ตอนที่ 35: ยันต์วัชระ
ตอนที่ 35: ยันต์วัชระ
ตำหนักยันต์ล้ำเลิศอยู่บนยอดเขาขนนกโบยบิน
เนื่องจากเป็นหนึ่งในสามยอดเขาของสำนักชั้นในและเป็นที่พำนักของเจ้าสำนัก มันจึงมีความหรูหราเป็นพิเศษ ต่อให้เพิ่งขึ้นเขามาได้ครึ่งทาง แต่ความเข้มข้นของปราณวิญญาณฟ้าดินยังสูงกว่ายอดเขาขนนกโบยบินหลายเท่านัก
จำนวนศิษย์สายในก็มีมากที่สุดเช่นกัน ขณะนั่งอาวุธวิเศษบินได้ของไป๋หยิงเฟย หวังฝูเห็นศิษย์สายในจำนวนมากกำลังควบคุมอาวุธวิเศษในอากาศธาตุ ซึ่งบางครั้งก็มีอาจารย์อาขอบเขตสร้างรากฐานผ่านทางมา
“ถึงแล้ว”
หลังจากผ่านตำหนักจำนวนมาก ในที่สุดใบไม้สีเขียวซึ่งเป็นอาวุธวิเศษบินได้ก็หยุดอยู่หน้าตำหนักแห่งหนึ่ง
ตัวอักษรปิดทองขนาดใหญ่สามตัวซึ่งมีความหมายว่าตำหนักยันต์ล้ำเลิศส่องแสงเจิดจ้าบนแผ่นป้าย ลวดลายที่ใช้วาดยันต์หมุนวนรอบเสาทั้งสองข้างของประตู ทำให้เกิดบรรยากาศแบบโบราณ
“ศิษย์น้องหวัง เจ้ารอตรงนี้ก่อน ศิษย์พี่ไป๋กับข้าจะไปหาท่านลุงสักครู่” หลี่เสี่ยวหวนเอ่ยคำ
“ขอรับ” หวังฝูพยักหน้าขณะสายตาจับจ้องเสาหินขนาดใหญ่สองต้นที่อยู่ทั้งสองฝั่งของประตู
“ศิษย์น้องหญิงเชิญตามสบาย ข้าไม่ได้มาจากตำหนักยันต์ล้ำเลิศเลยไม่จำเป็นต้องซื้อยันต์ ข้าจะอยู่ที่นี่กับศิษย์น้องหวังเพื่อป้องกันไม่ให้คลาดสายตาในภายหลัง” เห็นได้ชัดว่าไป๋หยิงเฟยมีความคิดของตัวเองอยู่แล้ว แต่หลี่เสี่ยวหวนไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด
นางครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตระหนักได้ว่ามันจริงดังที่ว่า หากหวังฝูหายไปตอนนางพาท่านลุงมาจะทำอย่างไร? ต่อให้หายไปก็สามารถควานหาตัวได้อีก แต่ถ้าทำให้ท่านลุงไม่พอใจขึ้นมา ทุกอย่างเป็นอันจบสิ้น
ยันต์ระดับสองซึ่งทรงพลังเทียบเท่ากับการโจมตีของขอบเขตสร้างรากฐานคือไพ่ตายชั่วชีวิตสำหรับนาง
“ศิษย์พี่ไป๋ช่างรอบคอบนัก ขอบคุณสำหรับความเอาใจใส่” หลี่เสี่ยวหวนแย้มยิ้มให้ไป๋หยิงเฟย
ไป๋หยิงเฟยย่อมยินดีปรีดายิ่ง
แม้เขาอยากใช้โอกาสนี้ในการปรับแต่งสูตรของหวังฝู แต่ใครจะคาดคิดว่าจะได้รับความชื่นชมจากหลี่เสี่ยวหวน
หลังจากหลี่เสี่ยวหวนเข้าตำหนักยันต์ล้ำเลิศแล้ว ไป๋หยิงเฟยย่อมอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามหวังฝู “ศิษย์น้องหวัง พวกเราคุยเรื่องสูตรของเหลววิญญาณได้หรือไม่?”
หวังฝูกำลังศึกษาลวดลายบนเสาหินอยู่ พอถูกขัดจังหวะขึ้นมาก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ เขากลอกตาก่อนจะทราบดีว่าหากไม่สามารถขจัดความคิดของไป๋หยิงเฟยออกไปจนหมดได้ ผู้ชายคนนี้อาจจะตามมาราวีอีกในอนาคต
“ศิษย์พี่ไป๋ สูตรของเหลววิญญาณไม่สามารถขายได้ ส่วนของเหลววิญญาณไม่ได้มีผลอย่างที่คิดไว้ ไม่อย่างนั้นทำไมข้าถึงต้องดิ้นรนในขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้าด้วยเล่า ไม่งั้นข้าคงกลายเป็นศิษย์สำนักในไปนานแล้ว”
“เหมือนอย่างโอสถ หากใช้ของเหลววิญญาณมากเกินไปย่อมทำให้เกิดอาการดื้อยา แล้วผลของมันจะลดลงเป็นอย่างมาก การทำเช่นนี้สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนได้ แต่เกรงว่าการช่วยศิษย์พี่ไป๋ทะลวงขอบเขตกลั่นลมปราณระดับสิบอาจมีขีดจำกัดบางอย่าง”
ไป๋หยิงเฟยขมวดคิ้วขณะตั้งใจฟัง แต่เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว เขาจึงรู้สึกว่าที่หวังฝูพูดมามีเหตุผล หากมีของดีเช่นนั้นอยู่ในโลกจริง หวังฝูและแม้กระทั่งตระกูลที่คอยหนุนหลังเขาคงเติบโตจนถึงจุดที่โด่งดังไปทั่วหล้านานแล้ว
เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลผู้ฝึกตนเป็นเซียนแซ่หวังในสำนักขนนกร่วงโรยมาก่อน หากไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก อย่างมากคงเป็นเพียงตระกูลขนาดเล็ก การที่มีผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณก็นับว่าดีเท่าไหร่แล้ว
ทว่าเขาอยากต่อสู้เพื่อมันอีกครั้งเช่นกัน ถึงอย่างไรผลจากของเหลววิญญาณในช่วงต้นของการฝึกฝนยังนับว่าแข็งแกร่ง
“ขอบคุณศิษย์น้องหวังที่เตือนข้า แต่บรรพชนตระกูลไป๋เก่งเรื่องการหลอมยาเม็ด ข้าไม่ได้ขอสูตรนี้เพื่อตัวเอง แต่เพื่อต้องการเอาไปแสดงให้บรรพชนได้เห็นต่างหาก ศิษย์น้องหวังไม่ต้องห่วง หากบรรพชนตระกูลไป๋ของข้าได้ผลลัพธ์เช่นไรก็จะบอกกล่าวโดยไวอย่างแน่นอน เขาอาจจะสามารถพัฒนาสูตรและเพิ่มผลให้กับของเหลววิญญาณได้”
หวังฝูเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เหตุใดชายผู้นี้ถึงได้ดื้อด้านนัก
โชคดีที่เสียงของหลี่เสี่ยวหวนดังขึ้นทันเวลา มันทำให้หวังฝูรู้สึกโล่งใจ
“ลุงเจ็ด ข้าขอให้หวังฝูรออยู่ข้างนอกแล้ว…”
หลี่เสี่ยวหวนเดินออกจากตำหนักยันต์ล้ำเลิศโดยมีชายวัยกลางไว้เคราแพะเดินตามมา ชายคนนั้นเอามือไพล่หลังโดยไม่แสดงอาการคุกคามหรือโทสะแต่อย่างใด ทว่ากลับมีแรงกดดันมหาศาลกดทับมาที่หวังฝู แต่โชคดีที่หวังฝูชอบเผชิญกับแรงกดดันแบบนี้ดีกว่าต้องมาเจอกับความดื้อด้านของไป๋หยิงเฟย
“คารวะอาจารย์ลุงหลี่” เมื่อไป๋หยิงเฟยเห็นหลี่เสี่ยวหวนกับลุงของนางเดินออกมา เขารีบก้าวไปข้างหน้าแล้วคารวะด้วยความเคารพ แล้วหวังฝูจึงทำตาม “คารวะอาจารย์ลุงหลี่”
“อืม” หลี่อี้พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมามองหวังฝู “เจ้าคือเด็กที่วาดยันต์วัชระคุณภาพสูงสุดด้วยตัวเองงั้นหรือ?”
“ท่านอาจารย์ลุง เป็นข้าเอง” หวังฝูคำนับ
“ไม่เลว ทั้งที่อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้าแต่กลับมีความสามารถขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นเขาก็มีพรสวรรค์ในการสร้างยันต์” หลี่อี้พยักหน้า ทว่าหวังฝูกลับทราบถึงความหมายลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังคำพูด
หากมีความสามารถจริงก็แล้วไป แต่ถ้าไม่มีความสามารถนี้ เช่นนั้นเกรงว่าคงไปได้ไม่สวยแบบนี้
“มากับข้า หากเจ้าสามารถวาดยันต์วัชระคุณภาพสูงต่อหน้าข้าได้อีกใบ ข้าจะยอมให้เจ้าเข้าตำหนักยันต์ล้ำเลิศเพื่อทำการฝึกฝน”
“ขอบคุณอาจารย์ลุง ข้าจะพยายามสุดความสามารถ”
หวังฝูบังเกิดความยินดี
ขณะหลี่อี้เดินเข้าไปตำหนักด้านข้างของตำหนักยันต์ล้ำเลิศซึ่งมีโต๊ะเรียงรายอยู่ข้างในมากมาย ศิษย์ทั้งหลายกำลังยืนอยู่ข้างโต๊ะบางตัวขณะจดจ่อกับการวาดยันต์ หวังฝูกวาดตามองโดยสังเขปก่อนจะพบว่ายันต์ที่ถูกวาดโดยศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นยันต์ระดับต่ำสุด
เมื่อเห็นหลี่อี้มาถึง ทุกคนจึงรีบวางพู่กันยันต์ในมือก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพ
“คารวะอาจารย์ลุงหลี่…”
หลี่อี้พยักหน้าอย่างสงบ
ศิษย์เหล่านั้นคล้ายกับคุ้นชินแล้ว หลังจากทำความเคารพ พวกเขายังคงสร้างยันต์ต่อไป ทว่าสายตากลับมองหวังฝูด้วยความสงสัยและไม่เข้าใจว่าเหตุใดศิษย์สายนอกซึ่งอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้าถึงมาอยู่ที่นี่ ส่วนหลี่เสี่ยวหวน พวกเขาทราบดีว่านางคือหลานสาวของอาจารย์ลุงหลี่
“ไปที่โต๊ะตรงนั้น ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบห้านาที” หลี่อี้ชี้โต๊ะที่ว่างเปล่าขณะโบกมือให้หวังฝูไปตรงนั้น
หวังฝูเดินมาที่โต๊ะขณะสูดหายใจเข้าเพื่อระงับความตื่นเต้นกับความวิตกกังวล เขาทราบดีว่าจะได้เป็นศิษย์สายในหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้
เขาปรับสภาพจิตใจขณะหยิบพู่กันยันต์ลวดลายสีดำ ชาดและกระดาษยันต์ออกมา
พู่กันยันต์ถูกจุ่มลงไปในชาดขณะแตะลงบนกระดาษยันต์อย่างแผ่วเบา หลังจากรวบรวมจิตเทวะแล้วจึงเริ่มร่างเส้น…
ศิษย์ทั้งหลายคล้ายกับเข้าใจบางอย่างเมื่อเห็นเช่นนี้ แล้วสายตาของพวกเขาที่มองหวังฝูจึงเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“ผู้ชายคนนี้อาจจะไปสะดุดตาอาจารย์ลุงหลี่เข้าก็เลยถูกทดสอบ หากผ่านขึ้นมาก็อาจจะกลายเป็นหนึ่งในพวกเรา”
“โชคดีอะไรอย่างนี้ ข้าต้องใช้เวลาสิบกว่าปีถึงจะกลายเป็นศิษย์สายใน”
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้…”
“หวังว่าคนผู้นี้จะไม่ผ่าน ไม่งั้นข้าคงไม่สบายใจแน่…”
ศิษย์เหล่านี้ไม่มีใครอยากให้หวังฝูทำสำเร็จ พวกเขาไม่ต้องการให้ศิษย์สายนอกที่อยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณระดับห้ามาอยู่ในสถานะเดียวกันกับพวกตนแบบปุบปับ
ทว่าตรงกันข้ามกับศิษย์เหล่านี้ หลี่เสี่ยวหวนและไป๋หยิงเฟยหวังว่าหวังฝูจะทำสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่เสี่ยวหวน มันเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ว่านางจะได้รับยันต์ระดับสองหรือไม่
“ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?” หลี่เสี่ยวหวนมองหวังฝูผู้กำลังลงมือวาดบนโต๊ะด้วยความวิตก
“ศิษย์น้องหญิงไม่ต้องห่วง ศิษย์น้องหวังจะต้องทำได้อย่างแน่นอน ข้าซื้อยันต์วัชระใบนั้นมาจากเขาเองกับมือ” ไป๋หยิงเฟยปลอบประโลม
“เป็นไปได้ไหมว่าเขาไม่ได้วาดเอง…”
หลี่เสี่ยวหวนเพิ่งคาดเดาไม่ทันไร แล้วแสงสีทองจึงปรากฏตรงหน้าหวังฝู มันวูบไหวหนึ่งอึดใจเต็มก่อนจะหายไป
หลี่เสี่ยวหวนแย้มยิ้ม