ตอนที่ 35 ประตูสวรรค์
ตอนที่ 35 ประตูสวรรค์
“อสูรเพลิงโทสะเหล่านี้มีพลังพอ ๆ กับข้า แต่ดูดุร้ายกว่า!”
ลู่เหรินจ้องมองอสูรเพลิงโทสะทั้งแปดตัวอย่างไม่ลดละ ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
โฮก!
ทันใดนั้นอสูรเพลิงโทสะตัวหนึ่งก็สะบัดกรงเล็บที่แหลมคมพุ่งเข้าโจมตี ลู่เหรินชักดาบออกฟันใส่อสูรเพลิงโทสะตัวนั้น
ปัง!
อสูรเพลิงโทสะถูกฟันขาดเป็นสองท่อน ระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงสีแดงสองก้อน
ลู่เหรินสังหารอสูรเพลิงโทสะอีกสองตัวอย่างง่ายดาย อสูรเพลิงโทสะเหล่านั้นก็ระเบิดกลายเป็นเปลวเพลิงสองก้อนเช่นกัน
“พลังของอสูรเพลิงโทสะเหล่านี้ก็แค่นี้เอง!”
ขณะที่ลู่เหรินกำลังจะสังหารอสูรเพลิงโทสะตัวอื่น เปลวเพลิงสีแดงทั้งหกก้อนก็กลับกลายเป็นอสูรเพลิงโทสะหกตัว
ลู่เหรินฆ่าอสูรเพลิงโทสะไปสามตัว ตอนนี้รวมกับแปดตัวก่อนหน้า ก็มีทั้งหมดสิบสามตัวแล้ว
“ยิ่งฆ่ายิ่งเพิ่มจำนวนงั้นหรือ?”
ลู่เหรินขมวดคิ้วหยุดการโจมตี แล้วหันมาตั้งรับแทน อสูรเพลิงโทสะเหล่านี้มีพลังพอ ๆ กับเขา เขาสามารถรับมือได้จนกว่าธูปจะหมดด้วยวิชาดาบสวรรค์และวิชาพยัคฆ์ก้าวพริบตาขั้นสมบูรณ์
ลู่เหรินป้องกันอย่างต่อเนื่อง อสูรเพลิงโทสะสิบสามตัวไม่สามารถทำร้ายเขาได้แม้แต่น้อย
อย่าว่าแต่หนึ่งก้านธูป แม้แต่สองหรือสามก้านธูป เขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้
อย่างไรก็ตาม!
ทันทีที่ลู่เหรินคิดเช่นนั้น อสูรเพลิงโทสะเหล่านั้นก็แยกออกเป็นสองตัวโดยอัตโนมัติ จำนวนเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในพริบตา กลายเป็นอสูรเพลิงโทสะยี่สิบหกตัว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ลู่เหรินขมวดคิ้ว มองไปยังอสูรเพลิงโทสะที่กำลังพุ่งเข้ามาโจมตี จากนั้นดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย พร้อมกล่าวว่า “ไม่ว่าข้าจะฆ่าพวกมันหรือไม่ พวกมันก็จะแยกตัวเพิ่มจำนวนอยู่ดี งั้นข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดก่อนที่พวกมันจะแยกตัว!”
พึ่บ!
ลู่เหรินถือดาบไฟวิญญาณในมือพุ่งเข้าหาพวกมันพร้อมปลดปล่อยพลังจากช่องจิตทั้งเจ็ดแห่งออกมาอย่างเต็มที่ มือฟาดฟันดาบไฟวิญญาณ เงาดาบพร่างพรายดุจพายุฝนโหมกระหน่ำ พุ่งเข้าใส่อสูรเพลิงโทสะยี่สิบหกตัว
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก!
เงาดาบทั่วท้องฟ้าราวกับเม็ดฝน ทะลวงผ่านร่างของอสูรเพลิงโทสะยี่สิบหกตัวในพริบตา
จากนั้นร่างของอสูรเพลิงโทสะเหล่านั้นก็ระเบิดออกเหมือนดอกไม้ไฟ กลายเป็นเปลวเพลิงก้อนแล้วก้อนเล่า
เมื่อลู่เหรินคิดว่าเขาผ่านการทดสอบแล้ว เขาก็พบว่าเปลวเพลิงเหล่านั้นรวมตัวกัน กลายเป็นอสูรเพลิงโทสะขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสิบเท่า
อสูรเพลิงโทสะตัวนั้นมีพลังปราณที่น่าสะพรึงกลัว แข็งแกร่งกว่าลู่เหรินมาก
โฮก!
อสูรเพลิงโทสะพ่นเปลวเพลิงออกจากปากอย่างบ้าคลั่ง กลายเป็นฝนเพลิงโหมกระหน่ำใส่ลู่เหริน
ร่างของลู่เหรินพุ่งทะยาน ใช้พยัคฆ์ก้าวพริบตาอย่างต่อเนื่อง ด้วยร่างกายที่ว่องไว บวกกับวิชาพยัคฆ์ก้าวพริบตาขั้นสมบูรณ์ ทำให้เคลื่อนไหวได้เทียบเท่าวิชาเคลื่อนที่ระดับมนุษย์ขั้นสูง หลบหลีกการโจมตีของฝนเพลิงได้ทุกครั้ง
อสูรเพลิงโทสะดูเหมือนจะมีสติปัญญา ดูเหมือนว่ามันจะคลั่งโดยสมบูรณ์แล้ว เวลานี้กำลังพุ่งเข้าหาลู่เหรินไม่ลดละ
เผชิญหน้ากับการโจมตีที่ดุเดือดเช่นนี้ ลู่เหรินใช้วิชาดาบสวรรค์ป้องกันอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่กี่กระบวนท่า ดาบไฟวิญญาณในมือของเขาก็ถูกอสูรเพลิงโทสะตบกระเด็นออกไป
“ฮ่าฮ่าฮ่า ลู่เหรินทนไม่ไหวแล้ว อสูรเพลิงโทสะตัวนั้นแข็งแกร่งกว่าลู่เหรินหนึ่งระดับ เขาไม่ได้ฝึกฝนวิชาขั้นสูงกว่านี้ ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้!”
กู่อี้ฝานหัวเราะเสียงดัง
“นี่แหละคือความแตกต่างของสายเลือด เขาเป็นสายเลือดไร้ค่า นอกจากวิชาดาบแล้ว วิชามวย วิชาเคลื่อนที่ และวิชาฝ่ามือป้องกันล้วนเป็นระดับมนุษย์ขั้นต่ำ แม้จะฝึกฝนถึงขั้นสมบูรณ์ก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีที่รุนแรงของอสูรเพลิงโทสะได้!”
เซี่ยกวงเยาะเย้ย
ส่วนนักยุทธ์ที่ตกรอบไปแล้วก็ส่ายหัวอย่างเงียบ ๆ โดยทั่วไปแล้วหากสามารถฝึกฝนวิชาเคลื่อนที่ระดับปฐพีขั้นต่ำหนึ่งวิชา และฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้หนึ่งก้านธูป
แต่ลู่เหรินเป็นสายเลือดไร้ค่า ไม่สามารถฝึกฝนวิชาเคลื่อนที่ขั้นสูงจึงไม่มีทางผ่านการทดสอบนี้ไปได้
สีหน้าของผู้อาวุโสเมิ่งเซียนก็ไม่สู้ดีนัก วิชาที่ลู่เหรินฝึกฝนนั้นล้วนอยู่ในระดับต่ำเกินไป ยากที่จะต้านทานการโจมตีของอสูรเพลิงโทสะได้
“ศิษย์เอ๋ย อาจารย์เชื่อในตัวเจ้า!”
อวิ๋นชิงเหยาจ้องมองลู่เหริน กำหมัดแน่นเพื่อระงับความตื่นเต้นในใจ
โครมคราม!
กรงเล็บอันแหลมคมของอสูรเพลิงโทสะฟาดฟันออกมาก่อเกิดลมกระโชกแรง
“ถ้าหลบไม่ได้ ก็จะสู้กับเจ้าให้รู้แล้วรู้รอด!”
ลู่เหรินไม่หลบอีกต่อไป แต่ยืนอยู่กับที่ แปลงฝ่ามือทั้งสองเป็นรูปแปดทิศ เผชิญหน้ากับการโจมตีของอสูรเพลิงโทสะแล้วตบออกไปอย่างโหดเหี้ยม
ตูม!
ฝ่ามือที่ใหญ่ราวกับภูเขาตบใส่ลู่เหรินจนกระเด็นออกไป
ปุ!
ลู่เหรินกระอักเลือด ถอยหลังไปหลายก้าว ผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะทรงตัวได้อีกครั้ง
“พลังแค่นี้เอง ข้าทนได้ เอาอีก!”
ลู่เหรินคำรามลั่น ร่างกายลุกโชนด้วยไฟแห่งเจตจำนงต่อสู้ ถ้าหลบไม่ได้ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น จากการปะทะเมื่อครู่ ลู่เหรินมีความมั่นใจมากพอที่จะต้านทานการโจมตีของอสูรเพลิงโทสะได้
ร่างกายของเขาบรรลุถึงขั้นบำรุงปราณ หลอมกาย สามารถทนทานต่อพลังระดับนี้ได้ หากเป็นเมื่อก่อน หลังจากโดนฝ่ามือนี้เข้าไป เขาคงลุกขึ้นไม่ได้อีกแล้ว
ตูม!
ตูม!
การโจมตีด้วยฝ่ามือหลายครั้งต่อมาของอสูรเพลิงโทสะ ลู่เหรินล้วนใช้ฝ่ามือแปดทิศรับมือได้ทั้งหมด หลังจากสิบกว่าฝ่ามือร่างของอสูรเพลิงโทสะก็สลายไปเอง กลายเป็นกลุ่มแสงเพลิงแล้วหายไป
“ต้านทานการโจมตีอย่างหนักของอสูรเพลิงโทสะได้งั้นหรือ?”
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ต่างตกตะลึง
ไม่มีใครคาดคิดว่าลู่เหรินจะยอมสละการหลบหลีก แล้วเลือกที่จะรับมือโดยตรง
ร่างกายของเจ้านี่ทำด้วยเหล็กหรือไง?
นักยุทธ์ขอบเขตเปิดประตูพลัง ร่างกายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านผู้อาวุโสอวิ๋น พวกเราคนแก่สายตาแคบจริง ๆ ท่านมีสายตาในการเลือกศิษย์ที่เฉียบคมมาก!”
ท่านผู้อาวุโสเมิ่งเชียนเห็นลู่เหรินยืนหยัดอยู่ได้หนึ่งก้านธูปก็ระเบิดหัวเราะลั่น
อวิ๋นชิงเหยายิ้ม เพื่อปกปิดความเขินอายของตนเอง
นี่ไม่ใช่เพราะนางมีสายตาแหลมคม แต่เป็นเพราะนางรับศิษย์คนนี้มาแบบงง ๆ ต่างหาก…
ใครจะไปคิดว่า ศิษย์คนนี้แม้จะเป็นสายเลือดไร้ค่า แต่กลับแข็งแกร่งขนาดนี้!
“ผ่านการทดสอบแปดประตูแล้ว เหลือแค่การทดสอบขั้นสุดท้าย หากผ่านได้ ลู่เหรินอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงสายเลือดได้!”
ดวงตาของท่านผู้อาวุโสเมิ่งเชียนเป็นประกาย ในใจตื่นเต้นไม่น้อย
“การทดสอบขั้นสุดท้าย? หลายปีมานี้ยังไม่มีใครผ่านการทดสอบขั้นสุดท้ายได้ เขาก็ไม่มีทางทำได้!”
เซี่ยกวงสบถออกมาอย่างเย็นชา
“เอ๊ะ เจ้าหมอนั่นไม่ไปเข้าร่วมการทดสอบขั้นสุดท้าย ทำอะไรอยู่?”
เมื่อกู่อี้ฝานเห็นภาพตรงหน้าถึงกับอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ