บทที่ 248 ตักเตือนเสิ่นเกาอีกครั้ง
บทที่ 248 ตักเตือนเสิ่นเกาอีกครั้ง
เฉินเฉิงเลิกคิ้วขึ้น คิดทบทวนดูอย่างละเอียด ก็ได้แต่ปล่อยไปตามชะตากรรม เพราะยังไงสิ่งที่เขาพูดไปก็คงไม่มีใครฟังอยู่ดี
ช่างมันเถอะ ยังไงก็เป็นเรื่องของครอบครัวเขาเองทั้งนั้น ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขามากนัก
ในที่สุด...แค่ไม่ต้องไปสุงสิงกับพวกเขาก็พอแล้ว
เฉินเฉิงตัดสินใจแน่วแน่
วันรุ่งขึ้นเพิ่งจะเริ่มทำงาน ฟ่านเจี้ยนจ่าง ก็มาหา
“ผู้อำนวยการฟ่าน!” เฉินเฉิงเข้าไปทักทาย
“ผลิตภัณฑ์ของคุณไม่เลวเลย!” ฟ่านเจี้ยนจ่างเอ่ยขึ้น “ขายดีมาก ยอดขายยังสามารถเพิ่มขึ้นได้อีก วันนี้ผมก็เลยอยากจะมาถามคุณว่า พอจะเพิ่มการผลิตขึ้นอีกหน่อยได้ไหม?”
“ผมจะพยายามครับ!”
ฟ่านเจี้ยนจ่างพยักหน้า “งั้นก็ดี”
ฟ่านเจี้ยนจ่างมาไวไปไว แต่ใบหน้าของเฉินเฉิงกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แต่ก่อนหน้านั้น ถ้าต้องการเพิ่มกำลังการผลิต ก็ต้องซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีกสักเครื่องหนึ่ง
คิดไปคิดมา เฉินเฉิงจึงโทรนัดหมายพบกับชางกวน
“พี่ชาง!” เฉินเฉิงส่งบุหรี่ให้เขาหนึ่งมวน ก่อนจะเข้าเรื่อง “เครื่องทอผ้าครั้งก่อน ยังมีเหลืออีกไหม?”
ชางกวนสูบบุหรี่เข้าไปหนึ่งคำ แล้วจึงถามยิ้มๆ ว่า “ทำไมหรือ จะซื้ออีกเครื่องแล้วเหรอ?”
เฉินเฉิงสูบบุหรี่เข้าไปลึกๆ “ใช่ ผมอยากซื้ออีกเครื่องหนึ่ง”
“เครื่องเดียวมันยังไม่พอใช้หรือไง?”
“เครื่องเดียวกำลังการผลิตมันยังน้อยเกินไป ผมอยากเพิ่มอีกสักเครื่อง!” เฉินเฉิงส่ายหัว “ตอนนี้ธุรกิจผมไปได้ดี ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้ มีแต่กลัวว่าจะไม่มีของขาย!”
“ใช้ได้เลย!” ชางกวนพูดพร้อมกับจิ๊ปาก “ดูท่าว่าธุรกิจคงไปได้สวยจริงๆ”
“ใช่แล้ว นอกจากนี้ ผมยังอยากจะซื้อจักรเย็บผ้าอีกสักชุดหนึ่ง ประมาณสิบเครื่องจักรธรรมดา สองเครื่องจักรเย็บผ้าซิกแซก แล้วก็อีกหนึ่งเครื่องจักรเย็บผ้ากระเป๋า พี่ช่วยดูให้ผมด้วยนะ”
ชางกวนพยักหน้า ยิ้มและพูดว่า “น้องชาย ราคาคราวนี้อาจจะแพงขึ้นมาหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร!” เฉินเฉิงถูมือแล้วพูด “ของดี ถูกต้องตามกฎหมาย คุณเก็บเงินผมเพิ่มอีกหน่อยก็ได้ ผมจะได้สบายใจ กลัวแต่พวกของคุณภาพแย่ แล้วก็ไม่ถูกกฎหมายมากกว่า”
ชางกวนหัวเราะ การทำธุรกิจกับเฉินเฉิงมันสะดวกดีจริงๆ
“แต่ถ้าพี่ชางลดราคาให้อีกหน่อยก็คงจะดีไม่น้อย!”
ชางกวนหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกน้องชาย เราก็ทำธุรกิจด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว ผมเชื่อใจคุณ เรื่องราคาค่อยว่ากันอีกที ผมจะช่วยคุณดูให้”
“ต้องเร็วหน่อยนะ!” เฉินเฉิงพูดย้ำอีกครั้ง
“วางใจได้ เร็วแน่นอน! อ้อ ผมจะเตือนคุณสักหน่อยนะ จักรเย็บผ้ามือสอง คุณรอผมอีกสักสองสามวัน อย่าไปซื้อจากคนอื่นเด็ดขาด”
เฉินเฉิงนิ่งไปชั่วขณะ
“ผมรู้ว่าคุณต้องการของที่ปลอดภัย แต่จากที่ผมรู้มา...” ชางกวนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของรัฐชุนผิง น่าจะล้มละลายแล้ว ช่วงนี้พวกเขาขนของออกไปขายอยู่เรื่อยๆ สองสามวันที่ผ่านมาผมได้ยินมาว่าพวกเขากำลังจะขายของล็อตใหญ่ น่าจะมีของออกมาเยอะ คุณอย่าเข้าไปยุ่งเชียว ไม่งั้นถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ผู้ซื้อก็ไม่พ้นต้องโดนสอบสวนด้วย”
เฉินเฉิงตกใจขึ้นมาในใจ
ดูเหมือนว่าเสิ่นสง ยังไม่หยุดมือจริงๆ!
“ขอบคุณพี่ชางที่เตือน!”
หลังจากแยกกับชางกวน เฉินเฉิงก็นิ่งคิดอยู่สักพัก
เรื่องโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของรัฐชุนผิงนี้ เขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งเด็ดขาด
แต่ถ้าเสิ่นสงยังทำแบบนี้ต่อไป ถึงแม้เขาไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วย สุดท้ายก็ต้องโดนดึงลงไปพัวพันด้วยแน่ๆ
คิดไปคิดมา เฉินเฉิงคิดว่าหากมีโอกาส อาจจะต้องไปเยี่ยมเยียนเสิ่นเกาสักครั้ง
โดยรวมแล้ว เสิ่นเกายังเป็นคนดีอยู่ เขาก็จะทำหน้าที่ของเขา เตือนสิ่นเกาสักครั้งก็แล้วกัน
ส่วนพวกเขาจะทำอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเขา
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเฉิงก็ซื้อบุหรี่หนึ่งกล่อง แล้วซื้อผลไม้มาอีกหน่อย หลังเลิกงานก็พาเสิ่นจือฮวา และเนี่ยนเนี่ยนไปที่บ้านของเสิ่นเกาทันที
“คุณว่าไงนะ?” เสิ่นจือฮวา พูดอย่างกังวล “แม่ของฉัน...”
“ไม่เป็นไร บอกพ่อก็พอ!” เฉินเฉิงพูดขึ้น “ไม่ต้องบอกแม่อะไรมาก พ่อเข้าใจเหตุผลมากกว่า”
เสิ่นจือฮวา พยักหน้า
เมื่อเดินเข้าไปในลานบ้าน ก็ได้ยินเสียงถังเหมย กำลังทำกับข้าวอยู่แล้ว
“พวกคุณมาทำไม? เนี่ยนเนี่ยน ลูกแม่!” เมื่อเห็นพวกเฉินเฉิงมา เสิ่นเกาก็ดีใจมาก เข้ามาอุ้มเนี่ยนเนี่ยนทันที
“ทำไมพวกคุณต้องมาทุกทีตอนจะกินข้าวด้วย อยากจะทำอะไรกัน...ไม่เห็นบอกล่วงหน้าเลย!” ถังเหมยเห็นพวกเขามา ก็พูดอย่างประชดประชัน
เสิ่นเกาโกรธจนเส้นเลือดขึ้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิตแล้ว เขารู้จักนิสัยของภรรยาตัวเองดีเกินไป
“แม่ พวกเราไม่ได้มาทานข้าว!” เสิ่นจือฮวา เริ่มโมโห
อย่างไรเสีย นี่ก็เป็นลูกสาวลูกเขยของคุณ ยังมีคนพูดแบบนี้อีกเหรอ
“กินสิ ทำไมจะไม่กิน!” เสิ่นเกาไม่พอใจ “ไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น!”
“พ่อ พวกเราคงไม่ทานข้าวหรอกครับ!” เฉินเฉิงก็ไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว จึงพูดกับเสิ่นเกา “มีบางอย่างอยากจะบอกพ่อหน่อยครับ”
เสิ่นเกาวางเนี่ยนเนี่ยนลง แล้วเดินไปคุยกับเฉินเฉิงที่อีกมุมหนึ่ง
เฉินเฉิงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเลือกถ้อยคำแล้วพูดว่า “ผมมีเพื่อนคนหนึ่งทำธุรกิจจักรเย็บผ้ามือสอง ข้อมูลเขาค่อนข้างกว้างขวาง เขาบอกผมเรื่องหนึ่ง บอกว่าเสิ่นสงกำลังขายอุปกรณ์ของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าของรัฐชุนผิง ครั้งที่แล้วผมให้จือฮวา เตือนพ่อไปครั้งหนึ่ง ไม่ทราบว่าตอนนี้...”
“ผมบอกให้เขาเลิกทำเรื่องพวกนี้แล้ว!” เสิ่นเกาพยักหน้า
“แต่จากที่ผมรู้ เขายังไม่หยุดทำ!” เฉินเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เสิ่นเกาชะงักไป สีหน้าเริ่มไม่สู้ดีนัก
“พ่อ ถึงแม้พ่อจะไม่ใช่ผู้อำนวยการโรงงาน เป็นแค่หัวหน้าแผนก แต่พ่อก็คงพอรู้อยู่บ้างว่าโรงงานแบบนี้มันไปต่อไม่ได้อีกนานแล้ว ผมเองก็สงสัยว่าข้างบนอาจกำลังเตรียมตัวที่จะปิดโรงงานและทำการชำระบัญชี ถ้าถึงขั้นนั้นขึ้นมา ทรัพย์สินของรัฐจะต้องถูกตรวจนับ เสิ่นสงเป็นผู้ดูแลโกดัง อุปกรณ์หลายอย่างออกไปจากมือเขา ถ้าตรวจสอบขึ้นมา เขาหนีไม่รอดแน่ๆ”
เสิ่นเกาเข้าใจหลักการนี้ดี ถึงตอนนี้จะได้ฟังก็อดร้อนใจไม่ได้ “ตอนนั้นผมบอกเขาแล้วว่าอย่าทำอีก...เขายังทำอยู่อีกหรือ รอเขากลับมาเมื่อไหร่ผมจะถามเขาอีกที...”
พอดีกับที่เสิ่นสงเดินเข้ามาพอดี
เมื่อเห็นพวกเฉินเฉิงอยู่ที่นี่ เสิ่นสงก็ขมวดคิ้ว ถึงกับไม่อยากทักทายด้วยซ้ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสิ่นเกาตะโกนด้วยเสียงดัง
เฉินเฉิงถอนหายใจหนึ่งที จบแล้วจบอีก เขากลายเป็นคนไม่ดีอีกแล้ว
เสิ่นสงเดินเข้ามาแล้วปิดประตูอย่างรวดเร็ว แล้วตะคอกใส่เสิ่นสงว่า “แกยังขายอุปกรณ์ของโรงงานให้พวกคนนอกอยู่อีกหรือเปล่า?”
เสิ่นสงสะดุ้งในใจ “พ่อ อย่าพูดมั่วๆ นะ ผมไม่ได้ทำเรื่องแบบนี้แล้ว ครั้งที่แล้วพ่อบอกไม่ให้ผมทำ ผมก็เลิกแล้วจริงๆ นะ”
“แกไม่ได้ทำ?” เฉินเกามองลูกชายอย่างเย็นชา “มองหน้าฉันแล้วตอบสิ ว่าแกทำจริงๆ หรือเปล่า?”
“ผมไม่ได้ทำจริงๆ นะ...ไม่สิ ใครบอกพ่อมาเนี่ย!” เสิ่นสงหันไปมองเฉินเฉิง
“ผมบอกเอง!” เฉินเฉิงหมดหนทางต้องตอบ “เพื่อนผมบอกผมมาอีกที”
“เพื่อนของคุณรู้เรื่องบ้าอะไร!” เสิ่นสงโมโหขึ้นมา “เฉินเฉิง คุณคิดว่าตัวเองเปิดร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ามือสอง เปิดตลาดกลางคืน แล้วก็รู้จักพี่ชายคุน เลยทำให้คุณเจ๋งมากหรือไง คิดว่าคนอื่นเขารวยไม่ได้ มีแต่คุณเท่านั้นที่รวยได้ใช่ไหม?”
“มีอะไรกัน มีอะไรกัน?” ถังเหมยรีบเดินออกมาจากข้างใน