ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (9)
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
<เรื่องราวของอารอน ตอนที่ 34>
4. ผู้ปรารถนาอำนาจเพื่อความแข็งแกร่งของตนเอง (9)
**********
สายลมพัดเบาๆ
แม้ในความเป็นจริงแล้วมิอาจมีปรากฏการณ์เช่นนี้ในมิติที่หยุดนิ่ง
แต่อารอนสัมผัสได้ถึงมัน
ณ ที่แห่งนั้น ไม่ไกลนัก มีชายผู้หนึ่งยืนอยู่
ชื่อของเขาคือ รีเจียน นักรบผู้เก่งกาจที่สุดแห่งเนลม์ไฮมฟ์
เขาไม่ได้สวมชุดดำตามปกติ แต่กลับสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว
เขาหลับตาอยู่ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เหมือนกำลังจมอยู่ในห้วงภวังค์
เขาเหน็บดาบยาวไว้ที่เอว และมีวัตถุยาวๆที่ห่อด้วยผ้าผูกไว้ที่หลัง
ที่นี่ไม่ใช่ลานฝึกซ้อมด้านหลังกระท่อม อารอนต้องเดินออกไปไกลเพื่อตามหาสถานที่แห่งนี้
ในทุ่งกว้างแห่งนั้น ชายผู้นั้นกำลังรอเขาอยู่
“มาเร็วกว่าที่คิดนะ”
ชายผู้นั้นลืมตาขึ้น ราวกับรับรู้ได้ถึงการมาถึงของอารอน
“ขออภัยที่ทำให้คุณต้องรอนานนะครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันได้มีโอกาสทบทวนความทรงจำเก่า ๆ บ้าง ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปีแล้ว นี่คือที่ที่ฉันเคยประลองกับอาจารย์ของนาย”
“อาจารย์ของผมหรือครับ...”
“เขาไม่เคยเล่าให้ฟังเหรอ?”
“ไม่เคยครับ”
“งั้นเหรอ”
รีเจียนยิ้มอย่างขมขื่นพลางแกะผ้าที่ผูกสิ่งของไว้ด้านหลังออก ปรากฏให้เห็นหอกเล่มหนึ่งที่เปล่งประกายเงางาม แค่ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่เเค่หอกธรรมดา
“รับไป มันจะสามารถทนทานพลังของนายได้”
หอกหมุนคว้างกลางอากาศแล้วพุ่งตรงมา อารอนรับมันไว้ได้อย่างหวุดหวิด น้ำหนักของมันนั้นก็เยอะอยู่พอสมควร
“รู้ไหมว่าที่นี่เคยเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้ครับ”
“มีชายสองคนประลองกัน คนหนึ่งยืนอย่างสง่าผ่าเผย แต่อีกคนหนึ่งคุกเข่าลง”
รีเจียนพูดพลางหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง ชายที่ยืนอยู่ยืนกรานว่าผลออกมาเสมอ แต่ชายที่คุกเข่าลงไม่สามารถยอมรับผลนั้นได้
“ฉันไม่เคยรู้จักความพ่ายแพ้ ไม่เคยรู้ว่าการพ่ายแพ้คืออะไร แม้หลังจากถูกอัญเชิญมาก็ยังเป็นเช่นนั้น หากต้องการสิ่งใด ฉันก็จะเอามันมาให้ได้”
“ผมคิดว่าคุณคงเป็นเช่นนั้น ผมได้ยินเรื่องราวของคุณมามาก”
“พวกเขาพูดถึงเรื่องฉันว่าไง?”
“พวกเขาบอกว่าคุณเป็นนักดาบไร้เทียมทานที่ได้รับเลือกจากเทพเจ้าแห่งสงคราม และไม่เคยพ่ายแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“นั่นก็เกินจริงไปหน่อย”
“พวกเขายังบอกอีกว่าท่านเป็นอัจฉริยะเหนือชั้น รู้หนึ่งเข้าใจสิบ รู้สิบเข้าใจร้อย...”
มันเป็นความจริง ในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้ รีเจียนพิสูจน์เรื่องนี้มาแล้วหลายครั้ง
มีห้องรอที่เรียกว่าหวู่เหลียน
อันดับบัญชีในพิกมีอัพของห้องรอนี้คืออันดับ 2 ของโลก
มันเป็นบัญชีจัดอันดับที่มีสถานะคล้ายกับเนลม์ไฮมฟ์
เป็นโลกที่นับถือความแข็งแกร่งอย่างสุดโต่ง เหล่าสมาชิกมีชีวิตเพื่อความแข็งแกร่งและยอมตายเพื่อความแข็งแกร่ง เวทย์มนตร์หรือพลังพิเศษต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องนอกรีตในโลกนั้น
โลกที่มีความเชื่ออย่างมากในศิลปะการต่อสู้
สิ่งต่างๆ เช่น เวทมนตร์และพลังเหนือธรรมชาติเป็นเพียงสิ่งนอกรีตเท่านั้น
ในเรื่องราวที่เรียกว่าศิลปะการต่อสู้ ทักษะและความตระหนักรู้ของตนเองที่ได้รับการฝึกฝนมาตลอดชีวิต ยืนหยัดอยู่เหนือคุณค่าอื่นๆ ทั้งหมด
รองนายท่านที่นั่นมีชื่อว่ารยอนจู และเขาเป็นผู้ทรงอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้และได้รับการขนานนามว่าเป็นได้รับการยกย่องว่าเป็นจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี
อยู่มาวันหนึ่ง จอมยุทธ์ผู้นั้นได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับคนภายนอก
'มาสืบทอดตำแหน่งต่อจากข้า'
คนผู้นั้นไม่ใช่คนของกลุ่มศิลปะการต่อสู้
เขาเป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยน
แต่ประมุขผู้ดูแลสาวกนับหมื่นกลับเสนอตำแหน่งอันยิ่งใหญ่ให้กับคนนอก
สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของกลุ่มศิลปะการต่อสู้
แน่นอนว่าข้อเสนอนั้นถูกปฏิเสธและเรื่องก็เงียบไป แต่ข่าวลือนั้นก็แพร่กระจายไปไกลถึงเนลม์ไฮมฟ์
นี่เป็นเพียงหนึ่งในตำนานมากมายของชายผู้นั้น
ว่ากันว่าเขาสามารถฟันศัตรูที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรได้
หรือแม้แต่สามารถผ่ามิติได้ด้วยพลังแห่งจิตของดาบ
มีข่าวลือและการคาดเดาต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับชายผู้นั้น
อารอนเคยได้ยินเรื่องราวความกล้าหาญของชายผู้นั้นในค่ายฝึก
“ข่าวลือก็แค่ข่าวลือ”
รีเจียนส่ายหัวปฏิเสธข่าวลือ
“ฉันเป็นแค่คนขี้ขลาดที่ยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองไม่ได้และไม่กล้าเปิดเผยความจริง หากฉันไม่ตระหนักถึงความอ่อนแอของตัวเอง ฉันคงใช้พลังนี้ไปในทางที่ผิดแล้ว”
ดวงตาของชายผู้นั้นมองไปยังอดีต ความรู้สึกของความพ่ายแพ้ที่เขาได้ลิ้มรสเป็นครั้งแรก
ในตอนนั้นเอง เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของคู่ต่อสู้ที่เขาเคยจัดการมา เขามองเห็นพวกเขาไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อที่ถูกฟันและฉีกขาด แต่เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตและลมหายใจเช่นเดียวกับเขา
“พลังที่ปราศจากเกียรติคืออะไร?”
“.....ไม่รู้ครับ”
“พลังที่ไร้ทิศทาง จะทำลายและบ่อนทำลายทุกสิ่ง”
ชริ้ง!
ดาบถูกชักออกมาจากฝัก
“หากนายสามารถควบคุมพลังได้ จงจำไว้ให้ขึ้นใจ และฝึกฝนต่อไป พลังที่ปราศจากการไตร่ตรอง พลังที่ปราศจากความรับผิดชอบ เป็นเพียงความชั่วร้ายที่สมควรแก่การถูกกำจัด”
อารอนจับหอกในมือแน่น หอกสีเงินที่ส่องประกายเจิดจ้า เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมทันที
“นี่คือหอกที่อาจารย์ของนายใช้ตอนสู้กับฉัน ดาบเล่มนี้ก็เช่นกัน”
รีเจียนยิ้มอย่างอบอุ่น
“แล้วฉันควรจะให้เวลานายเตรียมตัวเท่าไรดี?”
“คุณช่างสังเกตนะครับ”
อารอนเกาหัว แม้ว่าเขาจะพอเดาได้ แต่ก็ยังไม่สามารถใช้งานมันได้ในทันที เขาต้องการเวลาเพื่อดึงพลังนั้นออกมา
“เริ่มได้”
“ครับ”
อารอนมองไปที่ชายคนนั้น
ผู้ที่ได้รับเลือกจากเทพแห่งสงคราม
ผู้ที่ได้รับพรสวรรค์และความแข็งแกร่งที่เขาใฝ่ฝัน เขาเคยชื่นชมและอิจฉาชายผู้นี้มากเพียงใด
ในท้ายที่สุด อารอนก็ไม่สามารถเป็นเหมือนพี่ชายหรือชายผู้นั้นได้
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่เคยยอมแพ้ นั่นคือความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ความกระหายในพลังที่บริสุทธิ์
ดุจดังผู้หิวกระหายที่ติดอยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้งโหยหาโอเอซิส
หรือดุจดังผู้ศรัทธาที่สิ้นหวังในโลก อธิษฐานต่อพระเจ้าที่ไม่ตอบสนอง
เขาเพียงแต่หวังและหวังต่อไป
แต่โอเอซิสไม่ปรากฏแก่ผู้กระหายน้ำ ไม่ว่าจะอธิษฐานเท่าไร พระเจ้าก็ไม่ตอบสนอง
มีเพียงความคับแค้นใจและความสิ้นหวังที่ทับถมกันจนกลายเป็นภาพลวงตา
หากเขาสามารถทำให้ภาพลวงตานั้นเป็นจริงได้
หากเขาสามารถทำให้ความปรารถนาของเขากลายเป็นความจริงได้
ผู้แสวงหาความฝัน
เหตุผลที่อารอนยังคงแกว่งหอกออกไป แม้จะรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะและไม่อาจเเข็งแกร่งขึ้นมาได้
เพราะเป็นการกระทำที่พิสูจน์ความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของคน ๆ หนึ่ง
ดุจดังการอธิษฐานต่อพระเจ้าที่ไม่อาจเอื้อมถึง
ดุจดังคนเดินทางในทะเลทรายที่หลงทางอยู่ในท้องทะเลทราย
เขายังคงแกว่งหอกและแทงออกไป แม้จะรู้ว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด
เขาเฝ้าปรารถนาพลังให้แก่ตนเองมาโดยตลอด
"..."
ภาพแห่งวันวานผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของอารอน
มันคือความฝันแรกของอารอน เดลเคิร์ด
ความทรงจำครั้งแรกที่เขามาถึงโลกนี้
เขามีโอกาสที่จะกลับไป แต่เขาก็เลือกที่จะไม่กลับ
ติดอยู่ในเขาวงกตแห่งกาลเวลานับร้อยปี จนเขาสูญเสียจิตใต้สำนึกและหัวใจไป
แม้จะสูญเสียหัวใจไป แต่ความปรารถนาของเขาก็ยังไม่สิ้นสุด
“....ผมอยากแข็งแกร่งขึ้น”
ในอดีต ชายหนุ่มกำลังเล่าความฝันของตนให้เด็กชายฟัง
"ตอนที่นายมาครั้งแรก นายเองก็พูดแบบนี้ไม่ใช่เหรอว่าอยากแข็งแกร่งขึ้น?"
"มันต่างกันครับ"
"ต่างกันยังไง?"
“เพราะตอนนี้ผมหมดเหตุผลในการที่จะเข้มแข็งแล้ว”
“นายบอกว่านายอยากกลับไปหานีน่าใช่ไหม?”
ชายหนุ่มส่ายหัว
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขาคงจะออกไปเมื่อพอร์ทัลที่สองเปิดขึ้น
"นายอยากช่วยอาจารย์ไม่ใช่หรือไง?"
ชายหนุ่มส่ายหัวอีกครั้ง เขาอยู่ในสถานที่แห่งนี้มานานหลายร้อยปี ความทรงจำและความรู้สึกที่มีต่อพี่ชายของเขาเลือนหายไปนานแล้ว
"นายอยากเอาชนะบาดแผลในใจของนายใช่ไหม?"
ชายหนุ่มยังคงส่ายหัว
บาดแผลลึกในใจที่เกิดจากการไร้ซึ่งพลังที่จะปกป้องครอบครัวและหนีไปเพียงลำพัง
บาดแผลอีกแห่งที่เกิดจากการไร้ซึ่งพลังที่จะช่วยพี่ชายและเพื่อน ๆ จากอันตราย และไม่สามารถอยู่เคียงข้างพวกเขาได้
มันอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาตระหนักถึงความฝัน แต่ตอนนี้มันต่างออกไป
"แล้วมันคืออะไร? ทำไมนาย ถึงอยากแข็งแกร่งขึ้น?"
"ต้องมีเหตุผลด้วยหรือครับ?"
"อะไรนะ?"
“ผมแค่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น”
ชายหนุ่มกล่าวว่า
"ผมไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อจุดประสงค์ใดเลยครับ ผมแค่อยากแข็งแกร่งขึ้นก็เท่านั้น…..เพียงแค่นั้น"
"อ้อ อย่างนั้นเหรอ? ขอโทษทีนะ แต่มีเด็กเป็นร้อยเป็นพันที่พูดเหมือนนาย ส่วนใหญ่แล้วมันก็เป็นแค่คำโกหก เป็นเรื่องเหลวไหล"
เด็กชายหัวเราะเยาะ
"พวกเขาบอกว่าแข็งแกร่งขึ้นเพื่อตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วทุกคนก็แค่อยากเติมเต็มความปรารถนาสกปรกของตัวเอง ต้องการดูถูกและเหยียดหยามผู้อื่น ต้องการพิสูจน์ว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่น"
"ผมต่างออกไป"
"โอ้ แล้วฉันจะเชื่อนายได้อย่างไร?"
"ข้าต้องพิสูจน์อย่างไร?"
"นั่นสินะ ที่เขาบอกว่าใจคนช่างยากแท้หยั่งถึง"
เด็กชายยักไหล่
“แต่อะไรนะ? แม้ว่าจิตใจจะแข็งแกร่ง แต่ร่างกายของคุณก็ไม่ทำตาม ไม่ว่าคุณจะหวังและต้องการมากแค่ไหน ความฝันที่จะแข็งแกร่งก็ไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะนั่นคือความจริง”
“มันดูเหมือนเป็นเช่นนั้น เราพยายามมาหลายร้อยปี…..แต่ทุกอย่างจบลงด้วยความพยายาม”
“ฉันบอกนายตั้งแต่แรกแล้ว…อย่าพยายามเลย แค่ฝึกไปวันๆก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นได้โปรดช่วยผมด้วยนะครับ”
ชายหนุ่มพูดโพล่งออกมา
"อะไรนะ?"
"อาจารย์รู้วิธีที่ทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้นมาได้ แม้ผมจะเป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีทางจริง ๆ ผมคงถูกไล่ออกไปแล้ว แต่อาจารย์ยังคงให้ผมอยู่ที่นี่ แสดงว่าอาจารยฺยังมีบางอย่างที่ต้องการให้ผมทำ"
"พูดเก่งนะเนี่ย"
"ถ้าไม่มี..."
ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น
"ได้โปรดปลิดชีวิตที่ไร้ค่าของผมทีนะครับ"
"..."
"ผมไม่สามารถถอยกลับได้ และคงก้าวไปข้างหน้าไม่ได้เช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมคงจะกลายเป็นวิญญาณพเนจรอย่างที่อาจารย์ว่า อาจารย์ไม่ได้สัญญาไว้หรือครับ ว่าถ้าเป็นเช่นนั้นอาจารย์จะฆ่าข้าผม"
"...ฉันเคยพูดแบบนั้นด้วยเหรอ"
"หรือว่าอาจารย์แค่พูดเล่น?"
ในมือของเด็กชายมีหอกเล่มหนึ่ง หากเขาต้องการทำมันชายหนุ่มคนนี้คงจะต้องกระอักเลือดล้มลงในทันที
เด็กชายจ้องมองไปที่ชายหนุ่ม ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
"โดนจับได้แล้วสินะ"
หอกในมือของเด็กชายหายไปในทันที