ตอนที่แล้วตอนที่ 15 อาจารย์ซ่ง (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 อาจารย์ซ่ง (3)

ตอนที่ 16 อาจารย์ซ่ง (2)


ตอนที่ 16 อาจารย์ซ่ง (2)

ครั้นเห็นอาจารย์ซ่งไม่ยอมรับปาก อวี้ซีจึงส่งสายตาละห้อยมองไปยังชิวซื่อ

ชิวซื่อยิ้มพลางกล่าว "อาจารย์ซ่ง เด็กคนนี้หัวไวและฉลาดหลักแหลม ไม่ถึงเดือนก็เรียนรู้ ‘คัมภีร์สามอักษร’ ‘ตำราร้อยสกุล’ และ ‘ตำราพันอักษร’ ท่านลองให้โอกาสนางดูเถิด หากถึงเวลานั้นแล้วนางถ่วงความก้าวหน้าของคนอื่น ไม่ต้องให้ท่านพูด นางก็จะยอมแพ้ไปเอง"

อาจารย์ซ่งประหลาดใจเล็กน้อย

ชิวซื่อเห็นอาจารย์ซ่งเริ่มคลายความกังวลลงจึงรีบบอก "หากท่านไม่เชื่อก็สามารถทดสอบนางได้"

ชิวซื่อเป็นคนของจวนกั๋วกง อาจารย์ซ่งจึงต้องให้เกียรติอยู่บ้างจึงเอ่ย "คุณหนูสี่ หากเจ้าตอบคำถามของข้าได้ ข้าสัญญาว่าจะสอนเจ้า"

อวี้ซีขานรับโดยเร็ว "ตกลง"

อาจารย์ซ่งมองท่าทีมั่นอกมั่นใจของอวี้ซีแล้วบอก "ความจริงใจแต่แรกเริ่มงามงด ความระแวดระวังทิ้งท้ายเหมาะสมยิ่ง การงานรุ่งโรจน์เป็นฐานราก ชื่อเสียงเลื่องลือไร้จำกัด..." พูดมาถึงตรงนี้ อาจารย์ซ่งหยุดลงและมองไปที่อวี้ซี

เด็กหญิงเข้าใจให้ตนท่องต่อ จึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว "ส้มหวานรักษาไว้ ขับขายยามลาจาก คีตล้ำค่า มรรยาทส่อสูงต่ำ..." นางท่องเนื้อหาทั้งหมดที่เหลือออกมาภายในลมหายใจเดียว

อาจารย์ซ่งพยักหน้าเล็กน้อยแล้วสั่ง "เขียนสองคำให้ข้าดู" เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ดี ไม่รู้ว่าคนที่ไปสืบข่าวได้ข้อมูลมาอย่างไร ถึงได้บอกว่านางเชื่องช้าและโง่เขลา ไม่อาจฝากความหวังไว้ได้

อวี้ซีเขียนตัวอักษรใหญ่สี่ตัว 'สวรรค์ย่อมตอบแทนคนขยันหมั่นเพียร'

อาจารย์ซ่งเห็นอีกฝ่ายนั่งหลังตรงเขียนตัวอักษรด้วยสายตาจดจ่อ จึงพยักหน้าในใจ เมื่อเห็นว่าแม้ตัวอักษรที่อวี้ซีเขียนจะไม่สวยงามนัก แต่ก็เขียนได้อย่างถูกต้องจึงถาม "การติดตามข้าเพื่อร่ำเรียนนั้นยากลำบาก เจ้ายังเด็ก ไม่จำเป็นต้องทนทุกข์เช่นนี้"

อวี้ซีเอ่ยอย่างแน่วแน่ "ตราบใดที่ท่านให้โอกาสข้า ข้าต้องเรียนได้แน่อน" ชาติก่อนอวี้เฉินเป็นศิษย์คนสุดท้ายของอาจารย์ซ่ง หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยุติบทบาทอาจารย์ แน่นอนว่าอวี้เฉินไม่ได้ทำให้นางเสียชื่อ

อาจารย์ซ่งกล่าวเสียงเรียบ “ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดี แต่หากมั่นใจมากเกินไปจะกลายเป็นความเย่อหยิ่ง”

ด้านอวี้ซีน้อมรับคำวิจารณ์ "อาจารย์ ต่อไปข้าจะระมัดระวัง"

อาจารย์ซ่งพยักหน้ารับเล็กน้อย “หลังจากนี้หากเรียนไม่ทัน ถ่วงความก้าวหน้าของคนอื่น ข้าจะไม่ปราณี”

คำพูดนี้ชวนให้อวี้ซีสะดุ้ง นางเงยหน้ามองอาจารย์ซ่งแล้วบอก "ข้าจะไม่ถ่วงความก้าวหน้าของคนอื่น" นางไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ แม้จะไม่สามารถทำให้อาจารย์ซ่งรับเป็นศิษย์ได้ นางก็ต้องผ่านช่วงเวลาหลายเดือนแรกไปให้ได้

เมื่อตกลงรับอวี้ซีเป็นศิษย์แล้ว อาจารย์ซ่งจึงกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่า "ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านทราบกฎของข้าดี ระหว่างที่ข้าสอน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถคัดค้านได้" หากยอมให้ทุกคนมาคอยบงการ นางจะทุ่มเทสอนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าตกลงทันทีก่อนตอบ "แน่นอนอยู่แล้ว" ดั่งคำกล่าวที่ว่า "อาจารย์เข้มงวดมักมีลูกศิษย์เก่งกาจ" ศิษย์ที่ร่ำเรียนกับอาจารย์ซ่ง ต่อให้ไม่ได้เป็นสตรีมากสามารถ แต่ก็ต่างมีชื่อเสียงดีงามนัก ที่สำคัญที่สุดคือนางเชิญอาจารย์ซ่งมาเพื่ออวี้เฉินโดยเฉพาะ จึงเชื่อมั่นอย่างมากว่าอาจารย์ซ่งจะต้องพอใจในตัวหลานสาวผู้นี้

พูดคุยกันเสร็จแล้วชิวซื่อก็พาอาจารย์ซ่งไปยังเรือนอวี้หลานด้วยตนเอง ส่วนคุณหนูทั้งสี่กลับไปเตรียมตัวที่เรือนของตน เพื่อไปเรียนที่เรือนอวี้หลานในช่วงบ่าย

เรือนอวี้หลานตั้งอยู่ทางตะวันตก มีการปลูกต้นไม้ต่างๆ ไว้โดยรอบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง บรรยากาศเงียบสงบมาก ส่วนชื่อเรือนอวี้หลานนั้นก็มาจากการที่ปลูกต้นอวี้หลานหลายต้นไว้

อาจารย์ซ่งเห็นภายในเรือนแล้วพึงพอใจไม่น้อย ครั้นก้าวเข้าไปในห้องและเห็นการจัดเตรียมเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ยิ่งปลาบปลื้ม "ขอบคุณฮูหยิน"

ชิวซื่อยิ้มพลางบอก "ขอเพียงท่านชอบก็พอ"

หลังส่งชิวซื่อกลับไปแล้ว แม่เฒ่าติงที่อยู่ข้างอาจารย์ซ่งก็ทักท้วงอย่างไม่พอใจ "อาจารย์ซ่ง ท่านจะรับปากพวกนางทำไม คุณหนูสี่ตัวแค่นั้นยังต้องให้แทรกเข้ามา ทั้งที่ตกลงกันไว้ว่าจะสอนเพียงคุณหนูทั้งสาม" แม่เฒ่าติงเติบโตมากับอาจารย์ซ่งตั้งแต่เด็ก และคอยอยู่เคียงข้างมาโดยตลอด

สีหน้าของอาจารย์ซ่งผ่อนคลายลงมากเมื่อเหลืออยู่กันเพียงลำพัง ไร้ซึ่งแววเคร่งขรึมก่อนหน้านี้ นางตอบ "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" ถึงอวี้ซีจะมั่นใจนักหนา ทว่านางก็ไม่เชื่อว่าเด็กหญิงจะอดทนไหว ไม่ใช่ว่านางคิดดูถูก แต่อวี้ซียังเด็กเกินไป ด้วยวัยเท่านี้คงไม่อาจทนความยากลำบากเหล่านั้นได้

แม่เฒ่าติงหงุดหงิดในใจยิ่งนัก แต่ก็รู้ดีว่าต้องยอมถอยให้ผู้เป็นนาย นางเอ่ยขึ้น "อาจารย์ซ่ง สอนคุณหนูทั้งสามเสร็จแล้วก็อย่ารับงานต่ออีกเลย เงินที่เก็บไว้ตลอดหลายปีมานี้เพียงพอให้เราใช้ชีวิตที่ดีแล้ว!"

อาจารย์ซ่งเอ่ยพร้อมรอยยิ้มบาง "ค่อยว่ากันในภายหลัง ไม่ต้องรีบ"

ด้านแม่นมเซินรู้ว่าอาจารย์ซ่งตกลงให้อวี้ซีเรียนด้วยก็ดีใจเป็นอย่างมาก "คุณหนูเจ้าคะ ไปเรียนแล้วต้องตั้งใจให้มาก เรียนเก่งแล้วมีแต่จะเกิดประโยชน์ต่อตัวท่าน"

อวี้ซียิ้มตอบ "แม่นมวางใจเถิด ข้าจะตั้งใจเรียนอย่างแน่นอน" ดูจากท่าทางของอาจารย์ซ่งแล้ว ไม่ว่าจะเพิ่มนางเข้ามาหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน ถึงอย่างนั้นอวี้ซีก็ไม่สนใจ เพราะเดิมทีนางตั้งใจเพียงอาศัยมาเรียนด้วยอยู่แล้ว กอบโกยความรู้ได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่กี่เดือนหลังจากนี้นางจะรื้องานปักผ้าสองหน้าแล้วค่อยๆ ศึกษาวิธีการทำใหม่ ครั้นนึกถึงเรื่องนี้นางก็ระลึกถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้โดยพลัน ทำเอาหน้าซีดลงเล็กน้อย

แม่นมเซินรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้จึงถาม "คุณหนู เป็นอะไรไปเจ้าคะ"

อวี้ซีส่ายหัวขณะเอ่ย "เปล่า แม่นมออกไปเถิด ข้าอยากพักผ่อน" อวี้ซีมักไม่ต้องการให้ใครอยู่ด้วยเมื่อต้องการครุ่นคิดบางอย่าง

นางหยิบผ้าปักสองหน้าจากตู้ออกมาเหม่อมองดู คิดไปว่าจะศึกษาวิธีการปักสองหน้าได้อย่างไร หากนางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับในชาติก่อน นางจะปักผ้าที่ไม่มีใครเทียบได้ได้อย่างไร ทักษะนี้จะช่วยนางในยามยากได้หรือไม่

กระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวัน แม่นมเซินก็เข้ามาในห้องแล้วเรียกอวี้ซี เด็กหญิงไปที่เรือนอวี้หลานพร้อมโม่จวีหลังเสร็จสิ้นมื้อกลางวัน ตั้งแต่เกิดเรื่องของจื่ออีคราวก่อนอวี้ซีก็หมางเมินกับหงซาน

จากเรือนเฉียงเวยไปยังเรือนอวี้หลาน ต้องเดินผ่านสวนจวนกั๋วกงทั้งบริเวณ มันจึงเป็นครั้งแรกที่อวี้ซีได้เดินชมสวนหลังจากเกิดใหม่

ภูเขาจำลองและสะพานโค้งของจวนกั๋วกงสลับซับซ้อน ทิวทัศน์งดงาม ลึกลับและซับซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดเขาทั้งสี่ทิศที่ตั้งอยู่ในเรือนและข้างต้นไม้ใหญ่ รูปร่างงดงามแปลกตา จะนั่งหรือนอนเชยชมก็เหมาะสมยิ่งนัก ชวนให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าได้เข้าไปในหุบเขาและท่องเที่ยวขึ้นขุนเขาเลื่องชื่อ

โม่จวีเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของอวี้ซีจึงถามอย่างระมัดระวัง "คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ" ท่าทีกังวลของผู้เป็นนายทำให้นางพลอยกระวนกระวายใจไปด้วย

อวี้ซีส่ายหน้าตอบ "ไม่มีอะไร" ตอนนี้นางยังเด็ก มีเวลาเหลือเฟือให้เรียนรู้วิธีปกป้องตนเอง แต่ควรเรียนรู้สิ่งใดบ้างนั้นยังต้องวางแผนอย่างรอบคอบ

เมื่อใกล้ถึงเรือนอวี้หลาน อวี้ซีก็เห็นอวี้เฉินและสาวใช้ทั้งสี่ของอีกฝ่าย พูดถึงเรื่องนี้แล้วอวี้ซีกังขาไม่น้อย ชาติก่อนอวี้เฉินเย็นชากับนางมาตลอด ในชาตินี้กลับทำดีกับนางมาก แน่นอนว่าความดีนี้เป็นเพียงสิ่งที่รู้สึกก่อนหน้านี้

อวี้เฉินเดินไปหาอวี้ซี ก่อนเอ่ยพลางขมวดคิ้ว "แดดแรงขนาดนี้ ไม่รู้จักให้สาวใช้กางร่มให้" ซื่อชู สาวใช้คนสนิทของอวี้เฉินกางร่มผ้าสีเขียวเพื่อบังแดดให้นาง

อวี้ซีกล่าวพลางยกยิ้ม "เป็นข้าเองที่ไม่ให้กาง"

อวี้เฉินไม่รู้ความคิดของอวี้ซี "แดดแรงขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำให้เป็นลมแดด หากแดดแรงเกินไปจะทำให้ผิวคล้ำได้"

เด็กหญิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่เป็นไร ข้ายังเด็กอยู่"

อวี้เฉินถอนหายใจเบาๆ ไม่ดูแลตนเองขนาดนี้เชียวหรือ ถึงกระนั้นเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่สนใจนางก็ไม่พูดเรื่องนี้อีก "ทำไมเจ้าเอาของมาแค่นี้" มีเพียงหีบที่โม่จวีถือมาซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่นัก มองดูก็รู้ว่าใส่ของได้ไม่มาก

อวี้ซีเหลือบมองสาวใช้สามคนข้างหลังอวี้เฉิน แต่ละคนหอบหีบใบใหญ่ ท่าจะจุของมามาก "ข้าเอาแต่เครื่องเขียนมาอย่างละชิ้น ส่วนของอื่นๆ ข้าคิดว่าอาจารย์ซ่งคงเตรียมไว้ให้" อวี้ซีเอาแต่พู่กัน หมึก และแท่นหมึกมาเท่านั้น แม้แต่กระดาษยังไม่ได้เอามา

ระหว่างกำลังพูดคุยกัน อวี้หรูและอวี้จิ้งก็มาถึง

อวี้หรูทักทายพวกนาง พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้

อวี้จิ้งจ้องอวี้ซีแล้วบอก "เจ้าโชคดีจริงๆ ที่เป็นฝีดาษแล้วไม่ตาย" แม่ของนางถูกกักขังเพราะเด็กคนนี้ นางต้องแก้แค้นให้ได้

อวี้ซีในชาติก่อนเป็นคนขี้ขลาดและอ่อนแอ เมื่อถูกอวี้จิ้งต่อว่าเหน็บแนมก็อดทนมาได้ ทว่าบัดนี้นางเข้าใจสัจธรรมข้อหนึ่งแล้ว นั่นคือม้าดีมักถูกขี่ คนใจดีมักถูกข่ม การถอยมีแต่จะทำให้ทุกคนยิ่งรังแก "ข้าหายไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะท่านแม่ของข้าคุ้มครองข้าอยู่บนสวรรค์!" พูดจบก็มองอวี้จิ้งแล้วกล่าวพร้อมยิ้มร่า "อ๊ะ พี่รอง วันนี้ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับใหม่เล่า" อวี้จิ้งชอบแต่งตัวให้ดูสวยงาม ต้องใส่เสื้อผ้าใหม่ยามรับแขกที่บ้านหรือออกไปพบปะผู้คน แต่วันนี้เจ้าตัวกลับสวมเสื้อผ้าเก่า

อวี้จิ้งโมโหมาก นังเด็กคนนี้ ยังกล้าล้อเลียนนางอีกหรือ ทว่านางไม่ทันได้ตอกกลับ อวิ๋นฉี สาวใช้คนสนิทก็กระซิบปรามข้างหู "คุณหนู นี่คือเรือนอวี้หลาน หากอาจารย์ซ่งเห็นเข้าจะไม่ดีนะเจ้าคะ" คุณหนูของนางอายุมากกว่าคุณหนูสี่มาก หากทั้งสองทะเลาะกัน คุณหนูของนางจะกลายเป็นฝ่ายที่ไม่มีเหตุผลอย่างแน่นอน ในสายตาของอาจารย์ซ่ง เจ้าตัวคงคิดว่าคุณหนูของนางไม่รักใคร่พี่น้อง เพิ่งพบกันก็สร้างความไม่น่าประทับใจเช่นนี้ไม่เป็นผลดีเป็นแน่

อวี้จิ้งหวั่นใจอยู่บ้างจึงได้แต่จ้องอวี้ซีเขม็งด้วยความโกรธแล้วเดินจากไป

เมื่อเข้าไปในเรือนอวี้หลาน สิ่งแรกที่เห็นคือต้นอวี้หลานหลายต้น ดอกอวี้หลานผลิบานในช่วงเดือนสามและสี่ บัดนี้ร่วงโรยไปหมดแล้ว

สาวใช้ทั้งสี่พาพวกนางไปที่ห้องหนึ่ง ด้านในกว้างขวางและสว่างมาก ด้านบนมีโต๊ะยาวตัวหนึ่ง ด้านล่างมีโต๊ะเก้าอี้อย่างละสี่ตัว

อวี้เฉินเลือกที่นั่งด้านหน้าฝั่งซ้าย

อวี้ซีเดินไปที่ที่นั่งด้านหน้าฝั่งขวา ทว่าไม่ทันได้นั่งอวี้จิ้งก็เดินมาออกคำสั่ง "เจ้าไปนั่งด้านหลัง"

เด็กหญิงยืนกรานเสียงแข็ง  "ไม่เปลี่ยน หากข้าไปนั่งด้านหลังแล้วคงมองไม่เห็นอะไรเลย"

อีกฝ่ายไม่แยแส ผลักนางออกแล้วนั่งลงเอง

อวี้ซีหัวเราะเสียงเย็น "พี่รอง เมื่อเช้าแย่งโจ๊กของข้า ตอนนี้ยังมาแย่งที่นั่งของข้า ท่านชอบแย่งของคนอื่นขนาดนี้เชียวหรือ" เลือกลูกพลับให้หยิบลูกที่นิ่ม แต่นางตอนนี้ไม่ใช่ลูกพลับอ่อนอีกต่อไปแล้ว

อวี้จิ้งคาดไม่ถึงว่าน้องสาวจะกล้าต่อปากต่อคำ จึงแค่นเสียงอย่างไม่ยี่หระ "ข้าแค่ชอบ แล้วเจ้าจะทำไม" อวี้เฉินเป็นแก้วตาดวงใจของฮูหยินผู้เฒ่า นางจึงไม่กล้าหาเรื่อง แต่อวี้ซีไม่อยู่ในสายตาหญิงชรา อีกทั้งนางยังมีบัญชีที่ยังไม่ได้สะสางกับเด็กหญิงคนนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด