บทที่ 372 เรื่องการแต่งงานของเจ้า ข้าจะตัดสินใจให้เจ้าเอง!
[แปลโดยแฟนเพจ BamแปลNiyay มาติดตามในแฟนเพจเพื่อติดตามข่าวสารได้นะ]
[Thai-novel ลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ 5 ตอน แต่จะราคาแพงที่สุด]
[คนอ่านแต่ละตอนไม่ถึง 10 คน ขอร้องอย่า copy ไปเลยนะ อันนี้แปลเพราะอยากแปลจริง ๆ ไม่งั้นทิ้งไปนานแล้ว ,เพราะไปทำงานอื่นได้เงินกว่าเยอะ ที่แปลเนี่ยได้วันละ 20 บาทเอง]
[หลังแปลจบจะมีการแก้ไขคำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง ถ้าอ่านแบบเถื่อนจะไม่มีการกลับมาแก้ให้นะครับ]
บทที่ 372 เรื่องการแต่งงานของเจ้า ข้าจะตัดสินใจให้เจ้าเอง!
ต้องอย่าลืมว่า องค์จักรพรรดินีมิได้พระราชทานสมรส ทว่าท่านหญิงน้อยกลับทรงปลาบปลื้มนัก เพราะรู้ว่าพี่หญิงของตน องค์จักรพรรดินี ทรงเห็นชอบด้วยกับการครองคู่ครั้งนี้และทรงสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง จึงมิมีสิ่งใดต้องกังวล
ขณะทอดพระเนตรท่านหญิงน้อยจากไปด้วยสีพระพักตร์แจ่มใส องค์จักรพรรดินีก็อดถอนพระทัยมิได้ "วัยเยาว์ช่างงดงามนัก!”
ทันใดนั้น ร่างสีขาวก็ปรากฏบนเพดาน เอ่ยแซว "ฝ่าบาท พระองค์ยังทรงพระเยาว์ เหตุใดจึงทรงโศกเศร้า?"
องค์จักรพรรดินีทรงแย้มสรวลอย่างขมขื่น "แม้เราจะยังเยาว์วัย แต่ก็ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากนัก ดวงใจของเราหาได้เยาว์วัยไม่ เราก็ปรารถนาความสุขไร้กังวลเช่นเดียวกับเจ้า แต่มีภาระมากมายที่ผลักดันเราให้ก้าวไปข้างหน้า มิอาจหยุดได้"
"ฝ่าบาท พระองค์ทรงอดทนมาหลายปีแล้ว!” ไป๋กวนอิมกล่าว
"มิใช่อดทน แต่มันคือหน้าที่ของเรา! นับแต่ขึ้นครองราชย์เป็นองค์จักรพรรดินี เราก็อยู่กับความรุ่งโรจน์ มั่งคั่ง อำนาจ และความเคารพอย่างไม่รู้จบ เราต้องแบกรับความรับผิดชอบนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพชน ราษฎรแห่งอาณาจักรอู๋ และมโนธรรมของเราเอง" องค์จักรพรรดินีตรัสอย่างเด็ดเดี่ยว
"ดีมาก! แต่กระนั้น ฝ่าบาท ยังมีเรื่องหนึ่งที่พระองค์ควรพิจารณา" ไป๋กวนอิมกล่าว
องค์จักรพรรดินีตรัสถามด้วยความสงสัย "เรื่องอันใด?"
ไป๋กวนอิมพูดเย้าแหย่ "การแต่งงานของท่าน!”
สีพระพักตร์ขององค์จักรพรรดินีแข็งค้างไปครู่หนึ่ง รอยแดงระเรื่อปรากฏบนพวงแก้ม "พี่ไป๋ ท่านพูดเรื่องอันใด?"
ไป๋กวนอิม หัวเราะแล้วพูดว่า "กระหม่อมหมายความว่า ท่านควรหาบุรุษที่เหมาะสม แต่งงาน และมีลูก!”
องค์จักรพรรดินีทรงพิโรธเล็กน้อย ตรัสตอบว่า "พี่ไป๋ ท่านล้อเล่นกับข้าหรือ!”
"กระหม่อมมิได้ล้อเล่น นี่เป็นเรื่องใหญ่หลวงนัก" ไป๋กวนอิมกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง "ถึงแม้ว่าในสายตาข้า ท่านจะยังเป็นเด็กน้อย แต่ในความเป็นจริง ท่านก็มิใช่วัยเยาว์แล้ว หากเป็นสตรีชาวบ้านธรรมดาในวัยเดียวกับท่าน คงแต่งงานมีบุตรกันหมดแล้ว"
"กระหม่อมเข้าใจว่าท่านหมกมุ่นอยู่กับราชกิจ จนมิมีเวลาสนใจเรื่องส่วนตัว แต่บัดนี้อาณาจักรสงบสุขแล้ว ท่านควรจะเริ่มคิดถึงเรื่องคู่ครองได้แล้ว!”
องค์จักรพรรดินีหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
"อีกทั้ง หากมองในมุมของบ้านเมือง นี่ก็เพื่อเห็นแก่อนาคตของอาณาจักรอู๋! ในฐานะจักรพรรดินีผู้ครองแผ่นดิน หากท่านไร้รัชทายาท แล้วบัลลังก์จะตกเป็นของผู้ใด? หรือว่าท่านคิดจะยกราชสมบัติให้ผู้อื่นในอีกร้อยปีข้างหน้า?"
"แน่นอนว่ามิใช่!” องค์จักรพรรดินีตรัสตอบอย่างฉับพลัน
"เช่นนั้น เพื่อความมั่นคงของบ้านเมืองและความยั่งยืนของราชวงศ์ ท่านต้องพิจารณาเรื่องการอภิเษกสมรสเสียที!“ไป๋กวนอิมกล่าวเร่งเร้า”หากไร้ซึ่งบุรุษ แล้วจะมีราชโอรสหรือราชธิดาได้อย่างไร? ท่านเห็นด้วยหรือไม่?"
พระพักตร์ขององค์จักรพรรดินีแดงก่ำขึ้นอีกครา
แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว คำพูดขอไป๋กวนอิมก็ล้วนแต่เป็นความจริง นางควรจะต้องเริ่มคิดถึงเรื่องการแต่งงานอย่างจริงจังเสียที หากไร้รัชทายาท อนาคตของราชวงศ์คงจะตกอยู่ในอันตราย นางไม่อาจยกราชสมบัติให้ผู้ใดได้ง่าย ๆ ผู้คนล้วนมีผลประโยชน์แอบแฝง และคนเราจะยกมรดกให้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ที่ตนไว้ใจที่สุดเท่านั้น
ทว่า ใครเล่าจะคู่ควรกับนาง? ในฐานะสตรีผู้ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน บุรุษธรรมดาล้วนมิอาจเทียบเคียง นับประสาอะไรกับผู้ที่คู่ควรกับนาง!
ทันใดนั้น พลันมีภาพใบหน้าที่คุ้นเคยแวบขึ้นมาในห้วงคำนึง พระพักตร์ขององค์จักรพรรดินีแดงก่ำ ราวกับโลหิตหลั่งไหล แต่ลึกลงไป กลับมีความคาดหวังและความสุขซ่อนอยู่
ไป๋กวนอิมเอ่ยถาม "ฝ่าบาท พระองค์ทรงมีผู้ใดในดวงใจแล้วกระมัง?"
องค์จักรพรรดินีราวกับความคิดถูกเปิดเผย ตรัสอย่างร้อนรน "พี่ไป๋ อย่ากล่าววาจาเหลวไหล นั่นมิเป็นความจริง!”
"มิเป็นความจริงหรือ?" ไป๋กวนอิมเอียงศีรษะอย่างสงสัย "หากมิใช่เขา แล้วผู้ใดเล่าจะคู่ควรกับพระองค์? ท่านคิดว่าจะมีใครเข้าเค้าอีก?"
องค์จักรพรรดินีตรัสตะกุกตะกัก "เรา... เรา..."
"เห็นไหมเล่า? เขาคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพระองค์"
ไป๋กวนอิมหัวเราะแล้วกล่าวว่า "หลินเป่ยฟานมิเพียงเป็นบัณฑิตอันดับต้น ๆ ในการสอบของจักรพรรดิ แต่ยังเป็นปรมาจารย์ที่หาได้ยากยิ่งในด้านวรรณกรรมและวรยุทธ์ ความสามารถในการเป็นผู้นำของเขานั้นโดดเด่น และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบใครที่เก่งกาจเท่าเขาในทั้งอาณาจักร ยิ่งกว่านั้น เขายังหนุ่ม หล่อเหลา มีนิสัยดี และยังไม่ได้แต่งงาน การเลือกเขาเป็นพระสวามีของพระองค์จะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบ!”
"และพระองค์ไม่เคยกังวลว่าเขาจะหนีไปหรือ? เมื่อพระองค์ทำให้เขาเป็นสามีของพระองค์และมีลูกกับเขาสักสองสามคน เขาจะหนีไม่พ้นแน่ เขาจะอยู่เคียงข้างพระองค์ด้วยใจจริง ช่วยพระองค์ในการปกครองอาณาจักรและราษฎร!”
ยิ่งองค์จักรพรรดินีฟัง ก็ยิ่งร้อนพระทัย แม้ว่านางจะเคยคิดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แต่การได้ยินเสียงพูดออกมาก็น่าอายนัก
ดังนั้น องค์จักรพรรดินีจึงใช้กลอุบาย "หลบหนีจากหน้าที่หลวง"
"พี่ไป๋ อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้เลย ข้าต้องทำหน้าที่หลวงต่อ" นางตรัสพลางเปิดฎีกาและแสร้งทำเป็นทบทวนอย่างขยันขันแข็ง
ไป๋กวนอิมส่ายหัวเล็กน้อยแล้วหายตัวไป
องค์จักรพรรดินีแอบถอนใจด้วยความโล่งอก ลูบไล้พวงแก้มที่แดงระเรื่อของพระองค์เองเบา ๆ
ในเวลาเดียวกัน ท่านหญิงน้อยก็รีบรุดไปยังพระราชวังหลวงด้วยใจที่เบิกบาน
"หลินเป่ยฟาน ข้ามาหาเจ้าแล้ว!” นางร้องเรียกอย่างสดใส
"พวกเราจะทำสิ่งใดกัน? ข้ากำลังยุ่งกับงานหลวง ไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอกนะ" หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างใจเย็นพลางกวาดสายตาอ่านฎีกาอย่างรวดเร็ว
"ถึงเจ้จะายุ่ง แต่ข้าก็ดูเจ้าได้!” ท่านหญิงน้อยนั่งลงข้าง ๆ อย่างว่าง่าย มือค้ำคาง จ้องมองหลินเป่ยฟานไม่วางตา
ทันใดนั้น ท่านหญิงน้อยก็รู้สึกว่าหลินเป่ยฟานไม่ว่าจะมองมุมใดก็งดงามยิ่งนัก ซ้ายขวาบนล่างล้วนหล่อเหลาไร้ที่ติ! รูปโฉมงดงามราวเทพเซียน อีกทั้งยังหนุ่มแน่น แถมยังเชี่ยวชาญในศิลปศาสตร์หลากแขนงไม่ว่าจะดนตรีหมากกระดาน ไปจนถึงการประพันธ์บทร้อยกรองและวาดพู่กันจีน สามารถนำทัพออกศึกและว่าราชการในท้องพระโรงได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง!
สามีที่โดดเด่นเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนัก ราวกับเสี่ยงโชคถูกรางวัลใหญ่ ท่านหญิงน้อยอดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้
หลินเป่ยฟานมองนางพลางถาม "มีอันใดหรือ?"
"ไม่มีอะไรหรอก เพียงแต่เห็นเจ้าแล้วก็นึกเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาได้" ท่านหญิงน้อยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม "อย่าได้ใส่ใจ ขอเจ้าจงทำงานของเจ้าต่อไปเถิด!”
"อืม…" หลินเป่ยฟานพยักหน้าแล้วกลับไปสนใจงานราชกิจต่อ
ท่านหญิงน้อยยังคงเฝ้ามอง สังเกตทุกสิ่งอย่าง เมื่อเห็นหมึกบนโต๊ะทำงานของหลินเป่ยฟานใกล้จะหมด ก็รีบเข้าไปเติมให้ทันที เมื่อเห็นน้ำชาบนโต๊ะเย็นชืด ก็รีบรินชาถ้วยใหม่ให้ทันควัน
และเมื่อใดที่ฎีกาบนโต๊ะมีมากเกินไป นางก็จัดเรียงให้เป็นระเบียบเรียบร้อย นางยังแอบเข้าครัวเป็นครั้งคราวสหาขนมอร่อย ๆ มาให้หลินเป่ยฟานอีกด้วย
หลินเป่ยฟานเหลือบมองท่านหญิงน้อยอีกครา รู้สึกว่าวันนี้นางมีท่าทีแปลกไป ความเอาใจใส่ก็มากล้นผิดวิสัย
หลินเป่ยฟานอดมิได้ที่จะเอ่ยถาม "ท่านหญิงน้อย ท่านกำลังตั้งใจทำสิ่งใดอยู่รึ?"
"ไม่มีอะไรหรอก เจ้าจงตั้งใจทำงานของเจ้าไป อย่าได้ใส่ใจข้า!” ท่านหญิงน้อยตรัสพลางป้อนองุ่นให้เขา พลันตระหนักว่ารสชาติช่างหวานละมุนยิ่งนัก
หลินเป่ยฟานถอนหายใจ
หลังจากอ่านฎีกาเสร็จ หลินเป่ยฟานก็ติดตามขันทีไปยังห้องทรงอักษรเพื่อรายงานราชกิจ ในขณะเดียวกัน องค์จักรพรรดินียังมิอาจลืมความเขินอายเมื่อครู่ได้ เมื่อทอดพระเนตรเห็นหลินเป่ยฟาน บุรุษผู้ครอบครองพระทัย พระพักตร์ก็แดงซ่านขึ้นอีกครา พระเนตรสั่นไหว รู้สึกกระวนกระวาย พระดำริล่องลอยไปไกล
หลินเป่ยฟานยังคงรายงานราชกิจอย่างขะมักเขม้น ขณะที่องค์จักรพรรดินีพยักพระพักตร์ตาม แต่ดูเหมือนจะทรงเหม่อลอย หลินเป่ยฟานจึงอดถามไม่ได้ "ฝ่าบาท พระองค์ทรงฟังกระหม่อมอยู่หรือไม่?"
"เอ่อ... อืม อืม... ท่านเสนาบดี ข้ากำลังฟังอยู่ โปรดพูดต่อเถิด" ในที่สุดองค์จักรพรรดินีก็ทรงดึงพระสติกลับมา
"พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท" หลินเป่ยฟานตอบรับด้วยความงุนงงเล็กน้อย
"ท่านเสนาบดีหลิน เมื่อครู่ท่านกล่าวสิ่งใดนะ?"
หลินเป่ยฟาน "..."
หลินเป่ยฟานมองไปทางพระองค์ วันนี้ดูเหมือนองค์จักรพรรดินีจะทรงมีท่าทีผิดปกติ หรือว่าจะเป็นช่วงพระอาการประชวร?
หลินเป่ยฟานไม่มีทางเลือก จำต้องเริ่มรายงานราชกิจอีกครั้ง และคราวนี้ องค์จักรพรรดินีก็ทรงตั้งพระทัยฟัง หรืออย่างน้อยก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น หลังจากรายงานเสร็จ หลินเป่ยฟานจึงเอ่ยถาม "ฝ่าบาท มีสิ่งใดที่พระองค์ทรงไม่เข้าพระทัยหรือไม่?"
"เอ่อ... ข้ามีคำถามอยู่บ้าง" องค์จักรพรรดินีทรงลังเล
"เรียนถามได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท" หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างนอบน้อม
"เราอยากจะถาม... ท่านอัครเสนาบดียังมิได้สมรสใช่หรือไม่?"
หลินเป่ยฟานถึงกับตะลึงงัน นี่เป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน? สถานภาพสมรสของข้าเกี่ยวข้องอันใดกับงานของเรา? แต่เนื่องจากองค์จักรพรรดินีตรัสถาม เขาจึงต้องตอบในฐานะข้ารับใช้ที่ภักดี
"เรียนฝ่าบาท กระหม่อมมีสหายสตรีสนิทหลายคน แต่สำหรับการแต่งงานอย่างเป็นทางการ กระหม่อมยังมิได้เข้าพิธีวิวาห์กับผู้ใด กระหม่อมตั้งใจที่จะทำให้ความสัมพันธ์เหล่านี้เป็นทางการในเวลาที่เหมาะสมและให้การยอมรับอย่างถูกต้อง"
"ดี" องค์จักรพรรดินีพยักพระพักตร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ดีแล้ว ไม่แต่งงานอย่างเป็นทางการนั่นแหละดีที่สุด!”
หลินเป่ยฟาน "..."
หลินเป่ยฟานนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถาม "ฝ่าบาท ท่านมีคำถามอื่นอีกหรือไม่?"
"เรามีอีกสองสามข้อ..." องค์จักรพรรดินีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามอย่างประหม่า "ท่านไม่มีคู่หมั้นหมายอยู่แล้วใช่หรือไม่?"
มุมปากของหลินเป่ยฟานกระตุกเล็กน้อย "เรียนฝ่าบาท กระหม่อมเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ ไม่มีคู่หมั้นหมายใด ๆ ทั้งสิ้น"
"ดีแล้ว ดีแล้ว! ในที่สุดเราก็เบาใจ" องค์จักรพรรดินีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หลินเป่ยฟาน "..."
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลินเป่ยฟานโค้งมือแล้วถาม "กระหม่อมขอเรียนถามเหตุใดฝ่าบาทจึงทรงเป็นห่วงเรื่องการสมรสของกระหม่อม?"
"ก็เพื่อประโยชน์ของท่านเอง"
"เพื่อประโยชน์ของกระหม่อม?" หลินเป่ยฟานงุนงงอีกครั้ง
"ใช่ เพื่อประโยชน์ของท่าน" องค์จักรพรรดินีย้ำ "ท่านอัครเสนาบดียังหนุ่มแน่นนัก ดังนั้นท่านไม่ควรเร่งรีบในเรื่องการแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเลือกภรรยา ท่านต้องระมัดระวัง ท่านเข้าใจหรือไม่?"
ปากของหลินเป่ยฟานกระตุกอีกครั้ง "แน่นอน กระหม่อมเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ"
องค์จักรพรรดินีทรงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตรัสเสริมว่า "อย่างไรก็ตาม ท่านเสนาบดี ในฐานะอัครมหาเสนาบดีและแม่ทัพใหญ่ในปัจจุบัน ท่านค่อนข้างวุ่นวายกับงานบ้านเมือง มิควรปล่อยให้เรือนของท่านไร้ผู้ดูแล เช่นนี้ ข้าว่าท่านควรรับอนุภรรยาไว้เพิ่มนะ ส่วนเรื่องงานแต่งงานอย่างเป็นทางการ เลื่อนออกไปก่อนเถิด"
หลินเป่ยฟาน "..."
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเป่ยฟานจึงเอ่ยถาม "กระหม่อมขอเรียนถามว่าเมื่อใดกระหม่อมจะสามารถแต่งงานอย่างเป็นทางการได้ และกระหม่อมควรหาภรรยาเช่นไร?"
"เอ่อ... ให้เราคิดดูก่อนแล้วจะแจ้งให้ท่านทราบ"
หลินเป่ยฟานถึงกับตะลึงงันอีกครา ข้าต้องรอให้ท่านคิดหรือ? แล้วหากท่านลืมเล่า? มันเป็นงานแต่งงานของข้านะ!
เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของหลินเป่ยฟาน ความเขินอายก็ฉายแวบผ่านพระพักตร์ขององค์จักรพรรดินี นางแสร้งทำเป็นจริงจังแล้วตรัสว่า "ท่านเสนาบดี โปรดวางใจเถิด เรื่องของท่านก็คือเรื่องของเรา และเราจะไม่ลืม เราจะรับผิดชอบเรื่องการแต่งงานของท่านเอง!”
หลินเป่ยฟานถึงกับตะลึงงันอีกครา เรื่องการแต่งงานของข้า ท่านอยากจะรับผิดชอบด้วยพระองค์เอง นี่มันบัดซบอะไรกันเนี่ย?