ตอนที่ 14 ชัยชนะอันยิ่งใหญ่
เหอหนานหยิน ด่านโสหุย
เวลาผ่านไป แสงอรุณขึ้นเหนือขอบฟ้าอันไกลโพ้น ดวงอาทิตย์ค่อยๆ กลับคืนสู่ผืนดิน
ซุนเกี๋ยนยืนอยู่บนด่านโสหุย มองดูพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ด้วยความภาคภูมิใจ
เมื่อวาน ถึงแม้เขาจะชนะ แต่ทหารกล้าในด่านโสหุยมีนับหมื่นนาย หลี่ซูผู้เชี่ยวชาญด้านอักษรศาสตร์และฮัวหยงผู้กล้าหาญ ต่างขวางทางเขากับลั่วหยาง ยากที่จะผ่านไปได้
แต่ตอนนี้ เพียงแค่คืนเดียว เขากลับยืนอยู่บนกำแพงด่านโสหุย มองทิวทัศน์เบื้องล่าง
ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง!
ตั้งแต่เขานำทัพ เพิ่งเคยได้รับชัยชนะที่น่าตื่นเต้นขนาดนี้เป็นครั้งแรก!
เขาไม่เพียงแต่ชนะด้วยจำนวนทหารที่น้อยกว่า แต่ยังยึดด่านที่แข็งแกร่งได้อีกด้วย!
ถ้าหากกองทัพพันธมิตรสามารถบุกเข้าไปในลั่วหยางได้ เขาจะต้องได้รับความดีความชอบมากที่สุด!
แน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็นึกถึงร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง
ถ้าหากการยึดด่านโสหุยเป็นปาฏิหาริย์ ชายหนุ่มคนนี้ก็คือผู้สร้างปาฏิหาริย์!
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าชายหนุ่มคนนี้ไม่ปรากฏตัว
อย่าว่าแต่ยึดด่านโสหุยแล้วแม้แต่ชีวิตของเขาก็อาจจะไม่รอด!
พูดได้ว่าความคิดเดียวสามารถนำไปสู่สวรรค์หรือนรก!
เขามองทหารที่กำลังเก็บกวาดสนามรบและอดพึมพำไม่ได้
"บุรุษผู้มีปัญญาย่อมเปล่งประกาย "
"ไป๋หลี่หมิง คือยอดคน ที่สวรรค์ส่งมาช่วยข้าหรือ?"
ขณะที่ซุนเกี๋ยนกำลังพึมพำ เฉิงผู่ก็เดินมายอดเมืองเพื่อรายงาน"ท่านแม่ทัพ ข้าตรวจนับความเสียหายเรียบร้อยแล้ว โปรดตรวจสอบด้วย "
"อืม! " ซุนเกี๋ยนพยักหน้า สะบัดผ้าคลุมแดง หมุนตัวและเดินไปทางด่าน
พอเห็นแบบนี้ เฉิงผู่ก็รีบตาม
"เรียนท่านแม่ทัพ ศึกครั้งนี้ พวกเราเสียทหารไปเกือบสามพันนาย " เฉิงผู่รายงาน
"ถ้ารวมกับเมื่อวาน พวกเราเสียทหารไปเกือบเจ็ดพันนาย! "
"เจ็ดพันนาย? " ซุนเกี๋ยนสะดุ้ง
กองทัพหยูโจวของเขาที่นำมาครั้งนี้มีกทหารประมาณสามหมื่นนาย
ตอนนี้เสียไปเกือบหนึ่งในสาม!
ถึงแม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอได้ยินก็ยังอดตกใจไม่ได้
เพื่อที่จะยึดด่านโสหุย เขาต้องแลกมาด้วยราคาที่สูง
แต่เฉิงผู่กลับยิ้ม
"ท่านแม่ทัพไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่าพวกเราจะเสียทหารไปจำนวนมาก แต่พวกเราก็จับเชลยได้ถึงสองหมื่นหนึ่งพันคน!"
"ตราบใดที่เรารวมพวกเขาเป็นหนึ่ง ขยายกองทัพ กองทัพของเราก็จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง! "
"อะไรนะ? เชลยศึกสองหมื่นกว่าคน? " ซุนเกี๋ยนมองเฉิงผู่ด้วยความตกใจ
"ทำไมถึงได้มากมายขนาดนั้น?"
เห็นซุนเกี๋ยนตกใจ เฉิงผู่ก็ไม่ได้แปลกใจ ในความเป็นจริง ตอนเขานับ เขาเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
"ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าลืมว่าด่านโสหุยแห่งนี้ มีทหารมากกว่าห้าหมื่นนาย "
"เมื่อวานพวกเราจับเป็นเชลยได้พันกว่าคน และตอนกลางคืนจับได้เกือบแปดพันคน!"
"เมื่อเช้าตอนที่เราบุกเข้าด่าน แม่ทัพของพวกมันก็หนีไปโดยไม่สู้ ทิ้งทหารไว้ ทหารส่วนใหญ่จึงยอมจำนน "
"ตอนนี้ พวกเรามีเชลยศึก มากกว่าสองหมื่นคน! "
"นอกจากนี้ ยังมีทหารบางส่วนที่หนีไปตอนที่เราบุกเข้าไปในด่าน "
"ข้าคิดว่า ถ้าหากรวมทั้งหมด พวกเราน่าจะมีเชลยศึกไม่ต่ำกว่าสองหมื่นสามพันคน! "
เฉิงผู่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"ท่านแม่ทัพ ถ้าหากพวกเรารวมคนเหล่านี้ กองทัพของเราก็จะมีจำนวนไม่ต่ำกว่าสี่หมื่นนาย!"
"ที่สำคัญ ในบรรดาเชลยศึกเหล่านี้ มีทหารม้าไม่ต่ำกว่าเจ็ดถึงแปดพันคน!"
"ถ้ารวมกับม้าศึกที่พวกเราได้มา ต่อให้คนหนึ่งมีสองตัว พวกเราก็สามารถจัดตั้งกองทัพม้าได้ถึงแปดพันนาย!"
"แปดพันนาย!"ซุนเกี๋ยนเบิกตากว้าง
กองทัพม้าแปดพันนาย มันมากมายขนาดไหน?
นั่นเป็นกองทัพระดับยุทธศาสตร์!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ราบภาคกลาง ที่ม้าศึกหายาก
หลังจากที่เขาเอาชนะกลุ่มโจรโพกผ้าเหลืองได้ เขาก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง และใช้เงินจำนวนมากกว่าจะจัดตั้งกองทัพม้าที่มีทหารไม่กี่ร้อยคนได้
ตอนนี้ อยู่ๆ ก็มีกองทัพม้าถึงแปดพันนาย
ความสุขถาโถมเข้ามาในหัวใจ
แต่ซุนเกี๋ยนไม่ใช่คนโง่
พอรู้ว่ามีกองทัพม้า เขาก็คิดถึงปัญหาที่ตามมาทันที
เขาขมวดคิ้ว"แต่ว่ากองทัพของเราไม่มีเสบียงอาหารและหญ้า แล้วเราจะเลี้ยงไหวเหรอ? "
"ท่านแม่ทัพ อย่าได้กังวล ด่านแห่งนี้ มีเสบียงอาหารมากมาย"
"แต่เดิม ด่านแห่งนี้ มีเสบียงอาหารสะสมไว้หลายหมื่นจิน "
"ตั๋งโต๊ะกลัวว่าที่นี่จะขาดแคลน จึงส่งเสบียงมาอีกแสนจิน "
"ตอนนี้ พวกเรามีเสบียงอาหารมากกว่าแสนจิน ต่อให้ขยายกองทัพ ก็เพียงพอที่จะให้ทหารกินได้สี่ถึงห้าเดือน! "
"สี่ถึงห้าเดือน!" ซุนเกี๋ยน
ตั้งแต่เขารู้ว่าหยวนซูจะไม่ส่งเสบียงให้ ปัญหาเรื่องเสบียงก็เป็นสิ่งที่เขากังวลมาโดยตลอด
เขาไม่คิดเลยว่า หลังจากยึดด่านโสหุยได้ปัญหานี้ก็จะหมดไป!
แต่เฉิงผู่ยังไม่หยุดแค่นั้น
"ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากเสบียงอาหารแล้ว พวกเรายังยึดชุดเกราะเหล็กได้ห้าพันชุด ชุดเกราะธรรมดาอีกหมื่นชุด และชุดเกราะหนังอีกนับไม่ถ้วน"
"ธนูอีกหมื่นห้าพันคัน ดาบอีกแปดพันเล่ม หอกอีกสองหมื่นเล่ม และดาบใหญ่อีกสามหมื่นเล่ม!"
"ต่อให้ จัดให้ทหารของเราคนละชุด ก็ยังเหลือเฟือ"
"ส่วนสิ่งของอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กระโจม รถม้า ทองคำ ผ้าไหม และเหล็ก "
พูดจบ เฉิงผู่ก็มองซุนเกี๋ยน "ท่านแม่ทัพ ศึกครั้งนี้ พวกเรารวยแล้ว! "
"ดี! ดี! ดี!"
ซุนเกี๋ยนตะโกนออกมาสามครั้ง ยากจะปกปิดความสุข
การยึดด่านโสหุย ถือเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
แต่สิ่งของพวกนี้คือผลประโยชน์ที่แท้จริง!
ถ้าหาก เอาของพวกนี้ไปขาย มันจะได้เงินมากมายขนาดไหน?
น่าขันที่ตั๋งโต๊ะพยายามอย่างหนักที่จะสร้างด่านนี้ขึ้นมาโดยหวังว่าจะหยุดกองทัพพันธมิตรหลายแสนนาย แต่สุดท้ายกลับตกเป็นของเขา!
พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็งงหน่อย
“ด่านนี้มีของเยอะขนาดนี้ ตอนศัตรูหนี พวกมันไม่เอาไป แต่ทำไมไม่เผาทิ้ง?”
หลังได้ยิน เฉิงผู่ก็รีบพูด
"ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย เหตุผลว่าทำไมของพวกนี้ถึงถูกทิ้งไว้ก็เพราะนอกจากหลี่ซู มีแม่ทัพชื่อจ้าวเซินอีกคนในด่านศัตรู”!
“หลังหลี่ซูหนีไป จ้าวเซินก็หันหลังและยอมจำนน เขาถึงขั้นนำกองทหารไปเฝ้าคลังเป็นสัญลักษณ์ของการยอมจำนน”
"ตอนนี้ จ้าวเซินรอพบท่านแม่ทัพอยู่ขอรับ"
"จริงรึ?"ซุนเกี๋ยนแปลกใจตอนได้ยินและพูดอย่างมีความสุข
"ในเมื่อเขายอมสวามิภักดิ์ ก็พาเขามาพบข้าสิ!"
"ในเมื่อเขามีความจริงใจ ข้าก็จะปฏิบัติกับเขาอย่างดี"
"นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกหรือ?" ซุนเกี๋ยนถาม
"ไม่มีแล้วขอรับ!"
เฉิงผู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พูดว่า
"ท่านแม่ทัพ ท่านไป๋หลี่ยังอยู่ที่ค่ายนอกด่าน ตอนนี้กองทัพของเรายึดด่านโสหุยได้แล้ว เราควรจะจัดการกับท่านไป๋หลี่อย่างไรดี?"
"โอ้!"ซุนเกี๋ยนตบต้นขา
"ข้าเกือบลืมไปแล้ว! "
"รีบส่งคนไปรับท่านไป๋หลี่ และให้เขาพักที่จวนแม่ทัพ พอข้าจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว ข้าจะไปพบท่านไป๋หลี่ด้วยตัวเองพร้อมของขวัญ!”
"ขอรับ!"
พอเห็นว่าซุนเกี๋ยนจริงจัง เฉิงผู่ก็ไม่กล้าชักช้า รีบสั่งให้คนไปรับไป๋หลี่หมิงเข้ามาในด่าน