ตอนที่ 3 กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่น มักจะพ่ายแพ้
ซุนเกี๋ยนเดินออกจากกระโจม นำเหล่าแม่ทัพตรงไปยังประตูค่าย
ยังไม่ทันถึงประตูค่าย พวกเขาก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม ดังมาจากด้านนอก
เมื่อเข้าไปใกล้ พวกเขาก็เห็นทหารหลายสิบนาย นอนร้องโอดโอยอยู่กับพื้น
เมื่อเห็นดังนั้น เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
แม้แต่ซุนเกี๋ยนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
แต่เมื่อสายตาของพวกเขามองไปที่ประตูค่าย ทุกคนก็ต้องตะลึง
มีบุรุษสองคนยืนอยู่ที่ประตูค่าย คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดุร้ายราวกับอสูร
แม้แต่ซูเหมา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง เมื่อได้เห็นบุรุษผู้นี้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจ
ช่างแข็งแกร่งสมชื่อจริงๆ!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาสามารถสู้กับทหารของพวกเขาล้มไปหลายสิบนายได้!
ถ้าเขาใจร้อน วิ่งออกไป คงต้องเจ็บตัวกลับมาเป็นแน่
ส่วนซุนเกี๋ยน ดวงตาเป็นประกาย
ซุนเกี๋ยนเป็นยอดนักรบ พียงแค่ได้เห็นเตียนอุยแวบเดียวเขาก็รู้ได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้จะต้องเป็นยอดขุนพลอย่างแน่นอน!
ถ้าหากสามารถชักชวนบุรุษผู้นี้มาเป็นพวกได้ การเดินทางครั้งนี้คงไม่เสียเที่ยวเป็นแน่!
เมื่อคิดดังนั้น ทุกคนจึงหันไปมองไป๋หลี่หมิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียนอุย
ไป๋หลี่หมิงรูปร่างผอมบาง เมื่อเทียบกับเตียนอุยแล้ว ช่างดูบอบบางยิ่งนัก
ไป๋หลี่หมิงสวมเสื้อคลุมสีขาว คิ้วคมดุจดาบ แววตาเฉลียวฉลาด ยืนอยู่หน้าประตูค่าย ดูสง่างามราวกับเทพเซียน
เตียนอุยกับไป๋หลี่หมิงยืนอยู่ด้วยกัน ช่างดูแปลกประหลาดยิ่งนัก!
คนพวกนี้ต้องมีดีซ่อนไว้แน่ๆ!
เมื่อซุนเกี๋ยนได้เห็นลักษณะของทั้งคู่ เขาก็สรุปแบบนั้นในใจ
แน่นอนว่าคนที่เขากำลังหมายถึงคือไป๋หลี่หมิง ไม่ใช่เตียนอุย
ถึงแม้ว่าเตียนอุย จะมีรูปร่างหน้าตาน่าเกรงขาม แต่เมื่อครู่นี้ เขาก็ได้ยินทหารรายงานว่าบุรุษผู้นั้นเป็นแค่ผู้ติดตาม
บัณฑิตผู้นี้สามารถหาคนอย่างเตียนอุยมาเป็นผู้ติดตามได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน!
ซุนเกี๋ยนเดินตรงไปที่หน้าประตูค่าย คารวะไป๋หลี่หมิงอย่างนอบน้อม
"ข้า ซุนเกี๋ยน ได้ยินว่าท่านมาหาข้า?"
ไป๋หลี่หมิงยิ้มเล็กน้อย
ความจริงแล้ว ตอนที่ซุนเกี๋ยนกำลังพิจารณาเขาอยู่นั้น เขาก็แอบพิจารณาซุนเกี๋ยนอยู่เช่นกัน
รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ดูสง่างาม
ที่สำคัญซุนเกี๋ยนไม่ได้แสดงท่าทีดูถูกเหยียดหยาม แต่กลับคารวะเขาก่อน
จากมารยาทนี้ ซุนเกี๋ยนเป็นคนที่ใจกว้างและยอมรับฟังผู้อื่น
"ท่านแม่ทัพซุน ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องลำบาก" ไป๋หลี่หมิงคารวะ
"ท่านแม่ทัพพูดถูก ข้ามาที่นี่ เพื่อพบกับท่านโดยเฉพาะ"
"โอ้? แล้วท่านมีธุระอันใดกับข้า จึงได้มาถึงที่นี่" ซุนเกี๋ยนมองไป๋หลี่หมิงด้วยสายตาประหลาดใจ
หรือว่าบัณฑิตผู้นี้ตั้งใจมาเพื่อรับใช้เขา?
ถ้าเป็นเช่นนั้น เขายินดีอย่างยิ่ง!
ไป๋หลี่หมิงดูเหมือนจะรู้ว่าซุนเกี๋ยนกำลังคิดอะไรอยู่จึงยิ้มน้อยๆ
"ไม่มีอะไรหรอก ข้ากับพี่ชายเดินทางผ่านมาทางนี้ บังเอิญว่าเสบียงอาหารหมด จึงอยากขอเงินทองและเสบียงอาหาร ท่านแม่ทัพพอจะสะดวกหรือไม่?"
ว่าจบไป๋หลี่หมิงก็มองซุนเกี๋ยนด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึง
เตียนอุยเกาหัวทำหน้างง ไม่เข้าใจสถานการณ์
เรามาที่นี่เพื่อรับใช้ท่านแม่ทัพไม่ใช่เหรอ?
ไฉนถึงกลายเป็นขอเงินทองและเสบียงอาหารไปได้?
ฝ่ายซุนเกี๋ยน เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันไม่พอใจ
ส่วนซุนเกี๋ยน เมื่อได้ยินว่าไป๋หลี่หมิงไม่ได้มาเพื่อรับใช้เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ที่พวกเจ้าทำเรื่องใหญ่โต ก็แค่เพื่อมาขอทาน?
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
แต่ถึงอย่างไร ซุนเกี๋ยนก็ไม่ใช่คนใจแคบ จึงยิ้มและพูดว่า
"เรื่องเล็กน้อย ถ้าเป็นเสบียงอาหาร ท่านจะเอาเท่าไหร่ก็เอาไปเถอะ"
"ส่วนเงินทอง ท่านต้องการเท่าไหร่?"
"ไม่มากหรอก ร้อยตำลึงทองก็พอ!" ไป๋หลี่หมิงตอบ
"ว่าไงนะ? ร้อยตำลึง?"
ยังไม่ทันที่ซุนเกี๋ยนจะได้พูดอะไร เหล่าแม่ทัพที่ยืนอยู่ด้านหลังก็โพล่งออกมาด้วยความไม่พอใจ
"เจ้ามันช่างกล้า!"
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าร้อยตำลึงมันมากขนาดไหน?"
"เจ้าเป็นใคร กล้าดียังไง ถึงมาหลอกลวงกองทัพของเรา!"
เตียนอุยมองเหล่าแม่ทัพด้วยแววตาไม่พอใจ และยืนขวางหน้าไป๋หลี่หมิง เหมือนกับกำลังปกป้อง
ไป๋หลี่หมิงมองซุนเกี๋ยนอย่างใจเย็น
ซุนเกี๋ยนรู้สึกว่าแววตาของบัณฑิตผู้นี้ช่างลึกล้ำราวกับสามารถมองทะลุทุกอย่าง
เขารู้สึกว่า คำพูดของไป๋หลี่หมิน่าจะมีความหมายแฝง
แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าความหมายแฝงที่ไป๋หลี่หมิงต้องการจะสื่อคืออะไร
"ท่านหมายความว่าอย่างไร?" ซุนเกี๋ยนถาม
"พวกเราเพิ่งเคยพบกันเป็นครั้งแรก ร้อยตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ"
"ท่านจะเอาเงินจำนวนนี้ไปไหน เหตุใด ถึงต้องการเงินจำนวนมากขนาดนี้"
"อีกอย่าง ถึงข้าจะให้เงินไป แต่ท่านอยู่คนเดียว ในที่เปลี่ยวร้างแบบนี้ ข้าเกรงว่าท่านจะเอาเงินไปไม่ได้"
"ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวล เรื่องนั้น" ไป๋หลี่หมิง ยิ้ม
"ท่านแม่ทัพ แค่บอกมาว่าจะให้หรือไม่ให้"
"แน่นอน ถ้าท่านยอมให้ ข้าก็มีเรื่อง อยากจะตอบแทน"
"ตอบแทน?" ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว
"ท่านจะตอบแทนข้าด้วยอะไร?"
"ข้าดูเรื่องโหงวเฮ้งเป็นนิดหน่อย เห็นว่าท่านแม่ทัพหน้าผากคล้ำระหว่างคิ้วมีเคราะห์เลือด วันนี้ท่านแม่ทัพจะต้องมีเคราะห์เลือด" ไป๋หลี่หมิง กล่าวอย่างจริงจัง
"ถ้าท่านแม่ทัพ ยอมจ่ายเงินร้อยตำลึง ข้ายินดีช่วยท่านแม่ทัพแก้ไขเคราะห์ร้ายในครั้งนี้"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า..."
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น ทุกคนก็มองไป๋หลี่หมิง ด้วยสายตาเหยียดหยาม
"ท่านแม่ทัพ อย่าไปเชื่อ คนผู้นี้จะต้องเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ มาหลอกเงินทอง เป็นแน่"
"วันนี้ กองทัพของเราเพิ่งได้รับชัยชนะ ข้าศึกพ่ายแพ้ หนีกลับเข้าด่านไปหมดแล้ว"
"ท่านแม่ทัพ มีพวกเราคอยอารักขาจะเกิดเคราะห์เลือดได้อย่างไร?"
"อย่าไปเชื่อ คนผู้นี้"
"ที่หยางโจว มีหมอดูปลอมที่คอยหลอกลวงชาวบ้านแบบนี้เยอะแยะ พวกมันจะขู่ให้กลัว ก่อนที่จะหลอกเอาเงินทอง"
"เจ้า!" เตียนอุยโกรธมาก "กล้าดียังไง มาดูถูกน้องของข้า"
"น้องของข้าเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังมีเคราะห์จึงเตือนด้วยความหวังดี จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ ไฉนถึงได้มาดูถูกกันเช่นนี้"
ตอนนี้ เตียนอุยเข้าใจแล้วว่าไป๋หลี่หมิงไม่ได้มาเพื่อขอเงิน แต่กำลังทดสอบซุนเกี๋ยนอยู่
ซุนเกี๋ยนยังไม่ทันได้พูด ซูเหมากลับพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
ซูเหมาเห็นเตียนอุยกล้าต่อว่าก็โกรธมาก ชักดาบออกมากะทันหัน
"เจ้าคิดว่า ข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าหรือไง?"
"เจ้าคิดว่า ข้ากลัวเจ้าหรือไง?" เตียนอุยตอบกลับ พลางหยิบง้าวคู่ เตรียมพร้อมต่อสู้
เตียนอุยกับซูเหมาจ้องกันด้วยสายตาเป็นประกาย
ดูท่า ทั้งคู่คงจะต่อสู้กันเเล้ว
"ใจเย็นๆ พี่เตียนอุย" ไป๋หลี่หมิงรีบห้าม
"ท่านแม่ทัพ คิดเห็นเช่นไร?"
ซุนเกี๋ยนลังเล
เขาคิดว่าไป๋หลี่หมิงต้องมีจุดประสงค์ คำพูดของบัณฑิตผู้นี้ต้องมีความหมายแฝง
แต่ไป๋หลี่หมิง กลับขอทองร้อยตำลึง แล้วยังบอกว่าเขากำลังจะมีเคราะห์เลือด คำพูดเหล่านี้ ไม่ต่างอะไรกับคำพูดของพวกสิบแปดมงกุฎ
ที่สำคัญไป๋หลี่หมิงระบุว่าจะต้องพบเขา
เห็นได้ชัดว่าไป๋หลี่หมิงไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน
แล้วทำไม ไป๋หลี่หมิงถึงอยากพบเขา เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
"ดูท่าทาง ท่านแม่ทัพ คงไม่เชื่อข้าสินะ" ไป๋หลี่หมิงยิ้ม
"เอาเถอะ พี่เตียนอุย เราไปหาบ้านอื่นกันเถอะ"
พูดจบ ไป๋หลี่หมิงก็หันหลังและเดินจากไปโดยไม่ลังเล
เตียนอุยรู้ว่าซุนเกี๋ยนสอบไม่ผ่าน
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เขาก็เชื่อมั่นในการตัดสินใจของไป๋หลี่หมิง
เตียนอุยจ้องซูเหมาด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่จะเดินตามไป๋หลี่หมิงไป
เหล่าแม่ทัพมองทั้งคู่อย่างงุนงง
ทำไม ถึงได้เดินจากไปง่ายๆ แบบนั้น?
ที่พวกเขามาก็เพื่อเรื่องนี้ไม่ใช่รึไง?
มีเพียงซุนเกี๋ยนเท่านั้นที่มองไปยังไป๋หลี่หมิงและเตียนอุยที่กำลังเดินจากไปด้วยสีหน้าครุ่นคิดราวกับเพิ่งสูญเสียสิ่งสำคัญไป
ทันใดนั้น ไป๋หลี่หมิงก็หยุดเดินหันกลับมาและยิ้ม
"ท่านแม่ทัพ ข้าขอเตือนด้วยความหวังดี กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่นมักจะพ่ายแพ้ โปรดระวังตัวด้วย"
พูดจบไป๋หลี่หมิงก็หันหลังและเดินจากไป
เหล่าแม่ทัพได้ยินดังนั้นต่างก็พากันโกรธเคือง
นี่มันหมายความว่ายังไง?
พอหลอกลวงไม่สำเร็จก็ข่มขู่ ?
"คนผู้นี้ ช่างไร้มารยาท" ซูเหมาพูดอย่างหัวเสีย
เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันโกรธเคือง
แต่ซุนเกี๋ยนกลับตกใจ
"กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่นมักจะพ่ายแพ้...กองทัพที่ชอบดูถูกผู้อื่น มักจะพ่ายแพ้..."
ซุนเกี๋ยนพึมพำอยู่หลายครั้ง ทันใดนั้น แววตาของเขาก็เป็นประกาย รีบวิ่งไล่ตามไป๋หลี่หมิงและตะโกน
"ไฉ่ซ่าง โปรดหยุดก่อน ไฉ่ซ่าง โปรดหยุดก่อน"