ตอนที่ 2 ทำนายโชคชะตาสวรรค์และกลยุทธ์ผี
ไป๋หลี่หมิงมองเตียนอุยวิ่งหนีไป ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ดูท่าทางพี่เตียนอุย คงกลัวเขาจนหัวหดไปแล้วกระมัง
เรื่องที่ซุนเกี๋ยนจะไปตั้งทัพที่เหลียงตง เขาไม่ได้เดามั่วๆ
แต่เป็นการอนุมานอย่างมีเหตุผล โดยอาศัยความรู้ความเข้าใจในโลกใบนี้
ก็เพราะว่าเขาคือคนที่มาจากโลกอนาคต
เมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขาประสบอุบัติเหตุ และได้มาอยู่ในร่างของคนแปลกหน้า ในยุคสามก๊ก
ไม่เพียงแต่จะกลายเป็นหนุ่มขึ้นเท่านั้น เขายังได้ระบบติดตัวมาด้วย
ระบบนี้มีชื่อว่าระบบชื่อเสียง โดยมีเทมเพลตให้เลือกสี่แบบได้แก่ วีรบุรุษกู้แผ่นดิน เสนาบดีผู้ภักดี ขุนพลผู้กล้าหาญ และยอดกุนซือ
ตามชื่อ หน้าที่ของระบบคือการสร้างชื่อเสียงให้โด่งดัง ผ่านเทมเพลตที่เลือกเพื่อรับรางวัล
แน่นอนว่า หลังจากเลือกเทมเพลตที่ต้องการแล้ว ทุกสิ่งที่ทำจะต้องสอดคล้องกับสิ่งที่เทมเพลตนั้นกำหนด
ในฐานะที่เป็นคนธรรมดา ที่บังเอิญหลุดมาอยู่ในยุคสามก๊ก เขาจึงตัดเทมเพลต วีรบุรุษกู้แผ่นดิน และเสนาบดีผู้ภักดีออกไปเป็นอันดับแรก
เพราะภารกิจสุดท้ายของเทมเพลตวีรบุรุษกู้แผ่นดิน คือการยึดครองแผ่นดิน
ส่วนเขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีแม้กระทั่งที่มาที่ไป จะไปต่อกรกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ หรือตระกูลใหญ่ๆเพื่อแย่งชิงแผ่นดินได้อย่างไร
ยุคฮั่นตะวันออกคือยุคที่อำนาจอยู่ในมือของเหล่าตระกูลใหญ่
ถ้าอยากจะเป็นใหญ่ โดยที่ไม่มีอะไรเป็นต้นทุน ก็ลองไปถามเล่าปี่ดูก็แล้วกัน
ส่วนเสนาบดีผู้ภักดีก็ต้องพึ่งพาชาติตระกูลถึงจะมีโอกาสไต่เต้าได้สูง
ถ้าอยากจะเลื่อนขั้น ด้วยผลงาน อย่างเก่งก็แค่เป็นเจ้าเมืองหรือเจ้าแคว้นที่มีเงินเดือนสองพันตำลึงเท่านั้นแหละ
เมื่อตัดสินใจไม่เลือก วีรบุรุษกู้แผ่นดินและเสนาบดีผู้ภักดีแล้ว เขาก็เหลือทางเลือกแค่ขุนพลผู้กล้าหาญกับยอดกุนซือเท่านั้น
เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ในที่สุด เขาก็เลือกเทมเพลตยอดกุนซือ
เพราะอะไรน่ะหรือ?ก็เพราะว่าขุนพลต้องออกรบ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
อย่างกวนอู เก่งกาจเพียงใด ยังต้องมาตายเพราะโดนธนูอาบยาพิษ
แบบนี้เขาไม่เอาด้วยหรอก แค่คิดว่าจะต้องโดนขูดกระดูก รักษาบาดแผล ก็ขนลุกแล้ว
ยิ่งยุคสมัยนี้ แค่เป็นบาดทะยัก ก็อาจถึงตายได้
เขาอยากจะมีชีวิตยืนยาว ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หาสาวงามมาเป็นฮูหยินสักคนสองคน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ดีกว่าเยอะ
ดังนั้น เขาจึงผันตัวมาเป็นกุนซือ
รางวัลเริ่มต้นของระบบคือคุณลักษณะสามอย่าง ข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ และความรู้ทั้งหมดในยุคนี้
[ทำนายโชคชะตาสวรรค์]: สามารถทำนายความปลอดภัยของตนเอง และผลลัพธ์ของสงครามด้วยการทำนาย
[กลยุทธ์ผี]: สามารถมองเห็นโอกาส ที่คนอื่นมองไม่เห็นได้อย่างง่ายดาย และใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม!
[ทิพยเนตร]: กับดักและกลยุทธ์ทั้งหมดจะถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตา!
หลังจากได้รับคุณลักษณะทั้งสามอย่างนี้แล้ว เขาก็กลายเป็นยอดกุนซือแห่งยุคทันที
แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว คือยอดกุนซือต้องผูกติดกับผู้ปกครองถึงจะได้รับค่าชื่อเสียง
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขามาอยู่ที่นี่
เพื่อเลือกผู้ปกครองที่ชาญฉลาด และติดตามรับใช้
ซุนเกี๋ยน คือเป้าหมายแรกของเขา
เหตุผลที่เขาเลือกซุนเกี๋ยนก็เพราะว่าเขารู้จัก โจโฉ และ เล่าปี่ ดีเกินไป
โจโฉ เจ้าเล่ห์ เหี้ยมโหด
เล่าปี่เสแสร้ง หน้าไหว้หลังหลอก
ทั้งคู่ต่างก็มีข้อดี และข้อเสีย ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
มีเพียงซุนเกี๋ยนเท่านั้น ที่เพราะตายเร็วเกินไป จึงไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือให้ประจักษ์
สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับซุนเกี๋ยนก็คือคำบรรยายในพงศาวดาร
"รูปร่างหน้าตาสง่างาม ใจกว้าง รักความยุติธรรม ซื่อสัตย์"
"กล้าหาญเด็ดเดี่ยว สร้างฐานะด้วยตนเอง เป็นวีรบุรุษ กล้าหาญชาญฉลาด มีความทะเยอทะยาน แต่ใจร้อนวู่วาม ซึ่งนำไปสู่ความตายและความล้มเหลว"
จากคำบรรยายทั้งสองนี้ ซุนเกี๋ยนไม่มีข้อบกพร่องร้ายแรงและมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำที่ชาญฉลาด
ส่วนเรื่องใจร้อน วู่วาม ผู้นำส่วนใหญ่ก็เป็นกันทั้งนั้นแหละ
อย่างเล่าปี่ที่ว่าใจดี ยังเคยเฆี่ยนเจ้าเมืองและประมาทข้าศึกจนพ่ายแพ้ย่อยยับมาแล้ว
ตราบใดที่ซุนเกี๋ยนยอมรับฟังคำแนะนำ ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา!
ที่สำคัญซุนเกี๋ยน ไม่มีกุนซือคอยให้คำปรึกษา
ซุนเกี๋ยน สร้างฐานะขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีกุนซือ คอยให้คำปรึกษา ถ้าหากเขาติดตามรับใช้ซุนเกี๋ยน ย่อมต้องโดดเด่นกว่าใครแน่นอน
แต่ไป๋หลี่หมิง ก็ไม่ได้รีบร้อน ที่จะตัดสินใจเลือกผู้นำ
ถ้าซุนเกี๋ยนคู่ควรกับการช่วยเหลือ เขาก็จะทุ่มเทช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ถ้าซุนเกี๋ยน ไม่คู่ควรกับการช่วยเหลือ หลังจากที่เขาสร้างชื่อเสียงได้แล้ว ค่อยไปหาเล่าปี่หรือโจโฉ ก็ยังไม่สาย
แค่เสียเวลาเพิ่มอีกสองสามปี เท่านั้นเอง
ยังไงซะ เขาก็ได้เกิดใหม่ มีอายุยืนยาว แค่นี้จิ๊บจ๊อย
ไป๋หลี่หมิงเหลือบมองแผงระบบ
เจ้าของ : ไป๋หลี่หมิง
อายุ: 19
พลัง: ไม่มี
ชื่อเสียง: 1
ผู้บัญชาการ: 36 กำลังทหาร : 21 สติปัญญา: 94 การปกครอง: 82 เสน่ห์: 90
คุณลักษณะ: [ทำนายโชคชะตาสวรรค์] [กลยุทธ์ผี] [ทิพยเนตร]
คุณลักษณะที่ยังไม่ได้เปิดใช้งาน: [ดึงดูดผู้คน] [อาวุธลับ] [พรสวรรค์ด้านการค้า] [อัจฉริยะทางทหาร] [เวลา] [ข้อได้เปรียบด้านชัยภูมิ] ...
"ไม่ว่าจะคำนวณยังไง ข้าก็เป็นอัจฉริยะชัดๆ"
ไป๋หลี่หมิงพึมพำ พลางมองไปข้างหน้า
"แต่ไม่รู้ว่าซุนเกี๋ยนคู่ควรกับการช่วยเหลือหรือเปล่านะ"
ไป๋หลี่หมิง เดินลงจากเขาไปอย่างช้าๆ
......
ศาลาเหลียงตง เมืองเหอหนาน
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากด่านโสหุยกว่าสามสิบลี้
หลังจากที่ซุนเกี๋ยนได้รับชัยชนะ เขาก็กลับไปยังเหลียงตงพร้อมกับทหารและเชลยศึกรวมแล้วกว่าสองหมื่นนาย
สถานที่แห่งนี้อยู่ระหว่างภูเขาทั้งสองลูก มีกระโจมกางอยู่เป็นระยะทางหลายลี้
ซุนเกี๋ยนนั่งอยู่ในกระโจมใหญ่ฟังเฉิงผู่ รายงานความสูญเสียในครั้งนี้
เฉิงผู่รูปร่างสูงใหญ่ มือถือแผ่นไม้ไผ่ รายงานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ศึกครั้งนี้ กองทัพของเราสูญเสียทหารไปกว่าพันนาย บาดเจ็บห้าร้อยนาย สังหารข้าศึกได้มากกว่าพันนายและจับเชลยได้เกือบแปดร้อยนาย"
"นอกจากนี้ เรายังได้ม้าศึกมาอีกสองพันตัว ชุดเกราะมากกว่าพันชุด และกระบี่ หอก ง้าว อีกนับพันเล่ม"
"ศึกครั้งนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่!"
เมื่อได้ฟังดังนั้น เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันยินดี
เชลยแปดร้อยนาย ม้าศึกสองพันตัว พวกเขาสามารถตั้งกองทัพม้าได้อีกกองทัพหนึ่ง!
ถ้ามีทัพม้าพันนาย การต่อสู้กับตั๋งโต๊ะในครั้งหน้า พวกเขาก็ไม่ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกต่อไป
ซุนเกี๋ยนลูบเคราเสือเบาๆ ด้วยสีหน้ายินดี
ต้องยอมรับว่าศึกครั้งนี้ เขาต่อสู้ได้อย่างสวยงาม!
ผลลัพธ์ที่ได้ล้วนมาจากการวางแผนอันแยบยลของเขาทั้งสิ้น
แต่หลังจากหัวเราะได้ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวล
"ถึงแม้กองทัพของเราจะชนะศึกครั้งนี้ แต่ข้าเกรงว่าเสบียงอาหารที่เหลืออยู่คงไม่พอ"
"รองผู้นำพันธมิตรหยวนยังไม่ส่งเสบียงอาหารมาให้เราอีกหรือ?"
"ยังขอรับ" เฉิงผู่ ตอบ "ข้าพเจ้าได้ส่งคนไปเร่งแล้ว คาดว่าคงอีกไม่นาน เสบียงอาหารคงมาถึง"
ผึง!
ยังไม่ทันที่เฉิงผู่จะพูดจบ ซุนเกี๋ยนก็ทุบโต๊ะเสียงดังพลางขมวดคิ้ว
"ยังไม่มาอีกหรือ? เสบียงอาหารของกองทัพเรา เหลืออยู่แค่พอวันเดียวเท่านั้น ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้รับเสบียง ทหารของเราจะอดตายกันหมด หยวนซู มันทำอะไรอยู่!"
"ส่งคนไปเร่งอีก รีบไป!"
เมื่อเห็นซุนเกี๋ยนโกรธ เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันก้มหน้า
"ขอรับ!"
เหล่าแม่ทัพรับคำ กำลังจะออกไป
แต่ในขณะนั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามารายงาน
"รายงาน! มีคนมาขอพบขอรับ!"
“แม่ทัพหยวนส่งคนมาส่งเสบียงแล้วหรือ?” ซุนเกี๋ยนถามอย่างมีความหวัง
"ไม่ใช่ขอรับ เป็นบัณฑิตมาขอพบท่าน"
"บัณฑิต?" ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว
"บัณฑิตที่ไหน ไม่อยากพบ ไล่มันไป"
"ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไล่ไปแล้ว แต่เขายืนยันจะพบให้ได้ขอรับ"
"ถ้ามันไม่ยอมไป ก็เอาไม้ไล่ตีมันไปสิ"
ก่อนซุนเกี๋ยนจะได้พูด ซูเหมาที่หัวร้อนก็เอ่ยอย่างหัวเสีย
"ไม่ได้ขอรับ บัณฑิตคนนั้น พาคนรับใช้มาด้วย คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ต่อสู้กับทหารของเรา ล้มไปหลายสิบนายแล้ว"
เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันตกใจ
ต่อสู้กับทหารของพวกเขา ล้มไปหลายสิบนาย?
แค่สองคน ก็บุกเข้ามาถึงที่นี่ได้?
"คนผู้นั้นช่างบังอาจ กล้าดียังไงถึงมาอาละวาดถึงที่นี่ ข้าจะไปจัดการเอง" ซูเหมาโพล่งออกมาอย่างโมโห
ซูเหมากำลังจะออกไป
แต่ซุนเกี๋ยนกลับห้ามไว้เสียก่อน
"ช้าก่อน ต้าหรง ให้ข้าไปดูด้วยตัวเอง"
"ท่าน ทำไมต้องลำบากไปด้วย ข้าไปจัดการเองก็ได้" ซูเหมากล่าว
"ไม่ได้" ซุนเกี๋ยนส่ายหัว ดวงตาเป็นประกาย
"คนทั้งสองจะต้องมีจุดประสงค์ที่บุกเข้ามาถึงที่นี่ ข้าต้องไปดูด้วยตัวเอง"
"ถ้าพวกเขาเป็นคนมีความสามารถ การกระทำของเจ้าคงทำให้พวกเขาขุ่นเคืองเอาได้"
ว่าจบ ซุนเกี๋ยนก็ลุกขึ้น และเดินออกไปจากกระโจม