเหลือน้อย ถ้าชนะได้เร็วก็จะเป็นเรื่องดี
ดังนั้น ทุกคนจึงเริ่มเห็นด้วย
โจโฉเห็นว่าทุกคนเห็นด้วย เขาก็มองซุนเกี๋ยน เห็นว่าซุนเกี๋ยนก็ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ยิ้ม
"อย่าว่าข้าเลย ข้าเห็นว่าสหายเหวินไท่ก็ไม่ได้พูดอะไร หรือว่า ท่านมีความคิดอื่น?”
คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนหันไปสนใจซุนเกี๋ยน
"เหวินไท่ วันนี้ท่านเป็นเจ้าบ้าน พูดอะไรหน่อยสิ” อ้วนเสี้ยว ยิ้ม
"ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร? เชิญพูดได้เลย!"
"เรียนท่านผู้นำ" ซุนเกี๋ยนวางจอกเหล้าลงแล้วลุกขึ้นยืน
"ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอก ตอนนี้กองทัพของทุกท่านมาถึงแล้ว ข้าก็จะขอตัวไปทางเหนือ บุกเหอตง”
"ข้ากำลังจะมาบอกลาท่านผู้นำ! "
"อะไรนะ? เหวินไท่จะไป?" อ้วนเสี้ยวตกใจ
ทุกคนมองซุนเกี๋ยนด้วยความประหลาดใจ
ศึกตัดสินใกล้เข้ามาแล้ว ซุนเกี๋ยนกลับจะถอยทัพ?
เกิดอะไรขึ้น?
ซุนเกี๋ยนเห็นปฏิกิริยาของทุกคน แต่ไป๋หลี่หมิงคาดการณ์ไว้แล้ว
เขาไม่ได้ตื่นตระหนก แต่เพียงอธิบายด้วยรอยยิ้มตามคำพูดของไป๋หลี่หมิง
“อย่าคิดมาก ข้าต้องการไปทางเหนือ เพื่อผลประโยชน์โดยรวม!”
"ตอนนี้กองทัพของพวกเราบุกเข้าด่านโสหุยได้แล้ว ลั่วหยางก็อยู่ตรงหน้าแล้ว มีพวกท่านอยู่ ตั๋งโต๊ะไม่มีทางชนะ”
“หลบหอกที่พุ่งตรงๆ ได้ แต่หลบลูกศรที่พุ่งมาจากที่มืดไม่ได้”
“ข้าคิดว่าตั๋งโต๊ะแพ้ศึกครั้งนี้ มันไม่มีทางพลิกสถานการณ์ได้ ดังนั้น มันอาจจะโจมตีจุดอ่อนของพวกเรา! ”
“ตอนนี้ กองกำลังหลักของพวกเรามุ่งลงใต้ เหนือจึงว่างเปล่า ถ้าหากตั๋งโต๊ะส่งทหารไปโจมตีด้านหลังของพวกเรา และตัดเสบียงอาหาร ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ”
"หลังจากที่ข้าคิดอยู่นาน ก็รู้สึกว่ากองทัพของข้าเพิ่งจะยึดด่านโสหุยได้ ทหารเหนื่อยล้า สู้ฉวยโอกาสนี้ มุ่งหน้าไปทางเหนือ แสร้งทำเป็นว่าจะโจมตีเหอตงจะดีกว่า!”
“แบบนี้ ทหารของข้าจะได้พักผ่อน แถมยังเป็นการป้องกันให้กับกองทัพของพวกท่านด้วย!”
“ดังนั้น ข้าจึงเตรียมพร้อมแล้ว พอทุกท่านมาถึง ข้าก็จะร่ำลาท่านผู้นำ แล้วมุ่งหน้าไปทางเหนือ ”
“ท่านผู้นำถามมาพอดี ข้าก็เลยฉวยโอกาสบอกตรงๆ ”
ตรงจุดนี้ ซุนเกี๋ยนก็คำนับอ้วนเสี้ยว
“ข้าอยากขอไปเหนือ โปรดตกลงด้วย!”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง!เหวินไท่มองการณ์ไกลจริงๆ!”
อ้วนเสี้ยวและเหล่าอ๋องพยักหน้า
ตอนนี้ พวกเขาบุกเข้าด่านโสหุยได้แล้ว แนวป้องกันของตั๋งโต๊ะก็เหมือนพังทลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง!
ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาต้องระวัง พวกเขามีคนป้องกันที่ด่านหู่เหลา แต่ทางเหอตงกลับไม่มีใครเลย!
ตอนนี้ กองกำลังหลักของพวกเขากำลังมุ่งหน้าลงใต้ ถ้าหากไม่ส่งทหารไปทางเหนือ ตั๋งโต๊ะอาจจะฉวยโอกาสนี้ ขโมยบ้านพวกเขาก็ได้
เหล่าอ๋องต่างก็หวาดกลัว
โดยเฉพาะอ้วนเสี้ยวและคนอื่น บ้านเกิดของพวกเขาอยู่ติดกับปิงโจว อันตรายมาก!
พวกเขามองซุนเกี๋ยนด้วยความขอบคุณ
คนดี ตอนนี้ใกล้ถึงศึกตัดสินแล้ว ซุนเกี๋ยนยังคงคำนึงถึงผลประโยชน์โดยรวมและอาสาไปทางเหนือเพื่อป้องกันให้กับพวกเขา
ซุนเกี๋ยนช่างเสียสละ! เป็นคนดีจริงๆ!
การบุกเข้าลั่วหยางก่อน ถือเป็นความชอบอันยิ่งใหญ่
ซุนเกี๋ยนยอมไปทางเหนือ ก็หมายความว่าสละโอกาสในการเข้าลั่วหยางก่อน
แบบนี้ มันชัดเจนแล้วว่าสละผลประโยชน์ส่วนตัวและ"คำนึงถึงส่วนรวม"!
สหายแบบนี้หาได้ยาก!
อ้วนเสี้ยวซาบซึ้งมาก เขาโบกมือโดยไม่ลังเล
"ในเมื่อเหวินไท่ตั้งใจขนาดนี้ ข้าจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร!”
"เหวินไท่ ไปทางเหนือเถอะ!"
"พวกเราจะอยู่ที่ด่านโสหุยเอง! "
พูดจบ เขาก็ยกจอกเหล้าขึ้น "มา พวกเรามาดื่มให้กับความตั้งใจของเหวินไท่กันเถอะ! "
พอเห็นแบบนี้ เหล่าอ๋องต่างก็ลุกขึ้นยืนและยกจอกขึ้นมา
ซุนเกี๋ยนยิ้ม แบบนี้ เรื่องนี้ก็เรียบร้อย !