ตอนที่ 38: ยันต์มังกรเหลือง
ตอนที่ 38: ยันต์มังกรเหลือง
เจียงเหยียนใช้ความมั่งคั่งทั้งหมดเพื่อซื้ออาวุธวิเศษป้องกันขั้นสูงสุดที่มีชื่อว่า ‘กระดิ่งลายมังกรทองดำ’ ก่อนจะออกจากตำหนักหลอมอุปกรณ์ ทำเอาหวังฝูน้ำลายไหล
นี่คืออาวุธวิเศษป้องกันขั้นสูงสุดที่มีมูลค่าเท่ากับหินวิญญาณมากกว่าหนึ่งพันก้อน
แม้แต้มความดีในตอนนี้กับหินวิญญาณของหวังฝูสามารถซื้ออาวุธวิเศษขั้นสูงสุดได้สองชิ้น แต่สิ่งนี้หวังฝูได้รับจากการวาดยันต์ในตำหนักยันต์ล้ำเลิศมาแปดถึงเก้าปี
ในช่วงแปดถึงเก้าปีที่ผ่านมา เขาวาดยันต์มานับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงระดับสูงสุดโดยมีวิชาเกือบร้อยชนิด แม้แต่ศิษย์สายในผู้อยู่ที่ตำหนักยันต์ล้ำเลิศมานานสิบถึงยี่สิบปียังไม่สามารถวาดยันต์ได้มากเท่ากับหวังฝูในตอนนี้ ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “คนบ้าสร้างยันต์”
ถึงอย่างนั้น ความมั่งคั่งของหวังฝูทำได้เพียงซื้ออาวุธวิเศษขั้นสูงสุดได้เพียงหนึ่งชิ้นเท่านั้น ซึ่งชิ้นที่สองนับว่ายากลำบาก เขาอาจจะเค้นเรี่ยวแรงเพื่อซื้อมาได้ก็จริง แต่อย่างมากก็ได้เพียงอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดธรรมดาหนึ่งชิ้นเท่านั้น ไม่มีทางที่เขาจะสามารถซื้อสมบัติหายากได้
แน่นอนว่าของภายนอกมันเป็นเรื่องของหินวิญญาณกับแต้มความดี ส่วนยันต์ที่อยู่กับตัวนั้นไม่นับ
ส่วนเจียงเหยียนซึ่งเป็นคนบ้าภารกิจ นับตั้งแต่เข้าสำนักชั้นในมา เขาก็ใช้เวลาอยู่ในสำนักน้อยมาก เวลาโดยส่วนใหญ่หมดไปกับการทำภารกิจด้านนอก
หวังฝูรู้สึกว่าเขากับเจียงเหยียนคือสองคนที่มีความสุดโต่งพอกัน
“ช่างเรื่องอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดไปก่อน ซื้ออาวุธวิเศษขั้นสูงสองชิ้นก่อนแล้วกัน ชิ้นหนึ่งโจมตีส่วนอีกชิ้นป้องกัน หากวาดยันต์มังกรเหลืองสำเร็จเมื่อไหร่ เราก็จะสามารถต้านทานการโจมตีของขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบได้” หวังฝูมีความคิดเป็นของตัวเอง นอกจากนี้ภารกิจของเขายังไม่อันตรายขนาดนั้น เขาไม่เหมือนกับเจียงเหยียนผู้ชอบเอาผ้าคาดหัวอยู่ทุกวัน
ยันต์มังกรเหลืองคือยันต์วิญญาณระดับสูงขั้นหนึ่งซึ่งเป็นยันต์ป้องกันทรงพลังมากในบรรดายันต์ระดับสูงขั้นหนึ่งที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ยันต์สวรรค์ เมื่อเปิดใช้งาน มังกรเหลืองก็จะห้อมล้อมร่างกาย ไม่เพียงแต่สามารถต้านทานการโจมตีได้เท่านั้น แต่ยังสวนกลับตอนถูกโจมตีอีกด้วย
เหตุผลที่หวังฝูเลือกวาดยันต์วิญญาณนี้ก็เพราะมันถูกบันทึกไว้ในตำหนักยันต์ล้ำเลิศ หาไม่แล้วหวังฝูคงไม่วาดมันให้เสียเวลา หากถูกพบว่าเขาวาดยันต์ที่ไม่มีบันทึกไว้ในตำหนักยันต์ล้ำเลิศขึ้นมา มันจะก่อให้เกิดความสงสัยจนนำพาปัญหาจำนวนมากเข้ามา
หวังฝูถอนหายใจให้กับสถานที่ที่อาวุธวิเศษขั้นสูงสุดถูกขายก่อนจะหันไปที่เคาน์เตอร์ขายอาวุธวิเศษขั้นสูง
ที่นี่มีอาจารย์อาขอบเขตสร้างรากฐานผมเทาในชุดคลุมของผู้ดูแลสำนักชั้นในอยู่ ทันทีที่หวังฝูมาถึงที่นี่ เขาจึงลืมตาที่ง่วงงุนขึ้นมา
“คารวะอาจารย์อา ข้าต้องการอาวุธวิเศษขั้นสูงสำหรับโจมตีหนึ่งชิ้นกับอาวุธวิเศษขั้นสูงสำหรับป้องกันหนึ่งชิ้น” หวังฝูคำนับด้วยความเคารพสำหรับผู้ที่มีอายุมากพอในขอบเขตสร้างรากฐาน แสดงว่าการฝึกฝนของพวกเขาหยุดนิ่งมานานหลายสิบปีจนไม่มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาขึ้นอีก พวกเขาจึงถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งเหล่านี้เพื่อให้ยังส่องแสงสว่างต่อไปให้กับสำนักพร้อมกับแสวงหาผลประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลัง
“นี่คือรายการ เจ้าตรวจดูแล้วเลือกเองได้เลย” หลังจากชายชราในขอบเขตสร้างรากฐานเอ่ยคำจบ เขาจึงยื่นฝ่ามือที่ดูเหมือนกิ่งไม้แห้งออกไปแล้วสะบัดเล็กน้อย จากนั้นม่านแสงพลังวิญญาณจึงปรากฏเพื่อแสดงคำแนะนำและรูปลักษณ์โดยสังเขปของอาวุธวิเศษขั้นสูงจำนวนมาก
หวังฝูคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นตรวจสอบด้วยจิตเทวะ ใช้เวลาเพียงหนี่งถึงสองอึดใจก่อนข้อมูลทั้งหมดบนแสงสว่างจะถูกจดจำไว้ในใจ
หลังจากครุ่นคิดสักพัก หวังฝูจึงทำการเลือก
“ขอโทษที่รบกวนการทำสมาธิของอาจารย์อา ข้าต้องการอาวุธโจมตีขั้นสูง ‘กรวยมังกรปฐพี’ กับอาวุธป้องกันขั้นสูง ‘โล่เกราะดำ’”
“ได้” อาจารย์อาขอบเขตสร้างรากฐานหรี่ตาพลางโบกมืออันแห้งเหี่ยว แล้วลำแสงลึกลับสองสายจึงพุ่งออกมาก่อนจะกลายเป็นกรวยสีเหลืองที่แกะสลักเป็นรูปมังกรกับโล่รูปทรงกระดองเต่าสีดำ
วิชาธาตุดินที่หวังฝูจงใจเลือกมากับวิชาธาตุดินที่เขาฝึกฝนสามารถเพิ่มได้ร้อยละสิบถึงยี่สิบ แม้อาวุธวิเศษของธาตุอื่นจะสามารถใช้ได้เช่นกัน แต่พลังของมันย่อมไม่เพิ่มขึ้น
“ความดีทั้งสิ้นหนึ่งร้อยยี่สิบหกแต้ม เทียบเท่าหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันสองร้อยหกสิบก้อน” อาจารย์อาขอบเขตสร้างรากฐานเสริม
อัตราของแต้มความดีกับหินวิญญาณอยู่ที่สิบเท่า หวังฝูจะไม่ใช้หินวิญญาณเพื่อจ่ายโดยไม่ยั้งคิด มันค่อนข้างได้ไม่คุ้มเสีย สถานที่นี้ไม่เหมือนกับตอนเข้าสำนักชั้นนอกครั้งแรก ในตอนนั้นหวังฝูคิดว่าซ่งจิ่งถังเป็นพวกแสวงหาผลประโยชน์ แต่ความจริงแล้วอีกฝ่ายมอบความสะดวกสบายมากมายให้เพื่อเฝิงต้าฟู่
“จ่ายด้วยแต้มความดี” หวังฝูโยนแผ่นป้ายชื่อขณะเปิดใช้จิตเทวะ แล้วแต้มความดีภายในแผ่นป้ายชื่อจึงลดลงจนในที่สุดเหลือเพียงยี่สิบสามแต้ม
หวังฝูเก็บอาวุธวิเศษสองชิ้นขณะคำนับแล้วออกจากตำหนักหลอมอุปกรณ์ เขาเกรงว่าหากอยู่นานไปกว่านี้คงจะไม่สามารถห้ามใจให้ซื้ออาวุธวิเศษขั้นสูงสุดได้
นั่นคืออาวุธวิเศษขั้นสูงสุดซึ่งมีมูลค่ามากกว่าหินวิญญาณหนึ่งพันก้อนต่อชิ้น ซึ่งต่อให้ผู้ฝึกตนจำนวนมากใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถหามาครอบครองได้สักชิ้น
ลานกว้างสำนักชั้นในของหวังฝูตั้งอยู่ใจกลางของยอดเขาขนนกโบยบิน มันเหมือนกับสำนักชั้นนอกตรงที่อยู่ห่างไกลแต่ใกล้กับภูเขาและแหล่งน้ำ ซึ่งนับว่าไม่เลว
หลังกลับมาถึงลานกว้าง หวังฝูจึงเปิดค่ายกลทันที
เขานั่งขัดสมาธิบนเบาะในลานกว้างขณะหยิบอาวุธวิเศษขั้นสูงสองชิ้นออกมาเพื่อเริ่มทำการขัดเกลาพวกมัน
ด้วยการซึมซับพลังวิญญาณกับการหลั่งไหลของจิตเทวะ ไม่ช้าหวังฝูจึงขัดเกลาอาวุธวิเศษไร้เจ้าของสองชิ้นสำเร็จ เขาลองใช้กรวยมังกรปฐพีกับโล่เกราะดำในมือจนรู้สึกพึงพอใจมาก อาวุธวิเศษขั้นสูงทั้งสองนี้เป็นธาตุดินซึ่งเหมาะกับวิชาของเขาเป็นอย่างยิ่ง ทำให้สามารถดึงพลังออกมาได้มากถึงร้อยละหนึ่งร้อยสิบสอง
กรวยมังกรปฐพีสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงมากได้ อีกทั้งยังแข็งแกร่งพอที่จะทะลวงพื้นผิวได้ นอกจากนี้ยังควบคุมให้มันหมุนเพื่อเพิ่มพลังเป็นเท่าตัว ทำให้เกิดผลในการทะลวงอาวุธวิเศษป้องกัน
ส่วนโล่เกราะดำไม่มีการทำงานพิเศษแต่อย่างใด สามารถอธิบายได้ด้วยคำเดียว หนา
“อาวุธวิเศษขั้นสูงสุดยังนับว่าทรงพลังอยู่ดี แม้กระทั่งอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดธรรมดายังมีความสามารถพิเศษ หากหายากขึ้นมา ความสามารถพิเศษก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้น” หวังฝูถอนหายใจ เขายังจำได้ตอนเฉาเยี่ยนถูกตัดศีรษะโดยศิษย์พี่หญิงหนิงซวงเมื่อแปดถึงเก้าปีก่อน ในบรรดาอาวุธวิเศษที่นางใช้ ใบมีดกลมแม่ลูกคือของหายากในบรรดาอาวุธวิเศษขั้นสูงสุด ซึ่งใบมีดกลมแม่ลูกเทียบเท่ากับอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดสองชิ้นหากแยกชิ้นส่วนออกมา แถมผลของมันยังทรงพลังอีกด้วย
“สงสัยเหลือเกินว่าอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดระดับตำนานจะทางพลังขนาดไหน เกรงว่าพวกมันคงไม่ด้อยไปกว่าอาวุธวิญญาณ”
หวังฝูเพียงเคยได้ยินอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดระดับตำนานแต่ไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน แต่มีข่าวลือว่าอาวุธวิเศษขั้นสูงสุดระดับตำนานหาได้ยากและมีเพียงไม่กี่ชิ้นในสำนักขนนกร่วงโรย พวกมันทั้งหมดตกอยู่ในมือของศิษย์ทรงพลังหรือไม่ก็ซ่อนอยู่ในคลังสมบัติของผู้อาวุโสบางส่วนเพื่อเตรียมไว้ให้คนรุ่นหลัง
หวังฝูคิดว่าคงไม่มีวาสนา เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสขอบเขตปราณทอง
“ลุงหลี่เคยบอกว่าจะแนะนำข้าให้กับผู้อาวุโส แต่จนตอนนี้ก็ไม่มีข่าวคราว ดูเหมือนว่าจะเป็นเพียงการล่อซื้อเราเท่านั้นสินะ”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หวังฝูจึงเม้มริมฝีปากด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
หลังจากขัดเกลาอาวุธวิเศษสองชิ้นแล้ว หวังฝูจึงเริ่มวาดยันต์มังกรเหลือง
ข้างโต๊ะในลานกว้าง หวังฝูเตรียมพู่กันยันต์ ชาดและกระดาษยันต์ขณะปรับสภาพตัวเองให้สมบูรณ์แบบ จากนั้นหยิบพู่กันยันต์ขึ้นมาแล้วแตะไปที่ชาด เขาจับจ้องกระดาษยันต์อย่างตั้งใจ แล้วจิตเทวะจึงขยับตามจังหวะของฟ้าดิน
พู่กันยันต์อันนี้ไม่นับว่าเป็นพู่กันลายดำอีกต่อไป แต่เป็นพู่กันยันต์ที่เทียบเท่ากับอาวุธวิเศษขั้นสูงนามพู่กันขนคราม ซึ่งหลี่อี้มอบมันให้กับหวังฝูผู้เป็นตัวแทนของตำหนักยันต์ล้ำเลิศตอนหวังฝูวาดยันต์ระดับสูงขึ้นหนึ่งในตำหนักยันต์ล้ำเลิศเป็นครั้งแรก
หลังจากเวลาผ่านมานานเท่าใดไม่ทราบ ประกายแสงวิญญาณจึงส่องสว่างที่ปลายพู่กันขนคราม สายตาของหวังฝูลึกล้ำขณะพลังวิญญาณถูกถ่ายทอดเข้าไปในพู่กันก่อนจะตกกระทบบนกระดาษยันต์ แล้วลวดลายแปลกประหลาดจึงก่อตัวขึ้นบนกระดาษยันต์ เพียงสะบัดพู่กันครั้งเดียว ทุกสิ่งก็บังเกิดขึ้น
แสงสีทองวูบไหวขณะยันต์เสร็จสมบูรณ์ แล้วมังกรเหลืองตัวเล็กจึงร่ายรำไปมาบนกระดาษยันต์ก่อนจะหายเข้าไปที่ยันต์ในที่สุด
“เฮ้อ เสร็จแล้ว”