ตอนที่ 11 ยึดด่านและควบคุมศัตรู
ยึดด่านโสหุย!
ได้ยินดังนั้น ไม่ใช่แค่ซุนเกี๋ยนเท่านั้นที่ตกใจ เหล่าแม่ทัพ แม้แต่เตียนอุยก็ยังตกตะลึง
ตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะได้รับชัยชนะ อีกทั้งยังเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่
แต่ตอนนี้ไป๋หลี่หมิงกลับบอกว่า จะให้พวกเขายึดด่านโสหุย?
ซุนเกี๋ยนตกใจอยู่ครู่หนึ่งก็วิตกกังวล
"ท่าน ข้าไม่ได้ไม่สนใจด่านโสหุย"
"เพียงแต่ว่ากองทัพของเราสู้รบมาทั้งคืน ทหารเหนื่อยล้าอีกทั้งเสบียงอาหารก็ร่อยหรอ ต่อให้เราบุกโจมตีด่านโสหุย ก็ไม่แน่ว่าจะสำเร็จ!"
"ใช่" เฉิงผู่ขมวดคิ้ว
"ข้าศึกมีทหารอย่างน้อยสองหมื่นนาย ถึงแม้ว่า พวกเราจะจับเชลยได้จำนวนมาก แต่ก็ใช่ว่าจะยึดด่านโสหุยได้ง่ายๆ"
แม่ทัพคนอื่นๆ ก็พากันเห็นด้วย
แต่ไป๋หลี่หมิงพอฟังก็ส่ายหัว
"สิ่งที่แม่ทัพทั้งสองกล่าวก็มีเหตุผล แต่ว่าการทำสงครามก็คือการหลอกลวง!"
"โจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว "
"ท่านแม่ทัพกล่าวว่ากองทัพของเราเหนื่อยล้า แต่ทหารที่เฝ้าด่านโสหุยก็เหนื่อยล้าเช่นกัน อีกทั้งตอนนี้ พวกมันเพิ่งจะพ่ายแพ้ ขวัญกำลังใจย่ำแย่ "
"ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ขวัญกำลังใจต่ำ ส่วนกองทัพของเราเพิ่งจะได้รับชัยชนะ ทหารฮึกเหิม ถ้าหากเราร่วมแรงร่วมใจกันบุกโจมตี จะต้องยึดด่านโสหุยได้อย่างแน่นอน"
แต่พอถึงจุดนี้ เขาก็พลันเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "เมื่อไหร่กันที่ข้าบอกว่าจะให้กองทัพเราบุกโจมตีด่าน?”
"ตอนนี้ฮัวหยงก็พ่ายแพ้ไปแล้ว พวกเรามีเชลยศึกมากมาย เราสามารถใช้โอกาสนี้ได้! "
เผชิญหน้ากับคำพูดของไป๋หลี่หมิง แม่ทัพทุกคนเงียบ
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะคุ้นเคยกับตำราพิชัยสงครามเป็นอย่างดี แต่ความเข้าใจในกลยุทธ์ยังห่างไกลจากไป๋หลี่หมิง
มีเพียงซุนเกี๋ยนเท่านั้นที่พยักหน้า
"ท่านพูดถูก ข้าเชื่อว่าท่านต้องมีแผนที่ดี ว่าแต่ท่านจะให้พวกเราทำเช่นไร?”
ไป๋หลี่หมิงหัวเราะ
“แผนดีอะไรกัน?แค่กลอุบาย!”
เขามองเฉิงผู่และยิ้ม
“ตอนแม่ทัพซุ่มโจมตีค่ายหลัง ข้าสงสัยว่าท่านจับและสังหารแม่ทัพศัตรูไปได้เท่าไร?”
เฉิงผู่อายหน่อยและพูด“เราจับแม่ทัพได้สอง แต่น่าเสียดาย หลี่ซูตอบสนองเร็วและหนีไปได้”
“เขาหนีได้ดี”
ไป๋หลี่หมิงหัวเราะ
“ถ้าแม่ทัพศัตรูหนี งั้นกลอุบายของการวางกับดักเมืองก็จะได้ผล!”
เหล่าแม่ทัพแปลกใจอีกครั้ง
ทำไมแม่ทัพศัตรูหนีและแผนถึงจะได้ผล?
ซุนเกี๋ยนเลิกคิด เลียริมฝีปากและยิ้มขมขื่น
“ท่านไป๋หลี่ อย่าทำให้ข้าอึดอัดเลย รีบบอกแผนข้ามาเถอะ!”
พอเห็นซุนเกี๋ยนแบบนี้ ไป๋หลี่หมิงก็ยิ้ม
“เรื่องนี้ง่ายมาก ท่านแม่ทัพจับเชลยได้เป็นพันไม่ใช่หรือ?”
“ให้ทหารภายใต้บัญชาท่านเปลี่ยนเป็นชุดทหารของศัตรู แกล้งเป็นฮัวหยงที่พ่ายแพ้และกลับไปด่าน แกล้งเป็นว่าฮัวหยงบาดเจ็บและตกอยู่ในอันตราย!”
“ถ้าศัตรูถาม ก็บอกแผนเรา”
“จากนั้นหลี่ซูที่หนีกลับไปจะรู้ว่าการโจมตีเมื่อคืนนี้ล้มเหลว พอเห็นฮัวหยงบาดเจ็บ เขาจะรู้ตัวว่าผิดและเปิดประตู”
"ส่วนพวกเรา ก็ถือโอกาส บุกเข้าไปในด่าน เวลานั้น กองทัพสองหมื่นนายจะบุกเข้าไป ขวัญกำลังใจศัตรูต่ำ จะมาหยุดทัพเราได้ไง?”
"แบบนี้ พวกเราก็จะยึดด่านโสหุยได้โดยง่ายดาย" ไป๋หลี่หมิงอธิบาย
"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง! "
เหล่าแม่ทัพได้ยินดังนั้นต่างก็พากันดีใจ
ถ้าทำแบบนี้ พวกเขาก็มีโอกาสยึดด่านโสหุย!
ที่สำคัญแผนการหลอกล่อนี้ ไม่ได้คิดขึ้นมาแบบปุบปับ
ต่อให้ขุนพลที่รอบคอบแค่ไหน ก็ไม่มีทางคาดคิดว่าพวกเขาจะมีแผนสำรอง!
"ถึงแม้แผนนี้จะดี แต่ก็ยังมีช่องโหว่อยู่ " ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว
"ตอนนี้ ฮัวหยงตายไปแล้ว ถ้าหากข้าศึกต้องการตรวจสอบ พวกเราจะทำอย่างไร? "
"ตรวจสอบ? "
"ใช่! "
เหล่าแม่ทัพ ต่างก็พากันตกตะลึง
"การตรวจสอบ ต้องใช้เวลา" ไป๋หลี่หมิงยิ้ม
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้ากองทัพปลอมนี้กำลังหนีโดยมีทัพของเราที่มีจำนวนเยอะกว่าไล่ตาม?”
พอได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็นึกขึ้นได้
ใช่!
ถ้าหากมีคนไล่ตามมา ข้าศึกจะมีเวลาตรวจสอบหรือ?
การทำแบบนี้ก็เท่ากับลดเวลา ในการตัดสินใจของข้าศึก
ตอนนี้ ข้าศึกมีทางเลือกแค่สองทาง
เปิด หรือ ไม่เปิด!
แต่ข้าศึกจะเลือกไม่เปิดได้หรือ?
อย่าลืมว่าหลี่ซูหนีรอดกลับไปได้คนเดียว
ถ้าหากคนที่รอการเปิดประตูคือฮัวหยง แล้วไม่ยอมเปิดประตู มันเท่ากับว่าเขาคือคนฆ่าฮัวหยง!
ต่อให้หลี่ซูจะปกป้องด่านโสหุยได้ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกตั๋งโต๊ะฆ่าตายอยู่ดี!
ในทางกลับกัน ถ้าหากหลี่ซูเปิดประตูเมือง และคนที่ประตูเป็นฮัวหยงจริง ทั้งสองก็จะรับโทษทั้งคู่และยังพอมีหวัง
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หลี่ซู มีทางเลือกเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเปิดประตู!
คิดได้ดังนั้น เหล่าแม่ทัพต่างก็พากันมองไป๋หลี่หมิงด้วยแววตาตกตะลึง!
ช่าง...ร้ายกาจ!
นี่มัน....ฆ่าคนโดยไม่ต้องลงมือ!
ใครกันที่สามารถต้านทานแผนการนี้ได้!
ซุนเกี๋ยนมองไป๋หลี่หมิงด้วยแววตาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
เด็กหนุ่มคนนี้ มันเป็นปีศาจหรืออย่างไร?
ทำไมถึงได้ฉลาดปราดเปรื่องถึงเพียงนี้!
ไม่ได้การแล้ว!
เขาต้องรั้งตัวไป๋หลี่หมิงเอาไว้ให้ได้!
ถ้าหาก ปล่อยคนที่มีความสามารถแบบนี้ไป
วันข้างหน้า ถ้าหากต้องเป็นศัตรูกัน เขาคงนอนหลับไม่สนิทแน่!
ในทางกลับกัน ถ้าหากรั้งตัวไป๋หลี่หมิงเอาไว้ได้ ต่อให้ใต้หล้านี้กว้างใหญ่ เขาก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!
"แม่ทัพทุกนาย ฟังคำสั่ง! "
"พวกเราจะทำตามแผนของท่านไป๋หลี่ เตรียมตัวยึดด่านโสหุย ! "
"ขอรับ!"เหล่าแม่ทัพรับคำอย่างพร้อมเพรียง
ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทหารทุกนายก็เตรียมตัวเสร็จ
ยกเว้น ทหารห้าพันนายที่ทำหน้าที่ปกป้องค่ายและทหารที่ทำหน้าที่ควบคุมเชลยศึก ที่เหลือต่างก็มุ่งหน้าไปยังด่านโสหุย
......
ด่านโสหุย
หลี่ซูนำทหารที่รอดชีวิตกลับมาถึงด่าน
"ท่านแม่ทัพหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้ " จ้าวเซินแม่ทัพที่ดูแลด่านโสหุยถามด้วยความตกใจ
ตอนนี้ ชุดเกราะของหลี่ซูไหม้เกรียม ใบหน้าซีดเซียวแม้แต่คิ้วก็ยังโดนไฟไหม้ไปครึ่งหนึ่ง
"แม่ทัพจ้าว อย่าพูดถึงมันเลย " หลี่ซูพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
"พวกเราติดกับพวกมันแล้ว!"
"ซุนเกี๋ยน มันร้ายกาจยิ่งนัก แกล้งทำเป็นว่าไม่ทันระวังตัว "
"ตอนที่ข้านำทัพบุกเข้าไปในค่าย พวกมันก็จุดไฟเผา ตัดเส้นทางล่าถอยของพวกเรา "
"กองทัพของเราจึงแตกพ่าย "
"อะไรนะ? จุดไฟเผา?"
"เผากระโจมตัวเอง งั้นรึ? " จ้าวเซินทำหน้างงๆ
บนโลกนี้มีวิธีรบแบบนี้ด้วยหรือ?
เพื่อที่จะเอาชนะข้าศึก ถึงกับยอมเผากระโจมตัวเอง?
"แล้วแม่ทัพฮัวหยงล่ะขอรับ?"
"ท่านแม่ทัพฮัวหยง เห็นว่าหลังค่ายเกิดไฟไหม้ คงคิดว่าแผนการของพวกเราสำเร็จ จึงนำทัพบุกเข้าไปในค่าย....." หลี่ซูไม่กล้าพูดต่อ
"ท่านหมายความว่า ท่านแม่ทัพฮัวหยงก็ติดกับพวกมันเช่นกันงั้นรึ?" จ้าวเซินเบิกตากว้าง
แม่ทัพทั้งสองนำทหารไปมากกว่าครึ่ง
ต่อให้ชนะไม่ได้ ก็ไม่สมควรแพ้เช่นนี้!
เกิดบ้าอะไรขึ้น?
ขณะที่ทั้งสอง กำลังคุยกันอยู่ ก็มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
"เรียนท่านแม่ทัพ มีทหารกลุ่มหนึ่งอยู่ด้านล่าง บอกว่าเป็นทหารของแม่ทัพฮัวหยง และขอให้เปิดประตู "