ตอนที่แล้วตอนที่ 9 ศึกแรกของเตียวเลี้ยว ฮัวหยงตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 ยึดด่านและควบคุมศัตรู

ตอนที่ 10 บุกด่านโสหุย


การต่อสู้จบลงด้วยชัยชนะของซุนเกี๋ยน

ถึงแม้ว่ากองทัพซีเหลียงจะแข็งแกร่ง  แต่ผู้นำของพวกมันก็ตายไปแล้ว

ภายใต้การล้อมของกองทัพซุนเกี๋ยน  ยกเว้นทหารบางคนที่หนีไปอย่างตื่นตระหนก ส่วนใหญ่ถูกล้อมไว้ระหว่างเนินเขากับแม่น้ำ

ต่อหน้ากองทัพซุนเกี๋ยนที่กำลังรอโอกาส ทหารนม้าไม่อาจมีบทบาทได้

ในที่สุด   ทหารซีเหลียงส่วนใหญ่ก็ยอมจำนน

การต่อสู้ดำเนินไปครึ่งชั่วยาม  ก็จบลง

ซุนเกี๋ยนและคนอื่น ๆ ก็มารวมตัวกัน

ทันทีที่ซูเหมาเห็นซุนเกี๋ยน เขาก็รีบก้าวไปอย่างตื่นเต้นและพูด

"ท่านแม่ทัพ  ข้ามาช้าไป  ขอท่านแม่ทัพโปรดอภัย"  ซูเหมากล่าวอย่างรู้สึกผิด

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า   ไม่เป็นไร!"   ซุนเกี๋ยนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

"ต้าหรง  เจ้ามาได้ทันเวลาพอดี ศึกครั้งนี้ เจ้าทำได้ดีมาก  "

"ท่านแม่ทัพกล่าวเกินไปแล้ว  ข้าละอายใจยิ่งนัก" ซูเหมาก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ

"ความจริงแล้ว  คนที่สั่งให้ข้าโจมตีคือท่านไป๋หลี่"

"ตอนนั้น  ข้าเห็นว่าท่านแม่ทัพหายไปนาน  จึงคิดจะนำทัพลงไปช่วย"

"โชคดีที่ท่านไป๋หลี่ห้ามไว้  ไม่งั้น เกรงว่าข้าคงทำเรื่องใหญ่พลาดไปแล้ว"

"โอ้?มีเรื่องเช่นนี้ด้วยรึ"  ซุนเกี๋ยนขมวดคิ้ว แต่ก็สงบลง

เขาก็แปลกใจ เพราะที่ผ่านมา  ซูเหมาเป็นคนที่ใจร้อน ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง

ทำไมวันนี้ ถึงได้ใจเย็น   สั่งการอย่างสุขุมรอบคอบ!

ที่แท้คนบงการกลับเป็นไป๋หลี่หมิง!

"ไม่เป็นไรๆ เจ้าซื่อสัตย์กับข้า  ข้าไม่ถือสาเจ้าหรอก"

"แล้วท่านไป๋หลี่ อยู่ที่ไหน?"

พูดจบ  ซุนเกี๋ยนก็มองไปรอบๆ ไม่เห็นแม้แต่เงาของไป๋หลี่หมิง  จึงรีบถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจ

หลังจากผ่านศึกครั้งนี้  เขามั่นใจว่าไป๋หลี่หมิงเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ

ตอนนี้  เขาชนะศึกแล้วจึงอยากเจอไป๋หลี่หมิงโดยเร็วที่สุด

"เอ๊ะ ท่านไป๋หลี่ยังไม่มาถึงอีกเหรอ?"

"เมื่อกี้  ข้าเห็นท่าน  อยู่ข้างหลังข้านี่นา  "

"เจ้าหมายความว่า  ท่านไป๋หลี่หายไปแล้วงั้นรึ?  "  ซุนเกี๋ยนเบิกตากว้าง

“ทำไมเจ้าไม่ดูให้ดีกว่านี้?นี่คือสงครามที่วุ่นวาย ท่านไป๋หลี่เป็นกุนซือ ถ้าเกิดเขาบาดเจ็บเล่า?”

"ข้า...ข้าจะไปตามหาเขาเดี๋ยวนี้!"  ซูเหมารู้สึกกังวล

ถึงแม้พวกเขาจะชนะศึก  แต่ถ้าไป๋หลี่หมิงเกิดเรื่องอะไรขึ้น   เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง

"พวกเจ้ากำลังตามหาข้าอยู่รึ?"

ทันใดนั้น  เสียงของไป๋หลี่หมิงก็ดังขึ้น

ทั้งสองคน  มองไปยังต้นเสียง  เห็นเงาดำ  พุ่งเข้ามาหาพวกเขา

ส่วนคนที่โยนของสิ่งนั้นก็คือเตียวเลี้ยวที่เดินตามหลังไป๋หลี่หมิงมา

ซุนเกี๋ยนเห็นไป๋หลี่หมิงก็ดีใจ แต่แล้วเขาก็มองไปที่พื้นและตกใจอีกครั้ง

หัวคน?

"ท่านไป๋หลี่ นี่มันอะไรกัน?  "

"นี่คือหัวของฮัวหยง"  ไป๋หลี่หมิงยิ้ม

"พี่เตียวตัดหัวมันมา  แล้วเอามามอบให้ท่านแม่ทัพ"

"หัวของฮัวหยง?"

ซุนเกี๋ยนและซูเหมาต่างก็ตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่เตียวเลี้ยวด้วยความประหลาดใจ

"คนที่ฆ่าฮัวหยง  คือท่านเตียวเลี้ยว งั้นเหรอ?"

"ใช่แล้ว "  เตียวเลี้ย ยิ้ม  "ตอนแรกข้าก็คิดว่ามันเก่ง ไม่คิดเลยว่าจะกระจอกขนาดนี้"

"ข้าบุกลงไป  ไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่าก็ฆ่ามันได้แล้ว"

"อะไรนะ?"

"ไม่ถึงหนึ่งกระบวนท่า?"

เตียวเลี้ยวพูดอย่างง่ายดาย  แต่ซุนเกี๋ยนและซูเหมาอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึก

ฆ่าฮัวหยงได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า?  มันบ้าเกินไปแล้ว!

ฮัวหยงเป็นถึงแม่ทัพใหญ่  รูปร่างสูงใหญ่  แม่ทัพธรรมดา ต่อให้สู้กัน สิบ ยี่สิบกระบวนท่าก็ยังเอาชนะมันไม่ได้

แล้วนี่อะไร?

เตียวเลี้ยวบอกว่าฆ่าฮัวหยงได้ภายในหนึ่งกระบวนท่า?

ช่าง...แข็งแกร่ง  เกินมนุษย์มนา!

"ท่านเตียวเลี้ยว  ช่างกล้าหาญ"  ซุนเกี๋ยน  กล่าวชื่นชม

"ข้านับถือ!"

"ท่านแม่ทัพซุนกล่าวเกินไปแล้ว" เตียวเลี้ยว กล่าวอย่างเขินอาย

"ขุนพลก็กล้าหาญ  กุนซือก็เฉียบแหลม  ช่างเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบ  " ซุนเกี๋ยนถอนหายใจ  แล้วหันไปหาไป๋หลี่หมิง

"ท่านนี่  สร้างปัญหาให้ข้าจริงๆ "

"ตอนแรกข้าตั้งใจจะให้รางวัลท่านเป็นร้อยตำลึงทอง  "

"แต่ตอนนี้ท่านช่วยข้าฆ่าฮัวหยง   ข้าไม่รู้ว่าจะให้รางวัลท่านอย่างไรดี?"

ซุนเกี๋ยนอยากให้รางวัลทั้งสองคน

แต่ทั้งคู่  ก็ไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา  จะให้รางวัลอย่างไรดี?

"เรื่องรางวัล  เอาไว้ทีหลังเถอะ"  ไป๋หลี่หมิงยิ้ม

"ตอนนี้ ท่านแม่ทัพ  ชนะศึกแล้ว  แต่ยังไม่รู้ว่า  สถานการณ์ในค่ายเป็นอย่างไร"

"ทำไม  เราไม่กลับไปที่ค่าย  พบปะกับทหาร  และตรวจนับทรัพย์สินที่ยึดมาได้ละ?"

"ก็ดีเหมือนกัน" ซุนเกี๋ยนพยักหน้าเห็นด้วย

จากนั้นเขาก็สั่งให้คนเตรียมม้า  แล้วพาทหารกว่าหมื่นนาย   มุ่งหน้าไปยังค่าย

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม  พวกเขาก็มาถึงหน้าค่าย

บังเอิญเจอหันต๋ง  ฮองตง  และแม่ทัพคนอื่นๆ  กำลังทำเก็บกวาดสนามรบอยู่

ตอนเหล่าแม่ทัพเห็นซุนเกี๋ยนกลับมา พวกเขาก็ก้าวมาและถามด้วยความกังวล

"ท่านแม่ทัพ!ท่านแม่ทัพ กลับมาแล้ว การต่อสู้ทางฝั่งท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?"   เหล่าแม่ทัพ  ถามอย่างร้อนใจ

ซุนเกี๋ยนเห็นว่าในค่ายสงบเรียบร้อยดี ก็รู้ว่าพวกเขาต้องชนะและยิ้ม

"ฮัวหยง ตายแล้ว  กองทัพของพวกมัน  แตกพ่าย  พวกเราชนะแล้ว!  "

"แล้วพวกเจ้าล่ะ   เป็นอย่างไรบ้าง?"   ซุนเกี๋ยนถาม

"หลังจากที่ท่านแม่ทัพแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้   ฮัวหยงก็นำทัพไล่ตามท่านแม่ทัพโดยไม่สนใจกองทัพด้านหลัง"  ฮองตง  ยิ้ม

"พวกเราจึงถือโอกาส  กำจัดทหารราบของพวกมัน"

"ตอนนี้  พวกเรากำลังเก็บกวาดสนามรบ"

"จากการประเมินคร่าวๆ   ศึกครั้งนี้  พวกเราเสียทหารไปไม่ถึงสองพันนาย  "

"ส่วนข้าศึก  ตายไปกว่าสามพันนาย  จับเชลยได้เกือบสองพันนาย  "

"ตอนนี้  ท่านเฉิงผู่กำลังสั่งให้ทหารให้ดับไฟ  "

"กระโจมครึ่งหนึ่งน่าจะรอดขอรับ"

"ดี!  "  ซุนเกี๋ยนยิ้ม

ศึกครั้งนี้ พวกเขาเสียหายไม่มาก

เทียบกับชัยชนะที่ได้มา มันคุ้มค่ามาก!

พวกเขาเสียทหารไปไม่ถึงสองพัน  แต่กำจัดข้าศึกไปกว่าหมื่นนาย

ได้เชลย ม้าศึกอีก มากมาย

"ท่านไป๋หลี่ ท่านช่างปราดเปรื่อง  ข้านับถือจริงๆ "  ซุนเกี๋ยน  กล่าวอย่างชื่นชม

เหล่าแม่ทัพที่อยู่ด้านข้าง  ต่างก็มองไป๋หลี่หมิงด้วยแววตาชื่นชม

ตอนที่ไป๋หลี่หมิงปรากฏตัวครั้งแรก   พวกเขาต่างก็คิดว่า  เขาเป็นแค่นักต้มตุ๋น

แต่ตอนนี้  ความคิดเช่นนั้น  มันได้หายไปหมดแล้ว

ถ้าหากนักต้มตุ๋น   มีความรู้  ความสามารถขนาดนี้

คงจะดีไม่น้อย!

"ท่านแม่ทัพ  ท่านคิดว่าแค่นี้พอแล้วรึ?   "  ไป๋หลี่หมิง  ถาม

"หืม?"

ซุนเกี๋ยน และ แม่ทัพคนอื่นๆ  ต่างก็ตกตะลึง

"ท่านไป๋หลี่ ท่านหมายความว่าอย่างไร?   "  ซุนเกี๋ยนถามอย่างไม่เข้าใจ

"ท่านแม่ทัพ ท่านได้รับชัยชนะ  ท่านคิดว่าแค่นี้พอแล้วหรือ?"  ไป๋หลี่หมิง  ยิ้ม

"ตอนนี้  ด่านโสหุยอยู่ตรงหน้า  ท่านแม่ทัพไม่มีเจตนาอื่นใดเลยหรือ?”

"ด่านโสหุย?"  ซุนเกี๋ยนเบิกตากว้าง

"ท่าน... ท่านหมายความว่าจะให้กองทัพเรายึดด่านโสหุย? "

"ใช่แล้ว"

พอเจอกับอาการตกใจของซุนเกี๋ยน ไป่หลี่หมิงก็พยักหน้าและยิ้ม  "ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด  ที่เราจะยึดด่านโสหุย  "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด