ตอนที่แล้วตอนที่ 3 กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่น  มักจะพ่ายแพ้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ซุนเกี๋ยนกลัวจนเหงื่อแตก

ตอนที่ 4 ถ้าข้าเป็นฮัวหยง ข้าจะมาคืนนี้


“ไฉ่ซ่าง  โปรดหยุดก่อน!”

เสียงตะโกนดัง  ทำให้เตียวเลี้ยวและไป๋หลี่หมิงหยุดชะงัก

"น้องชาย ว่าไง?"  เตียวเลี้ยวขมวดคิ้ว

"หันกลับไปดูหน่อยเป็นไร"  ไป๋หลี่หมิงยิ้ม

จากนั้นเขาก็หันหลังกลับ  พร้อมกับเตียวเลี้ยว

ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน   เขาจงใจทดสอบซุนเกี๋ยน

ผู้ปกครองที่ชาญฉลาดต้องมีคุณสมบัติหลายประการ

ประการแรก ต้องรู้จักอดกลั้น

ถ้าหากซุนเกี๋ยน ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น สั่งให้ทหารจับกุมพวกเขาทันที นั่นหมายความว่าซุนเกี๋ยนสอบไม่ผ่านด่านแรก

แน่นอนถึงแม้จะถูกจับ เขาก็มีวิธีหลบหนี

แต่หลังจากหลบหนีไปแล้ว  เขาก็จะไม่กลับมาหาซุนเกี๋ยนอีก

นี่คือการทดสอบครั้งแรก

ประการที่สอง ต้องรู้จักใช้คน

จากท่าทีของซุนเกี๋ยนเมื่อครู่นี้  เขาพอจะมองออก

ถ้าหากเขาบอกกับซุนเกี๋ยนว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อรับใช้  ซุนเกี๋ยนคงดีใจและตอบตกลงทันที

แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของเขา

คนเรามักไม่เห็นค่าในสิ่งที่ได้มาง่ายๆ

ดังนั้น  เขาจึงไม่รีบร้อนที่จะเข้าร่วมกองทัพของซุนเกี๋ยน แต่กลับเสนอกลยุทธ์แรกด้วยวิธีการแลกเปลี่ยน!

ด้วยวิธีนี้  นอกจากจะรักษาความเป็นอิสระของตนเองแล้ว  ยังสามารถทดสอบคุณสมบัติประการที่สามของผู้ปกครองที่ชาญฉลาด นั่นก็คือความสามารถในการตัดสินใจ!

อย่าดูถูกความสามารถในการตัดสินใจ!

มีผู้นำในยุคสามก๊กมากมายที่ต้องพบจุดจบ เพราะขาดความสามารถในการตัดสินใจ!

ในฐานะผู้ตัดสินใจ  ผู้ปกครองต้องมีความคิดและความสามารถในการตัดสินใจในระดับหนึ่ง

ต้องสามารถตัดสินได้ว่าควรใช้กลยุทธ์ใด  ไม่ควรใช้กลยุทธ์ใด

ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับอ้วนเสี้ยว

มีทหารนับล้าน  มีกุนซือเก่งๆ มากมาย  แต่กลับไม่สามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม จนทำให้โจโฉพลิกสถานการณ์จากแพ้เป็นชนะ!

คำพูดของเขาเมื่อครู่นี้   แฝงไปด้วยข้อมูลมากมาย

ถ้าหากซุนเกี๋ยนเป็นคนฉลาด  ก็คงจะอนุมานได้ว่าเคราะห์เลือดที่เขากล่าวถึงก็คือความพ่ายแพ้นั่นเอง!

ส่วนกองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่นมักจะพ่ายแพ้ ก็คือต้นเหตุของความพ่ายแพ้นั่นเอง

ในเมื่อซุนเกี๋ยนสามารถรั้งเขาไว้ได้ การทดสอบด่านที่สามก็ถือว่าผ่าน

ต่อไปก็เป็นด่านที่สี่  เคารพผู้รู้และอ่อนน้อมถ่อมตน!

ท่าทีของซุนเกี๋ยนจะเป็นตัวตัดสินว่าเขาจะรับใช้ซุนเกี๋ยนหรือไม่

ขณะที่ไป๋หลี่หมิงและเตียวเลี้ยวหันหลังกลับ พวกเขาก็เห็นว่าซุนเกี๋ยนเดินเข้ามาหาพวกเขาแล้ว

"ขอไฉ่ซ่างโปรดชี้แนะ  ความพ่ายแพ้ที่ท่านกล่าวถึงคืออะไร"

"ท่านแม่ทัพ!"

"ท่านทำแบบนี้ไม่ได้!"

เหล่าแม่ทัพที่เดินตามหลังซุนเกี๋ยนมาต่างก็ตกตะลึง

ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่เอาผิดไป๋หลี่หมิงที่บุกเข้ามาในค่าย แล้วยังคารวะอีก?

เตียวเลี้ยวเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

เมื่อครู่นี้  ซุนเกี๋ยนยังลังเลอยู่เลย  พอไป๋หลี่หมิงหันหลังเดินจากไป  ซุนเกี๋ยนกลับวิ่งตามมา  แล้วคารวะ?

ไม่ธรรมดาจริงๆ

แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าไป๋หลี่หมิงพูดอะไรกับซุนเกี๋ยน

พวกเขาเห็นเพียงรอยยิ้มของไป๋หลี่หมิง

"ดูท่าทาง  ท่านแม่ทัพคงจะเชื่อข้าแล้วสินะ"

"ไฉ่ซ่าง  ข้าไม่กล้าไม่เชื่อท่าน"  ซุนเกี๋ยนตอบอย่างหนักแน่น  "ได้โปรด  ช่วยขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายในครั้งนี้  ทองร้อยตำลึง  ข้าจะมอบให้ในทันที"

ครั้งนี้  ซุนเกี๋ยน มั่นใจอย่างมาก

เพราะคำเตือนของไป๋หลี่หมิง  ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง

"กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่น มักจะพ่ายแพ้"  ไม่ใช่คำพูดที่ไร้สาระ   แต่เป็นคำเตือน!

นับตั้งแต่ที่เขายกทัพจากเมืองหนานหยาง จนมาถึงด่านโสหุย เขาเอาชนะข้าศึกมาโดยตลอด

ชัยชนะ ทำให้กองทัพฮึกเหิม  แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดอ่อนร้ายแรงเช่นกัน

กองทัพของเขาประมาท  เห็นได้ชัดจากท่าทีของซูเหมา

ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง  ก่อนที่ไป๋หลี่หมิงจะมาถึง เขายังคิดว่าอีกไม่นานก็จะบุกโจมตีด่านโสหุยได้แล้ว!

สำหรับกองทัพแล้ว นี่คือจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุด!

ส่วนเคราะห์เลือดที่ไป๋หลี่หมิงกล่าวถึง ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ  แต่คือความพ่ายแพ้ที่กองทัพของเขากำลังจะเผชิญ!

ใช้ทองร้อยตำลึง  เพื่อแก้ไขสถานการณ์  มันคุ้มค่าเกินไปแล้ว!

เพราะสิ่งที่เขาพึ่งพิงได้ในตอนนี้  ก็คือกองทัพสองหมื่นนายนี่แหละ

ถ้าไม่มีกองทัพแล้ว จะเอาเงินทองไปทำอะไร?

ดังนั้น  เขาจึงมั่นใจว่าไป๋หลี่หมิงต้องเป็นยอดคนอย่างแน่นอน!

เมื่อเผชิญหน้ากับยอดคนเช่นนี้ เขาต้องให้เกียรติ!

ไป๋หลี่หมิงพยักหน้าเล็กน้อย  การทดสอบเบื้องต้น  ซุนเกี๋ยนสอบผ่าน

"ท่านแม่ทัพ ไม่ต้องมากพิธี เรื่องเงินทองเอาไว้ทีหลัง  ตอนนี้ข้าหิวมาก  ไม่ทราบว่าพอจะมีอะไรให้ทานบ้างหรือไม่"

เขาไม่ได้พูดไปอย่างนั้น  แต่เขาหิวจริงๆ

วันนี้เขากับเตียวเลี้ยวรีบเดินทางโดยไม่ได้ทานอะไรเลย

ตอนซุนเกี๋ยนได้ยิน เขาก็ตกตะลึงในทีแรกและหัวเราะ

"ไฉ่ซ่าง  เรื่องเล็กน้อย ทองร้อยตำลึงให้ได้ จะไปกลัวกับแค่เสบียงได้ยังไง?”

ซุนเกี๋ยนหัวเราะ

"ตกลง"  ไป๋หลี่หมิงพยักหน้า  จากนั้นเขาก็เดินตามซุนเกี๋ยนเข้าไปในค่ายโดยไม่รอช้า

ซูเหมาเห็นดังนั้น ก็รีบเดินเข้ามาหาซุนเกี๋ยน

"ท่านแม่ทัพ  คนผู้นี้ มาจากที่ใดก็ไม่รู้ ไฉนเราต้องให้เกียรติมันด้วย"

"ต้าหรง  อย่าเสียมารยาท"  ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว  "ไฉ่ซ่าง เป็นแขกคนสำคัญของเรา  ถ้าเจ้ายังเสียมารยาทอีก  ข้าจะลงโทษเจ้าตามกฎทหาร"

เหล่าแม่ทัพได้ยินดังนั้นต่างก็พากันตกตะลึง

ซูเหมาไม่พอใจ  กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง   แต่เฉิงผู่รีบดึงแขนไว้เสียก่อน

"ฮึ่ม!"  ซูเหมาทำเสียงขู่ในลำคออย่างไม่พอใจ

ซุนเกี๋ยนเดินนำหน้าเข้าไปในค่าย

ยังไม่ทันถึงประตูค่าย  ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน

"ท่านแม่ทัพ   ฮัวหยงจากด่านโสหุย ส่งสารท้ารบ ขอท้าท่านแม่ทัพ  ประลองฝีมือที่หน้าด่าน"

เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันตกใจ

"บังอาจ! กลับไปบอกฮัวหยง  ข้าจะไปประลองกับมันในวันพรุ่งนี้"   ซุนเกี๋ยนพูดอย่างไม่เกรงกลัว

จากนั้นก็หันไปหาไป๋หลี่หมิง   "เชิญไฉ่ซ่าง"

"เชิญท่านแม่ทัพก่อนเถอะ"  ไป๋หลี่หมิงยิ้ม  จากนั้นก็เดินตามซุนเกี๋ยนเข้าไปในกระโจม

ซุนเกี๋ยน นั่งลงบนเก้าอี้  จัดที่นั่งให้ไป๋หลี่หมิงและเตียวเลี้ยวอยู่ทางด้านซ้าย ส่วน เฉิงผู่  หันต๋ง  ฮองตง  ซูเหมา   นั่งอยู่ทางด้านขวา

"ไฉ่ซ่าง เมื่อครู่ ท่านก็คงได้ยินแล้ว  ฮัวหยงส่งสารท้ารบ  พรุ่งนี้คงจะต้องเกิดศึกใหญ่อย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ ท่านบอกว่าข้าจะมีเคราะห์เลือด  หมายถึงศึกในวันพรุ่งนี้หรือไม่?"

เหล่าแม่ทัพต่างก็มองไปที่ไป๋หลี่หมิง

พวกเขาอยากรู้ว่า  ไป๋หลี่หมิงจะพูดว่าอย่างไร!

ถ้าหากไป๋หลี่หมิง  บอกว่าเคราะห์เลือดจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ ก็คงจะไม่มีประโยชน์

ท่ามกลางสายตาของทุกคน  ไป๋หลี่หมิง ส่ายหัวและยิ้ม

"เหตุใดต้องรอถึงวันพรุ่งนี้?  ถ้าข้าเป็นฮัวหยง คืนนี้ข้าจะยกทัพมา"

"นี่คือกลยุทธ์ของศัตรูเพื่อให้ข้าศึกประมาท!”

ทันทีที่ไป๋หลี่หมิงพูดจบ ทุกคนในกระโจมก็พากันเงียบ

ไป๋หลี่หมิง บอกว่าคืนนี้ฮัวหยงจะยกทัพมา?

เกิดอะไรขึ้น?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด