ตอนที่ 15 : เป็นแก!
.
ในเวลาเดียวกัน
.
เฉินหลิงเดินช้าๆ ไปข้างหลังเฉินเยี่ยน เขามองผ่านเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎจำนวนมากก็เห็นหลี่ซิ่วชุน
ทันทีที่เธอเห็นเขา ม่านตาของหลี่ซิ่วชุนหดตัวอีกครั้ง!
“แก...แกเป็นแก!!” หลี่ซิ่วชุนพยายามดิ้นด้วยความบ้าคลั่งเพื่อให้หลุดจากเชือก แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จับเอาไว้ “แกควรจะตายซะ!! น่าจะตายไปนานแล้ว!! ภัยพิบัติ! ! แกเป็นภัยพิบัติ! !”
เสียงคำรามของหลี่ซิ่วชุนดังก้องในยามค่ำคืน เฉินหลิงยืนมองเธออย่างเงียบๆ ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“อาเยี่ยน...อาเยี่ยน” เขาเรียกเฉินเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ เสียงเบา “นายไปรอตรงนั้นก่อน…ทางนี้เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
เฉินเยี่ยนจ้องมองหลี่ซิ่วชุนผู้บ้าคลั่งอย่างว่างเปล่า เมื่อได้ยินเสียงเฉินหลิงเรียก หลังจากเงียบไปนานเขายังคงพยักหน้า...
เขาเดินไปยังมุมมืดในพื้นที่รกร้างคนเดียว แล้วนั่งกอดเข่าตนเอง ร่างกายสั่นเบาๆ อย่างช่วยไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น นี่นายปิดปากเธอไม่แน่นเหรอ?”
ผู้คุมกฎจ้องมองเพื่อนร่วมงานของเขา แล้วก้มลงหยิบผ้าขาวขึ้นมายัดกลับเข้าไปในปากของหลี่ซิ่วชุน
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและปลอบลูกชายอีกฝ่าย "เด็กน้อย อย่าคิดมากนะ... แม่เธอบ้าไปแล้ว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร"
"เพื่อความปลอดภัย เราจะส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลจิตเวช จะได้รับการรักษาโดยผู้เชี่ยวชาญ พวกเขายังพอมีหวังที่จะกลับมาเป็นปกติ"
"แน่นอน ในช่วงนี้นายสามารถไปเยี่ยมได้ตลอดเวลา"
เฉินหลิงมองผู้คุมกฎคนอื่น ๆ และทุกคนต่างเข้าใจ จากนั้นพวกเขาออกเดินทางนำสองสามีภรรยาไปยังสำนักงานใหญ่
เฉินหลิงมองดูฉากนี้อยู่เงียบๆ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขารู้สึกอย่างไร สองคนนี้เป็นคนเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิม และยังเป็นคนที่ปลิดชีวิตเขาอีกด้วย จากมุมมองของเจ้าของร่างคนเดิม ความแค้นในใจเขาได้ยุติไปนานแล้ว
เฉินหลิงสืบทอดความทรงจำของเจ้าของเดิม และยังสืบทอดอารมณ์ความรู้สึกของเขาอีกด้วย เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าของเดิมไม่ได้มีความขุ่นเคืองมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้ เหตุผลส่วนใหญ่เป็นเพราะเฉินเยี่ยนน้องชายของเขา
เฉินหลิงชอบน้องชายคนนี้จริงๆ
หากหลี่ซิ่วชุนกับเฉินถานอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ให้ฟัง เจ้าของร่างเดิมก็คงเต็มใจที่จะใช้ชีวิตของตนเอง เพื่อให้น้องชายของเขามีชีวิตอยู่ต่อ
แต่น่าเสียดายที่เจ้าของร่างเดิมเชื่อใจสองสามีภรรยา แต่พวกเขากลับไม่เชื่อเจ้าของร่างเดิม...เพียงเพราะเขาเป็นเด็กข้างถนนที่ถูกรับมาเลี้ยง
.
“นายคือเฉินหลิงใช่มั้ย?” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเฉินหลิง “เมื่อกี้นายอยู่ที่ไหน?”
.
เฉินหลิงหันกลับมาและตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงแหบแห้ง “ท่าน...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”
"ตอนนี้ฉันขอถามอะไรนายหน่อย" เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หลังจากคิดถึงสิ่งที่เด็กชายกำลังประสบอยู่ตอนนี้ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งเขาก็พูดเสริมสักคำ
“ภัยพิบัติเข้ามาในบ้านของนาย และทำให้พ่อแม่นายตกใจ...โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ 'ต่อต้าน' วางใจเถอะ ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
"อ่า" เฉินหลิงหลุดจากภวังค์ "วันนี้ผมพาน้องชายไปฝึกซ้อมข้างนอก"
"ฝึกซ้อมอะไร?"
"ละครดั้งเดิม"
เฉินหลิงยกมือขึ้น ในอ้อมแขนของเขามีเสื้อคลุมสีแดงถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย
เมื่อเห็นแบบนั้น ดวงตาของผู้คุมกฎก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ท้ายที่สุดแล้วคนส่วนใหญ่จะไม่นำเครื่องแต่งกายติดตัวไปไหนมาไหน เมื่อออกไปข้างนอก ดังนั้นเมื่อเฉินหลิงบอกว่าเขาไปฝึกซ้อม เขาก็เชื่อไปกว่าครึ่งแล้วแต่เขาต้องถามตามขั้นตอน
"นายฝึกซ้อมที่ไหน มีใครเห็นบ้างมั้ย?"
"มันคือบริเวณเขตรกร้างทางตะวันออก สุดถนนหานซวง...ไม่มีใครเห็นครับ น้องชายผมค่อนข้างขี้อาย ไม่กล้าร้องเพลงในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ไม่งั้นเราคงซ้อมอยู่แถวๆ หน้าบ้านแล้ว"
ผู้คุมกฎพยักหน้าเล็กน้อย "ช่วงนี้ข้างนอกไม่ปลอดภัย อย่าวิ่งไปทั่ว หากพบสิ่งน่าสงสัยอย่าลืมมาหาฉัน...ฉันชื่อเจียงฉิน และฉันลาดตระเวน แถวๆ นี้ทุกวัน"
"ได้ครับ"
"แล้วน้องชายนายอยู่ที่ไหนล่ะ?"
"เมื่อกี้เขา...เขากลัวแม่ เขาเลยไปซ่อนตัวอยู่ตรงนั้นครับ" เฉินหลิงชี้ไปที่ มุมมืดที่ร่างเล็กนั่งกอดเข่าคล้ายกำลังร้องไห้อยู่ เจียงฉินเหลือบมองตามแล้วพยักหน้าเล็กน้อย
ทันใดนั้น ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างออก "ใช่สิ บ้านนายมีพี่น้องกี่คน?"
"สองคนครับ"
เจียงฉินหรี่ตาลง "สองคน?"
เมื่อได้ยินน้ำเสียงเจียงฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจเฉินหลิงพลันดิ่งลง หลังจากมีประสบการณ์การแสดงมาหลายปี เขาไวต่อความรู้สึกมาก แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เขาทำใจให้สงบและถามอย่างไร้เดียงสาว่า "ทำไมเหรอครับ?"
"ข้อมูลบอกว่า ครอบครัวนายมีลูกสองคน และนายเองก็พูดแบบเดียวกัน" เจียงฉินพูดช้า ๆ
"แต่เมื่อคืน เราพบพ่อแม่ของนายที่สุสานฝังศพ พวกเขาบอกว่าพวกเขามาเซ่นไหว้ลูกชาย....ถ้าลูกชายทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ แล้วพวกเขาไปเซ่นไหว้ใคร?”
บรรยากาศพลันเย็นลง
“นั่นคือสิ่งที่ท่านพูดถึง” ความคิดเฉินหลิงเร็วราวกับสายฟ้า สีหน้าประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าเขา
"เมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่พ่อแม่ของผมให้กำเนิดอาเยี่ยน พวกเขาก็ตั้งท้องอีกครั้ง...แต่แม่ผมตอนนั้นสุขภาพไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นทารกในครรภ์จึงเสียชีวิตไม่กี่วันหลังจากเขาเกิด พ่อกับแม่ก็เลยฝังเขาไว้บนภูเขาด้านหลังและจะไปหาเขาในวันเกิดทุกปี
ตอนเกิดเรื่องนี้ อาเยี่ยนอายุได้แค่สองปี เขาจึงไม่รู้เรื่องนี้ครับ...ส่วนผมเองก็จำได้แบบเลือนราง"
ประโยคสุดท้ายเป็นการป้องกัน ถ้าหากเจียงฉินเกิดความสงสัยแล้วสอบปากคำเฉินเยี่ยนขึ้นมา เขาจะได้มีข้ออ้างให้ตัวเองได้อย่างสมเหตุสมผล แน่นอนว่าเขายังสามารถใช้ข้ออ้างที่ว่า
'ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไป' เพื่อหลีกเลี่ยงการซักถามเชิงลึกโดยผู้คุมกฎได้
“เขาตายไปแล้ว…ไม่น่าแปลกที่ไม่มีบันทึกในข้อมูล”
ปรากฎว่าเฉินหลิงคิดมากไป
เจ้าหน้าที่เจียงฉินคนนี้เป็นคนไม่ค่อยระแวงขี้สงสัยเลยสักนิด เขาจดบันทึกเสร็จก็หันหลังเดินจากไปทันที
เฉินหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก...เขาไม่คาดคิดว่าคืนที่เขากลับมา หลี่ซิ่วชุนกับสามีของเธอจะไปที่หลุมศพหมู่ แล้วถูกเจ้าหน้าที่พบเข้า...เกือบจะเผยช่องโหว่
“อ่อใช่แล้ว!” เจียงฉินหันกลับมาอีกครั้ง
เฉินหลิง...
มันยังไม่จบอีกเหรอ!
เฉินหลิงหลิงแอบตะโกนในใจ เจียงฉินก็หยิบจดหมายออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขาแล้วยื่นให้เฉินหลิง
“นี่คือสิ่งที่เราพบบนตัวเฉินถาน มันเป็นจดหมายเรียกตัวจากผู้คุมกฎถึงนาย รายงานตัวที่สำนักงานใหญ่พรุ่งนี้เช้า อย่าช้าล่ะ!” หลังจากพูดจบเจียงฉินก็จากไป ครั้งนี้เขาไปจริงๆ
.
เจ้าหน้าที่คนอื่นก็ทยอยจากไป ถนนหานซวงถูกทิ้งร้างกลับมาไร้ผู้คนอีกครั้ง
.
เฉินหลิงเดินไปยังมุมมืดด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย
“อาเยี่ยน…” เฉินหลิงมองเฉินเยี่ยนพร้อมกับก้มหัวลง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
เมื่อสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ ไม่ว่าเฉินเยี่ยนจะโง่แค่ไหน อีกฝ่ายจะต้องรู้ว่าเฉินหลิงเป็นภัยพิบัติที่ทำร้ายครอบครัวของเขา...แม้ว่าความจริงร่างกายของเขาจะถูกแย่งชิงโดย "ผู้ชม" ในเวลานั้น แต่เฉินหลิงก็ไม่รู้ว่าจะต้องอธิบายให้เฉินเยี่ยนฟังยังไง
เฉินหลิงผู้ปั้นน้ำเป็นตัวเก่งที่สุดมาโดยตลอด จู่ๆ ก็พูดไม่ออก
“พี่” เฉินเยี่ยนพูดเบา ๆ “ผมเหนื่อย…”
เฉินหลิงตกตะลึง เขาไม่เคยคาดหวังว่าเฉินเยี่ยนจะพูดเพียงสามคำนี้ในท้ายที่สุด
ไม่มีความโกรธ ไม่มีคำถาม ไม่มีความสับสน...ดวงตาสีน้ำตาลแดงของเฉินเยี่ยนมองไปที่เฉินหลิงยังคงชัดเจน และสงบนิ่งเช่นเคย
เฉินหลิงตกตะลึงเป็นเวลานาน และตระหนักว่าเขาไม่สามารถบอกได้ว่าเด็กชายกำลังคิดอะไรอยู่ เขาค่อยๆ ก้มตัวลงเอามือลูบศีรษะเฉินเยี่ยน
“ถ้าเหนื่อยก็ไปนอนเถอะ...พี่จะเฝ้านายเอง”
ในบ้านที่อบอุ่นแต่เดิมกลับมีรูใหญ่สองรู แถมห้องนั่งเล่นก็พังยิ่งกว่าอีก ถ้ามีขโมยผ่านมา หากไม่หยิบจับอะไรติดมือไปสักอย่าง เขาก็สมควรลาออกจากอาชีพนี้ซะ
เฉินเยี่ยนกลับไปที่เตียงที่คุ้นเคย และนอนขดตัวเป็นลูกบอลใต้ผ้าห่มเงียบๆ เฉินหลิงเดินไปด้านข้างเขา เอนหลังพิงกำแพงผุพังแล้วนั่งลงช้าๆ
เมื่อมองผ่านหลังคาชำรุด เขาสามารถมองเห็นแสงออโรร่าสีน้ำเงินที่ไม่มีที่สิ้นสุดมันกำลังเต้นรำในคืนที่มืดมิด ราวกับริบบิ้นนุ่มๆ ปกคลุมท้องฟ้า
นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินหลิงเฝ้าดูแสงออโรร่าในโลกนี้อย่างเงียบๆ ราวกับว่าเมื่อเขามองมัน ความคิดฟุ้งซ่านในใจก็หายไป เหลือเพียงความสงบอันชั่วนิรันดร์
“พี่ พี่หนาวมั้ย” เสียงของเฉินเยี่ยนดังมาจากใต้ผ้าห่ม
“ไม่หนาว”
“อ่อ…”
เฉินเยี่ยนหยุดพูด หลังจากนั้นไม่นาน มีเพียงเสียงลมหายใจยังก้องอยู่ในหูของเฉินหลิง
หลังจากผ่านไปไม่นาน ดวงตาของเฉินหลิงก็ค่อยๆ ปิดลง...และเขาก็ผล็อยหลับไป
.
.