ตอนที่แล้วตอนที่ 15 โปรดออกมาช่วยข้าปราบกบฎ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 รายงานจากกองทัพซุนเกี๋ยน

ตอนที่ 16 รับใช้เพียงหนึ่ง


ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก  การคุกเข่าเป็นมารยาท  ไม่เหมือนคนรุ่นหลังที่ “หัวเข่าของบุรุษทำด้วยทอง”

มารยาทนี้ ถูกเรียกว่า  "เก้าคำนับ” ได้แก่  จี้โฉ่ว ตุนโฉ่ว คงโฉ่ว เจิ้นตง จี้ไป๋ สยงไป๋ ฉีไป๋ เป่าไป๋  และ ซูไป๋

ในบรรดาคำนับทั้งเก้า จี้โฉ่ว ถือว่าสำคัญที่สุด มักใช้ในโอกาสที่เป็นทางการและเคร่งขรึม เช่นการกราบไหว้สวรรค์  กราบไหว้เทพเจ้า กราบไหว้บรรพบุรุษ ขุนนางกราบไหว้จักรพรรดิ  บุตรกราบไหว้บิดา  ศิษย์กราบอาจารย์

ตอนนี้ ซุนเกี๋ยนก้มศีรษะ  คุกเข่าลง   ใช้มารยาทจี้โฉ่ว

นั่นคือ  มารยาทของการเป็นศิษย์!

ไป๋หลี่หมิงอยู่ในราชวงศ์ฮั่นตะวันออกมาเป็นเวลานาน ค่อยๆ คุ้นเคยกับประเพณี

พอเห็นซุนเกี๋ยนทำแบบนี้  เขารีบลุกขึ้นประคอง"ท่านแม่ทัพ  ไม่ได้  ท่านอย่าทำแบบนี้  "

แต่ซุนเกี๋ยนกลับไม่ยอมลุกขึ้น

"ท่านไป๋หลี่  ได้โปรด  "

"ที่ข้าทำแบบนี้  ก็เพื่อแสดงความจริงใจ"   ซุนเกี๋ยน

"ข้าขอให้ท่านออกมาช่วยเหลือข้า!"

"ท่านไป๋หลี่  ท่านคิดอย่างไร?   "

ไป๋หลี่หมิง  เขาไม่ได้ต่อต้านการเข้าร่วมกองทัพของซุนเกี๋ยน

เขาแค่ระมัดระวัง  จึงอยากรอดูสถานการณ์สักพัก

ไม่คิดเลยว่า  ซุนเกี๋ยนจะเล่นใหญ่ขนาดนี้หลังยึดด่านโสหุย

เขาจะไปปฏิเสธได้ยังไง?ขณะที่กำลังคิด เตียวเลี้ยวที่อยู่หลังซุนเกี๋ยนก็ยิ้ม“น้องหรัวจง นายท่านใจกว้างมาก เจ้าควรตกลง!”

“พี่เตียวไปเข้าร่วมกองทัพตอนไหน?” พอเห็นเตียวเลี้ยวเรียกซุนเกี๋ยนว่านายท่าน  เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น

ไอ้บ้านี่!

ตกลงกันแล้วว่าจะเข้าร่วมกองทัพพร้อมกัน

แต่ไม่คิดเลยว่า  ไอ้บ้านี่จะทรยศเขา

"หลังจากที่เรายึดด่านโสหุยได้"  เตียวเลี้ยวยิ้ม

"นายท่านก็ชวนข้าเข้าร่วม  ข้าคิดว่าไหนๆ ก็เข้าร่วมกองทัพแล้ว  สู้เข้าร่วมกับนายท่านเลยดีกว่า   "

พูดจบเตียวเลี้ยวก็หันไปหาไป๋หลี่หมิงแล้วยิ้ม

"น้องรัก  อย่าคิดมากเลย  เข้าร่วมกับข้าเถอะ   "  เตียวเลี้ยวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"พวกเราร่วมมือกัน มันสุดยอดจะตายไป”

"...."   ไป๋หลี่หมิง

บรรยากาศที่จริงจัง  กลับกลายเป็นผ่อนคลายในชั่วพริบตา

แต่ซุนเกี๋ยนได้ยิงลูกศรออกจากสายไปแล้วและไม่มีทางหันหลัง เขาจึงยืนขึ้นและพูด

"ก่อนหน้านี้  ข้าไม่รู้ว่าท่านมีความสามารถ  จึงอาจจะล่วงเกินท่านไปบ้าง  แต่ตอนนี้ข้าจริงใจมาก บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้ หากท่านไม่ออกมาช่วยเหลือ  ประชาชนจะเป็นเช่นไร?   "

พูดจบ  ซุนเกี๋ยนก็มองไป๋หลี่หมิงด้วยแววตาคาดหวัง

พอโดนสองคนมอง  ไป๋หลี่หมิงก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น  และส่ายหัว

ถึงแม้ว่าซุนเกี๋ยนจะไม่ได้ทำ  "สามคำนับ"

แต่ท่าทางของเขา มันน่าซึ้งใจมาก จนเขาไม่กล้าปฏิเสธ

"เอาล่ะ  ในเมื่อท่านแม่ทัพอุตส่าห์เอ่ยปาก  ข้าก็ขอรับใช้  "

"ท่านตกลงแล้วจริงๆ หรือ?"   ซุนเกี๋ยนดีใจมาก

ส่วนเตียวเลี้ยวที่อยู่ข้างๆ ก็ดีใจไม่แพ้กัน

"แต่ ถ้าอยากให้ข้ารับใช้ ท่านแม่ทัพต้องตกลงกับข้าสามสิ่ง "  ไป๋หลี่หมิงพยักหน้า

"ท่านไป๋หลี่  " ซุนเกี๋ยนโบกมือ

"อย่าว่าแต่สามข้อเลย ต่อให้สามสิบข้อ  สามร้อยข้อ  ข้าก็ยอม  "

"เชิญท่านบอกมาเถิด  "

พอเห็นซุนเกี๋ยนทำท่าทางจริงจัง  ไป๋หลี่หมิงก็ยิ้ม

"ไม่ต้องถึงสามสิบข้อหรอก  แค่สามข้อก็พอ แล้วข้าจะรับใช้เยี่ยงสุนัขและม้า "   ไป๋หลี่หมิงกล่าว

"หนึ่ง  หลังจากที่ข้าเข้าร่วมกับกองทัพของท่าน  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ท่านห้ามฆ่าล้างเมืองเด็ดขาด เว้นแต่จะจำเป็น ท่านต้องไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือประชาชน "

พูดจบ  ไป๋หลี่หมิงก็มองซุนเกี๋ยน"ท่านแม่ทัพ  ตกลงหรือไม่?   "

ในฐานะคนที่ข้ามเวลามาจากโลกอนาคต สิ่งที่เขารับไม่ได้มากที่สุดก็คือการฆ่าล้างเมือง

ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคสามก๊ก ประชากรลดลงอย่างมาก

ถ้าหากเขายังเห็นแก่ตัว  ฆ่าล้างเมือง มันจะมีแต่ทำให้สถานการณ์แย่ เขาไม่อาจยอมรับ นับประสาอะไรกับช่วยเหลือ

ซุนเกี๋ยนตกใจตอนได้ยิน

เขาคิดว่าคำขอของไป๋หลี่หมิงจะเกี่ยวกับตัวเอง ไม่คิดว่าข้อแรกจะเป็นผู้คน

เขาสมกับเป็นยอดคน!

"เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ข้าเกิดจากครอบครัวยากจน ข้ามักให้ความสำคัญกับคนมาก่อน ข้าเกลียดการฆ่าคนไปทั่วที่สุด" ซุนเกี๋ยน

"ข้าขอสาบาน  ต่อจากนี้ไป ตอนกองทัพเราโจมตีเมืองและพิชิตดินแดน  ข้าจะไม่มีวันฆ่าประชาชนชาวฮั่นโดยเด็ดขาด  มิเช่นนั้น  ขอให้ฟ้าดินลงโทษ  "

"ดี!"   ไป๋หลี่หมิงพยักหน้า  ถึงแม้ว่าซุนเกี๋ยนจะย้ำว่าแค่ชาวฮั่น  แต่แบบนี้ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนคนอื่น  มันไม่เกี่ยวกับเขา

"ข้อที่สอง  ถ้าหากวันหนึ่งท่านแม่ทัพแข็งแกร่งขึ้น มีอำนาจมากขึ้น ไม่ว่าท่านจะตัดสินใจอะไรท่านต้องฟังคำแนะนำจากคนรอบข้าง อย่าทำอะไรโดยพลการเด็ดขาด"ไป๋หลี่หมิง

"โปรดจำไว้ว่า แผนการของคนคนเดียว ย่อมเทียบไม่ได้กับแผนการของคนหมู่มาก"

ซุนเกี๋ยนพยักหน้าหลังได้ยินแบบนั้น

ถ้าหากข้อแรก เป็นการเห็นใจประชาชน ข้อนี้ก็เป็นการเตือนสติเขา

"เรื่องนี้  ข้ายินดีรับฟัง" ซุนเกี๋ยนพยักหน้า

"ถ้าหากวันข้างหน้า ข้าทำอะไรผิดพลาด ขอให้ท่านช่วยเตือนสติข้าด้วย"

"ดี!  "   ไป๋หลี่หมิงพยักหน้าอีกครั้ง

"ส่วนข้อสุดท้าย  ก็คือเรื่องของตัวข้าเอง  "

"ถ้าหากวันใด ท่านแม่ทัพ ทำผิดข้อตกลงสองข้อแรก  หรือสงครามยุติลงแล้ว  ถ้าข้าอยากจะวางมือ  ขอให้ท่านแม่ทัพปล่อยข้าไป  "  ไป๋หลี่หมิง

"นี่....."

ซุนเกี๋ยนตกตะลึง

เขาไม่ได้รู้สึกว่า  ข้อเรียกร้องนี้มันยากเกินไป

แต่กลับรู้สึกว่า ไป๋หลี่หมิง ช่างเป็นคนที่  "จืดจาง" เสียจริง!

ถ้าหาก เขาทำไม่ได้ตามข้อตกลงก็ว่าไปอย่าง

แต่นี่  พอสงครามยุติ  กลับอยากจะวางมือ

ช่างไม่  "หลงใหลในชื่อเสียงและลาภยศ"  เสียจริง!

นี่สิ  ถึงเรียกว่า  "ขอบเขต"

คิดได้แบบนี้  เขาก็รีบจับมือไป๋หลี่หมิงและพูดว่า"ท่านไป๋หลี่  ท่านจริงใจกับข้า  ข้าก็จะจริงใจกับท่านเช่นกัน   "

"วางใจเถอะ  ต่อให้วันหนึ่ง  ข้าทรยศคนทั้งโลก  "

"แต่ข้าจะไม่มีวันทรยศท่าน!  "

คำพูดของซุนเกี๋ยน  จริงใจมาก  จนไป๋หลี่หมิงขนลุก

"เอาล่ะ  "

"ไป๋หลี่หมิงคารวะนายท่าน!  "   ไป๋หลี่หมิงรีบคุกเข่าลง

ในที่สุด เขาก็ตกลงแล้ว!

"ท่านไป๋หลี่  ไม่ต้องมากพิธี  "   ซุนเกี๋ยนดีใจมากจนไม่รู้จะพูดอะไร

"วันนี้  ได้ท่านมาช่วย เปรียบเสมือน  เสือติดปีก"

"เปรียบเสมือน  ปลาน้ำได้พบกับสายน้ำ  "

"เป็นบุญของข้าจริงๆ  "

ซุนเกี๋ยนกล่าวชมไป๋หลี่หมิงไม่หยุด

ส่วนไป๋หลี่หมิงโดนดึงไว้จนไม่สามารถหลบได้ ทำได้แค่ยิ้มแล้วตอบรับ

ส่วนเตียวเลี้ยวที่อยู่ข้างหลังก็ยิ้ม

ภายในตำหนัก  เต็มไปด้วยบรรยากาศที่กลมกลืน

สุดท้ายก็มาถึงเรื่องตำแหน่ง

ซุนเกี๋ยนไม่ลังเลใจ  แต่งตั้งให้ไป๋หลี่หมิงเป็นเสนาธิการทหาร  ที่ปรึกษาทางทหาร  และ  แม่ทัพใหญ่แห่งหยูโจวในอนาคต

เป็นเพราะว่าตอนที่ซุนเกี๋ยนระดมทัพ  เขาไปหาหยวนซู(อ้วนสุด)ก่อน  ซึ่งหยวนซูก็เสนอชื่อซุนเกี๋ยนเป็นแม่ทัพใหญ่และเจ้าเมืองหยูโจว

แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ราชสำนักวุ่นวาย   เรื่องการแต่งตั้งจึงยังไม่แล้วเสร็จ

แต่  ไม่ต้องสงสัยเลยว่า  ตำแหน่งเสนาธิการทหารและที่ปรึกษาทางทหาร ทำให้ไป๋หลี่หมิง ซึ่งเดิมเป็นแค่ชาวบ้าน กลายเป็นบุคคลที่อยู่ใต้บัญชาคนเดียวและอยู่เหนือคนนับหมื่นในทันที

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด