ตอนที่ 21 พบกับเหล่าผู้กล้าครั้งแรก
“ทำตามที่ท่านกุนซือว่า รอฝ่ายพันธมิตรมาถึง พวกเราก็จะอ้างเหตุผลอื่นแล้วมุ่งหน้าไปทางเหนือ! ”
ซุนเกี๋ยน ตัดสินใจ
ตอนที่เขาตัดสินใจ เขาก็รู้สึกสงบมาก ไม่รู้สึกผิดเลย
เพราะความล้มเหลวของอ้วนสุดในการส่งมอบเสบียงอาหาร เกือบทำให้เขาพ่ายแพ้ เขาจึงไม่เชื่อใจกองกำลังพันธมิตรอีกต่อไป
กองกำลังพันธมิตรนี้ นอกจากจะมีกำลังพลมากมาย ก็ไม่มีอะไรดี!
แทนที่จะอยู่ที่นี่ สู้ฉวยโอกาสนี้มุ่งหน้าไปทางเหนือและโจมตีตั๋งโต๊จะดีกว่า
ต่อให้ไม่มีกองกำลังพันธมิตร ต่อให้เขามีกองทัพแค่กองเดียว เขาก็จะเอาชนะตั๋งโต๊ะให้ได้!
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว ซุนเกี๋ยนก็รู้สึกโล่งใจ
เขามีความสุขมาก
จากนั้น เขาก็เริ่มปรึกษากับแม่ทัพคนอื่นๆ ว่าจะไปทางเหนือยังไง และจะปกปิดจุดประสงค์ของพวกเขายังไง
หลังจากปรึกษาหารือกันครึ่งชั่วโมง การประชุมก็สิ้นสุดลงเมื่อทหารมารายงานว่ากองกำลังพันธมิตรมาถึงแล้ว
เหล่าแม่ทัพต่างก็แยกย้ายกันไปเตรียมการ มีเพียงไป๋หลี่หมิงเท่านั้นที่ตามซุนเกี๋ยนไปต้อนรับเหล่าอ๋องที่ด่านโสหุย
......
ณ หน้าด่านโสหุย
อ้วนเสี้ยวยืนอยู่กับเหล่าอ๋อง
ทุกคนมองธง "ซุน" ที่โบกสะบัดอยู่บนกำแพง ก็รู้สึกสับสน
ก่อนหน้านี้ ทุกคนต่างก็สงสัยในตัวซุนเกี๋ยน
แต่ตอนนี้ ซุนเกี๋ยนกลับสามารถยึดด่านโสหุยได้ด้วยกำลังของตัวเอง!
พวกเขารู้สึก "อิจฉา" เล็กน้อย
ความสำเร็จใหญ่โตในการยึดด่านโสหุยถูกซุนเกี๋ยนเอาไปคนเดียว
เทียบกันแล้ว พวกเขารวมกำลังกันยังสู้ซูหยงไม่ได้ ไม่มีความสำเร็จใดๆเลย มันชัดเจนแล้วว่าใครเก่งกว่ากัน!
ความรู้สึกซับซ้อนนี้ เรียกได้ว่า "อิจฉาริษยา"
แน่นอนว่า คนที่ "เกลียด" ซุนเกี๋ยนนั้นมีคนเดียว นั่นก็คืออ้วนสุด
"เอี๊ยด..."
ประตูเมืองเปิดออก ซุนเกี๋ยน เดินออกมาพร้อมกับทหารหลายร้อยนาย และชายหนุ่มรูปงามอีกคนหนึ่ง
"ท่านผู้นำ พวกเรารอท่านอยู่นานแล้ว! " ซุนเกี๋ยนยิ้ม
พอพูด เขาก็ออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าอบอุ่น
เห็นเช่นนี้แล้ว อ้วนเสี้ยวก็ยิ้ม
"สหายเหวินไท่ สมกับที่ได้ชื่อว่าพยัคฆ์แห่งกังตั๋ง ตอนที่พวกเรากำลังจะยกทัพมาช่วย ท่านก็ยึดด่านได้แล้ว "
"ข้าชื่นชมท่านยิ่งนัก "
"สหายเหวินไท่ ศึกครั้งนี้ ท่านรบเก่งมาก ในโลกนี้จะหาคนเก่งแบบท่านได้ยากแล้ว!"
หลังได้ยิน เหล่าอ๋องก้าวมาแสดงความยินดีตาม
"แค่กองทัพเดียว ก็ยึดด่านที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ แม่ทัพชื่อดังในอดีตก็ทำแบบนี้ไม่ได้! "
"ท่านซุนเกี๋ยนเก่งกาจยิ่งนัก พวกเรา "อิจฉา" ท่านจริงๆ "
บางคนก็แสดงความยินดีอย่างจริงใจ บางคนก็ "เสแสร้ง"
แต่ไม่ว่ายังไง ก็เป็นคำพูดที่ดี
ซุนเกี๋ยนยิ้มจนหน้าบาน
“ท่านผู้นำกับทุกคนก็ชมข้าเกินไป!”
"ตอนนี้อากาศหนาว อย่าพูดกันตรงนี้เลย ข้าเตรียมงานเลี้ยงไว้ข้างในแล้ว "
"เชิญท่านผู้นำกับทุกท่าน เข้าไปในด่านเถอะ! "
"พวกเราค่อยคุยกันในงานเลี้ยง! "
"ตกลง " อ้วนเสี้ยวพยักหน้า ซุนเกี๋ยนได้รับชัยชนะ แต่ก็ยังคงอ่อนน้อมถ่อมตน เขาพอใจมาก
น้องชายคนนี้ไม่"เหลิง" เพราะความสำเร็จ
จากนั้น เขาก็สั่งให้ทหารไปจัดการเรื่องที่พัก แล้วพาเหล่าอ๋องไปที่ห้องโถงใหญ่
หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในห้องโถง ซุนเกี๋ยนก็จัดให้อ้วนเสี้ยวนั่งที่นั่งหลัก ส่วนตัวเองก็นั่งอยู่ที่นั่งหลัง
พอเห็นแบบนี้ โจโฉก็หัวเราะ
"สหายเหวินไท่ ทำไมต้องเกรงใจด้วย? ด่านนี้ท่านเป็นคนยึด ท่านสมควรได้รับเกียรติ จะเป็นคนสุดท้ายอีกได้ไง?" โจโฉพูดขึ้น
"ใช่แล้ว! " อ้วนเสี้ยวยืนขึ้น
"เหวินไท่สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ให้พันธมิตร จะไปนั่งตำแหน่งสุดท้ายอีกได้ไง?มันทำให้เรารู้สึกละอายใจ!”
"ข้าว่า เหวินไท่ควรนั่งที่นั่งหลั "พูดจบ เขาก็เดินไปหาซุนเกี๋ยน
"ไม่ ไม่ได้นะ ท่านผู้นำพันธมิตรเป็นที่เคารพโดยพวกเราทั้งหมด สมควรนั่งที่นั่งหลัก เกี๋ยนไม่กล้าล้ำเส้น " ซุนเกี๋ยนรีบปฏิเสธ แต่อ้วนเสี้ยวไม่ยอม
เขาจับแขนซุนเกี๋ยน "เหวินไท่ ไม่ต้องเกรงใจ ต่อให้ท่านไม่อยากนั่งที่นั่งหลัก ก็นั่งข้างๆข้าก็ได้! "จากนั้น เขาก็ดึงซุนเกี๋ยนขึ้นมา
"มานี่ มานั่งข้างๆ ข้า! "
พอเห็นแบบนี้ เหล่าอ๋องก็หัวเราะ"สหายเหวินไท่ ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว ความสำเร็จขนาดนี้ ท่านก็ "ยอม" พวกเราเถอะ! "
จากนั้น ทุกคนก็ลุกขึ้นยืน ย้ายที่นั่งทีละคน
ซุนเกี๋ยนถูกอ้วนเสี้ยวดึง เขารู้สึก "อึ้ง" เล็กน้อย
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เหล่าอ๋องที่อยู่ตรงหน้าต่างก็ "มีตำแหน่งเท่าเทียมกับเขา" และยังมีเจ้าเมืองอื่นๆอีกมาก
เขาเป็นแค่ "เจ้าเมือง" ที่อยู่ห่างไกล ต่อให้นั่งอยู่ที่นั่งสุดท้าย ก็คงไม่มีใครสนใจ
แต่ตอนนี้ ทุกคนกลับกระตือรือร้นมาก มันคนละเรื่อง!ทั้งสองเดินไปที่นั่งหลัก และเรื่องน่าลำบากใจก็เกิด
เวลานี้ โจโฉอยู่ทางซ้ายของอ้วนเสี้ยว และอ้วนสุดอยู่ทางขวา
เดิมซุนเกี๋ยนจะถูกจัดให้นั่งที่นั่งรอง หรือคือทางขวา แต่อ้วนสุดไม่ยอมขยับให้ เลยต้องนั่งถัดอ้วนสุดอีกที
เห็นแบบนี้ โจโฉที่อยู่ทางซ้ายเลยลุกและพูดด้วยรอยยิ้ม
"มา สหายเหวินไท่ มานั่งที่ข้า! "
ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว "เมิ่งเต๋อ ท่านเป็นถึงผู้ริเริ่มในการจัดตั้งกองทัพพันธมิตร "(ชื่อรองโจโฉ)
"ข้าจะไปแย่งที่นั่งของท่านได้อย่างไร? "
จากนั้น เขาก็มองไปที่อ้วนสุด ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังพูดว่า "ข้านั่งตรงนี้ก็ได้! "
"สหายเหวินไท่ ท่านพูดอะไรแบบนั้น? "
"ตอนก่อตั้งกองทัพ พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะให้ "ความดีความชอบ" เป็นตัวตัดสิน ตอนนี้สหายเหวินไท่ สร้างคุณงามความดีอันยิ่งใหญ่ สมควรได้รับที่นั่งรอง สำหรับข้า ยังไม่ได้สร้างผลงานอะไร มันไม่สำคัญถ้าจะเปลี่ยนที่”
"สหายเหวินไท่ ไม่ต้องปฏิเสธแล้ว เชิญนั่งเถอะ"พูดจบ เขาก็ไม่รอให้ซุนเกี๋ยนปฏิเสธ ดึงซุนเกี๋ยนไปนั่งข้างๆ อ้วนเสี้ยว
“นี่…”
ซุนเกี๋ยนไม่เข้าใจความหมาย จึงมองไปที่ไป๋หลี่หมิง
ไป๋หลี่หมิงเห็นแบบนั้นก็ยิ้ม "ในเมื่อเหล่าแม่ทัพใจดีกันขนาดนี้ นายท่าน เชิญนั่งลงเถอะ!”
ซุนเกี๋ยนอาจไม่รู้ แต่เขารู้ความหมายลึกๆของทั้งสอง
ดังคำกล่าวที่ว่า "รู้จักโลกคือความรู้ รู้จักธรรมชาติของมนุษย์คือการเขียน"
วัฒนธรรมจีนกว้างใหญ่และลึกซึ้ง การ "หลีกทาง" ไม่ใช่แค่การ "หลีกทาง" ธรรมดาๆ
แต่หมายถึงสองอย่าง หนึ่งคืออ้วนเสี้ยวกับโจโฉกำลัง "ตีสนิท" กับซุนเกี๋ยน หวังดึงซุนเกี๋ยนเข้าพวก
สองคือการ "เสียดสี" อ้วนสุด โดยใช้"ความดีความชอบ"บอกเป็นนัยๆ ว่าอ้วนสุด "ไม่คู่ควร" ที่จะนั่งทางขวา
"ในเมื่อท่านผู้นำกับท่านโจโฉ "หวังดี" เช่นนี้ ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ! " พูดจบ ซุนเกี๋ยนก็นั่งลง
โจโฉมองไป๋หลี่หมิงตั้งแต่หัวจรดเท้า
"สหายเหวินไท่ น้องชายคนนี้ หน้าตาไม่คุ้นเลย หรือว่า จะเป็น "ญาติ" ของท่าน? "
"สหายเมิ่งคิดผิดแล้ว"ซุนเกี๋ยนยิ้ม
"เขาคือกุนซือของข้า ไม่ใช่ญาติ "
ไป๋หลี่หมิงได้ยินซุนเกี๋ยนบอกตัวตนเขา เขาก็คำนับ
"ข้าไป๋หลี่หมิง ชื่อรองหรัวจง ตอนนี้ดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษาทางทหารและเป็นกุนซือภายใต้นายท่าน คารวะเหล่าแม่ทัพ!" ไป๋หลี่หมิง แนะนำตัว
"....." ทุกคนอึ้ง
พวกเขาคิดว่า ไป๋หลี่หมิง เป็นลูกชายหรือหลานชายของซุนเกี๋ยน
ไม่คิดเลยว่า ชายหนุ่มที่อายุประมาณ "ยี่สิบ" คนนี้ จะเป็นกุนซือของซุนเกี๋ยน?
ล้อเล่นหรือเปล่า?
มีแต่โจโฉเท่านั้นที่หรี่ตาลง "หรือว่าแผนการยึดด่านครั้งนี้ เป็นความคิดของท่านไป๋หลี่?"
"ใช่แล้ว! " ซุนเกี๋ยนยิ้ม
"บอกตามตรง ที่ข้าสามารถยึดด่านโสหุยได้ก็ต้องขอบคุณแผนของท่านกุนซือ! "
"...." ทุกคน "อ้าปากค้าง"
บรรยากาศในห้องโถง เงียบสงัด