ตอนที่แล้วตอนที่ 18 เหล่าองค์ชายตกใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 ย้ายเมืองหลวง

ตอนที่ 19 กลยุทธ์ของคนผู้นี้เหนือกว่าข้า


**ลิยูเป็นหมอ และก็เป็นกุนซือของตั๋งโต๊ะและเป็นบุตรเขยของตั๋งโต๊ะด้วย**

ลั่วหยาง  ตำหนักอัครมหาเสนาบดี

หลังจากที่หมอลิยูออกจากท้องพระโรงแล้ว ก็รีบไปที่ตำหนักอัครมหาเสนาบดีทันที

เขาผ่านทหารองครักษ์และตรงไปที่ห้องโถงหลัก ที่นั่นเขาเห็นคนหลายคนอยู่ในห้องโถงแล้ว

ตั๋งโต๊ะนั่งอยู่ที่นั่งหลัก  ร่างกายที่อ้วนท้วนนอนอยู่

ข้างๆเขามีหลี่เจี๋ย  กัวซือ  และลิโป้  แม่ทัพทั้งสามที่คอยคุ้มกันเขา ส่วนหลี่ซูที่ดูท่าทางอิดโรยกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นและตัวสั่น

พอเห็นแบบนั้น  หมอลิยูก็คำนับตั๋งโต๊ะก่อน  จากนั้นก็มองหลี่ซูและขมวดคิ้ว

"หลี่ซู  ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?  "

หลี่ซูตัวสั่นกำลังจะตอบ  ก็ได้ยินเสียงของตั๋งโต๊ะดังขึ้นเสียก่อน

"เหวินโหยว  "  ตั๋งโต๊ะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

"ไม่ต้องถามแล้ว  ด่านโสหุยแตกแล้ว!  "

"ทหารห้าหมื่นกว่านาย  ถูกฆ่าตายเกือบหมด  "

"หลี่ซูพาทหารรอดกลับมาได้แค่ไม่กี่พันนาย   "

"ตอนนี้  ข้ามีเรื่องจะถามสองเรื่อง  "  ตั๋งโต๊ะ

"หนึ่ง  ในเมื่อด่านโสหุยแตกแล้ว พวกเราควรทำอย่างไร?   "

"สอง" ตั๋งโต๊ะมองหลี่ซูด้วยแววตาเย็นชา

"หลี่ซู มันสมควรตายหรือไม่?  "

พอได้ยินแบบนั้น  หลี่ซูก็ตกใจจนคุกเข่าลง  "ท่านอัครมหาเสนาบดี โปรดละเว้นข้าด้วย โปรดละเว้นด้วย!”

"ไว้ชีวิตข้าด้วย  "

"ข้าผิดไปแล้ว!   "

"ตอนนั้นข้าแพ้  ข้าไม่มีทางเลือก!   "

เขามองลิโป้และอ้อนวอน“เฟิงเซียน เฟิงเซียน โปรดบอกท่านมหาเสนาบดีว่าข้าภักดีต่อท่านและไม่มีความคิดอื่นเป็นสอง!”

"ความพ่ายแพ้ครั้งนี้  เป็นเพราะว่าซุนเกี๋ยนมันเจ้าเล่ห์  ข้าสู้ไม่ได้จริงๆ  "

ลิโป้ทำสีหน้าลำบากใจ  แต่ก็ยังหันหน้าหนี

หลี่ซูเห็นแบบนั้นก็หันไปมองหลี่เจี๋ยและกัวซือ   สุดท้ายก็ได้แต่มองลิยู

"ใต้เท้า ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากตาย "

ลิยูขมวดคิ้ว  มิน่าล่ะ  ตั๋งโต๊ะถึงเรียกตัวเขามาด่วนขนาดนี้

ไม่คิดเลยว่า  ด่านโสหุยจะแตกแล้ว!

ลั่วหยางถูกล้อมรอบทุกด้าน และมีด่านหลายแห่ง

แต่ด่านหู่เหลาและด่านโสหุย ถือว่าสำคัญที่สุด

ถ้าหากด่านทั้งสองแห่งนี้แตก  การเข้าลั่วหยางก็ง่ายเหมือน  "เดินเล่นในสวน"

สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่า  "สิ้นหวัง"  !

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เดินผ่านหลี่ซูไปหาตั๋งโต๊ะ

“ท่านอัครมหาเสนาบดี เรื่องของแม่ทัพหลี่ซูไว้คุยกันทีหลังจะดีกว่า”

"ตอนนี้  สิ่งสำคัญที่สุดคือการส่งทหารไปยึดด่านโสหุยคืน "

"ต่อให้ยึดคืนไม่ได้  ก็ต้องหยุดไม่ให้พวกมันรุกคืบ!  "

"เรื่องนั้น ข้าก็รู้อยู่"ตั๋งโต๊ะพยักหน้า

"ข้ากำลังจะให้หลี่เจี๋ย  กัวซือและลิโป้นำทหารแสนนายไปต้านข้าศึกที่ด่านโสหุย  "

"ไม่ได้ขอรับ!"ลิยูรีบส่ายหัว"ตอนนี้ ข้าศึกยึดด่านได้แห่งหนึ่งแล้ว  กำลังหลักของพวกมันต้องอยู่ที่นั่น ท่านต้องคุมกองทัพไปเอง”

"ถ้าหากท่านไม่ไป กองทัพของเราก็ยากที่จะต่อกรกับพวกมัน"

ตั๋งโต๊ะขมวดคิ้วและเงียบไป

"ท่านคิดมากไปแล้ว" ลิโป้หัวเราะ "ถึงแม้ว่าฝ่ายพันธมิตรจะมีจำนวนมากมาย แต่ต่อหน้าข้า พวกมันก็เป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ ทำไมต้องให้ท่านมหาเสนาบดีลงมือเองด้วย?   "

พูดจบ  เขาก็หันไปคำนับตั๋งโต๊ะ"ท่านพ่อ ไม่ต้องไปหรอก ให้ข้านำทหารม้าห้าหมื่นนายไปจัดการก็พอแล้ว  "

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า...."

"ลูกชายข้า  ช่างกล้าหาญยิ่งนัก  "  ตั๋งโต๊ะลูบหนวด

"แต่ข้าศึกมีจำนวนมาก ข้าเกรงว่าลูกชายข้าจะรับมือได้ยาก ดังนั้น ให้ทำตามแผนของเหวินโหยว!”

"หลี่เจี๋ย  กัวซือ   รีบไปเตรียมทหาร  เรียกจางจี้และฝานโฉว  รวบรวมทหารแสนห้าหมื่นนาย  แล้วไปพบข้าที่ด่านโสหุย!  "

"ขอรับ!  "   หลี่เจี๋ยกับกัวซือรับคำแล้วเดินออกไป

"ท่านมหาเสนาบดีช่างปรีชา!   "  ลิยูรีบคารวะตั๋งโต๊ะ

เพราะกลัวว่าลิโป้จะเคืองเขา เขารจึงรีบพูด"ท่านมหาเสนาบดี  ก่อนที่กองทัพจะออกเดินทาง พวกเรายังมีเรื่องต้องทำอีกเรื่องหนึ่ง”

"เรื่องอะไร?"   ตั๋งโต๊ะมองลิยู

"ตอนนี้ ข้าศึกบุกมาถึงด่านโสหุย  "

"อ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำพันธมิตร   ส่วนลุงของมัน อ้วนเว่ยตอนนี้คือมหาราชครู ถ้าหากพวกมันร่วมมือกัน พวกเราก็แย่แน่  สู้กำจัดพวกมันก่อนดีกว่า!"

“ทำไมไม่ให้เฟิงเซียนนำทัพไปล้อมตระกูลของอ้วนเว่ย โดยไม่สนอายุหรือสถานะ ฆ่าให้หมด!”

"แบบนี้ หลังกองทัพเราไปด่านโสหุย พวกเราก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหลังบ้าน  แถมยังสามารถใช้หัวของอีกฝ่ายมาทำให้อ้วนเสี้ยวโกรธจนขาดสติก็ได้!”

"กองทัพม้าของเราแข็งแกร่ง  ถ้าหากสู้กันตรงๆ ข้าศึกไม่มีทางสู้ได้แน่  "

"ดี! แผนนี้ใช้ได้!  "  ตั๋งโต๊ะหัวเราะ  "อ้วนเว่ย มันรังแกข้ามานาน   "

"เฟิงเซียน ลูกพ่อ  เจ้าเต็มใจไปหรือไม่?   "

"ท่านพ่อ  ไม่ต้องห่วง  ข้าไปเดี๋ยวนี้  "   สิ่งที่ลิโป้กลัวที่สุดก็คือ  "ไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถ"

ตอนนี้  ลิยูสร้างโอกาสให้เขา  เขาก็ดีใจจนรีบออกไปทันที

หลังจากที่แม่ทัพทั้งหมดจากไป  รอยยิ้มบนใบหน้าของตั๋งโต๊ะก็ค่อยๆ เย็นชาลง  และจ้องมองหลี่ซูที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเย็นชา

"เหวินโหยว ตอนนี้เหลือแค่เราสองคนแล้ว เจ้าว่าเราควรจัดการกับมันอย่างไรดี?   "

หลี่ซูคุกเข่าอยู่บนพื้นตัวสั่น ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่มองลิยูด้วยแววตาอ้อนวอน

"ท่านมหาเสนาบดี จะฆ่าหลี่ซู  มันก็ง่าย  "

"แต่ตอนนี้ พวกเรายังต้องใช้ประโยชน์จากมันอยู่  "

"สู้ให้โอกาสมันไถ่โทษดีกว่า!   "

หลี่ซูดีใจมาก ส่วนตั๋งโต๊ะก็ทำหน้างง  "เหวินโหยว  เจ้าหมายความว่าอย่างไร?   "

"เรียนท่านมหาเสนาบดี มีเรื่องหนึ่งที่ข้ายังไม่เข้าใจ หลี่ซูบอกว่าที่มันแพ้เป็นเพราะว่าซุนเกี๋ยนมันเจ้าเล่ห์ แต่เท่าที่ข้าทราบ  กองทัพของซุนเกี๋ยนมีทหารไม่ถึงสามหมื่นนาย"

"ส่วนกองทัพของเรามีทหารตั้งห้าหมื่นกว่านายที่ด่านโสหุย แถมยังเฝ้าด่าน แล้วแบบนี้  ซุนเกี๋ยนจะชนะได้อย่างไร?   "

จากนั้น  เขาก็มองหลี่ซู" แม่ทัพหลี่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ข้าฟังหน่อยซิ  "

ตั๋งโต๊ะพยักหน้า  แล้วมองหลี่ซูด้วยสายตาไม่แยแส รอคำตอบของเขา

หลี่ซูดีใจมากที่ได้โอกาส เขามองลิยูอย่างขอบคุณ จากนั้นก็บอกรายละเอียดว่าเขากับฮัวหยงสู้ยังไง

รวมถึงว่าเขาวางแผนยังไง ส่งกองทัพไปยังไงและปกป้องด่านยังไง

เขายังบอกด้วยว่า  วิธีการส่งทหารของศัตรู  มันผิดปกติมาก  รวมถึงแผนมากมาย

มันไม่นานเลย ทั้งหมดเกิดขึ้นในคืนเดียว แต่การคำนวณและเรื่องราวทั้งหมดทำให้หลี่ซูต้องเล่าตั้งครึ่งชั่วโมง

ยิ่งฟัง  สีหน้าของลิยูกับตั๋งโต๊ะก็ยิ่งเปลี่ยน

จนกระทั่งจบ ตอนหลี่ซูพูดว่าเขานำกองทัพที่เหลือกลับมายังไง แต่ก็ยังโดนจ้าวเซินตลบหลัง เขาก็ทรุดลงกับพื้นและร้องไห้

“นายท่าน ศึกครั้งนี้ข้าแพ้  ข้ายอมรับผิด แต่ข้าจงรักภักดีต่อท่าน ”

"ถ้าหากข้าศึกไม่เจ้าเล่ห์เกินไป ข้าก็คงไม่แพ้  "

"จ้าวเซิน  มันสมควรตาย!  "

หลังได้ยินที่หลี่ซูพูด ตั๋งโต๊ะโกรธมาก  ทุบโต๊ะเสียงดัง

"ข้ามันโง่เอง  น่าจะฆ่ามันซะตั้งนานแล้ว  "

ตั๋งโต๊ะโกรธ  แต่ลิยูกลับรู้สึกเย็นยะเยือก

เขาคิดอย่างถี่ถ้วนและตระหนักว่าหลี่ซูไม่ผิด!

ถ้าหากเขาเป็นหลี่ซู ก็คงจะ  "หนีไม่พ้น" เช่นกัน!

เพราะว่าทุกการกระทำของศัตรู ล้วนคำนวณมาอย่างดี

พอเขาตกหลุมพราง  คนต่อไปในกองทัพก็จะติดกับ  สุดท้ายทั้งระบบก็จะล่มสลาย

หลังคิดได้ ลิยูก็ขมวดคิ้ว

“ท่านมหาเสนาบดี มียอดคนในกองทัพศัตรู!”

"เรื่องนี้  ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ  ต้องรีบจัดการ  "

พอเห็นว่าลิยูจริงจัง ตั๋งโต๊ะก็ขมวดคิ้ว  "ยอดคน? เหวินโหยว  ยอดคนที่เจ้าพูดถึงเก่งกว่าเจ้าหรือไม่?   "

"เหนือกว่าข้าขอรับ!”ลิยูพูดโดยไม่ลังเล

พูดถึงตรงนี้ คนคนหนึ่งก็ผุดในหัวเขา

ถ้าเขาไม่รู้ว่าคนคนนี้อยู่ในกองทัพพวกเขา เขาคงเกือบสงสัยว่าคนคนนี้อยู่ในฝั่งศัตรู!

ตั๋งโต๊ะตกใจมา  ในความคิดของเขา  ลิยูเก่งกาจสามารถวางแผนและตัดสินใจได้  นับเป็นกุนซือชั้นยอด!

แต่ตอนนี้  กลับมีกุนซือในฝั่งศัตรูที่น่ากลัวกว่าบุตรเขยของเขา?

"ถ้าอย่างนั้น  พวกเราควรทำอย่างไรดี?" ตั๋งโต๊ะอดเป็นกังวลไม่ได้"ซุนเกี๋ยนมันก็เก่งกล้าอยู่แล้ว ตอนนี้  ยังมียอดคนมาช่วยอีก   ไม่เท่ากับว่าติดปีกให้เสือหรือยังไง?"

ลิยูหรี่ตาลง“พวกเรามีวิธีจัดการสองวิธี หนึ่ง ส่งคนไปเกลี้ยกล่อมให้ซุนเกี๋ยนยอมสวามิภักดิ์ไม่ว่าต้องจ่ายด้วยอะไร!”

"ถ้าหากซุนเกี๋ยนยอม พวกเราก็ยังมีโอกาสชนะ   "

"ซุนเกี๋ยน มันหยิ่งยโส  อารมณ์ร้อน ข้าเกรงว่าแผนนี้จะไม่ได้ผล"   ตั๋งโต๊ะขมวดคิ้ว

"ถ้าหากซุนเกี๋ยนไม่ยอม  พวกเราควรทำอย่างไร?   "

"เฮ้อ!"  ลิยูถอนหายใจ  "ถ้าหากซุนเกี๋ยนไม่ยอม พวกเราก็เหลือทางเลือกเดียว  "

"ทางเลือกอะไร? " ตั๋งโต๊ะรีบถาม

ลิยูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง  แล้วพูดคำสองคำออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม....

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด