ตอนที่ 50 รู้สึกเหมือนถูกดักไว้ทุกทาง
ฮั่วฉางคงเข้าใจดีว่า การที่สำนักสุริยันจันทราเสนอสันติภาพนั้น แท้จริงแล้วซ่อนแผนการใหญ่อยู่เบื้องหลัง! สำนักที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ใส่ใจแค่เพียงชื่อเสียงของตน หากสามารถรักษาไว้ได้ก็ถือว่าดีที่สุด แต่ถ้าเขาไม่รู้จักประมาณตน พวกเขาย่อมหาวิธีสังหารเขาเพื่อรักษาเกียรติ และเตือนให้โลกรู้ว่า สำนักสุริยันจันทราไม่ใช่สำนักที่ใครจะมาหาเรื่องได้ง่าย ๆ!
แต่...เขาจะกลัวงั้นหรือ? ฮ่า ๆ! ฮั่วฉางคงยสะบัดแขนเสื้อ พลังแห่งวิถีเต๋าทรงพลังปกคลุมพื้นที่นี้ ทำให้ยอดเขาที่เขายืนอยู่พลันหายไปจากสายตาคนภายนอก
เมื่อเสร็จสิ้น ฮั่วฉางคงหยิบก้อนหินสื่อสารออกมา เปิดการป้องกันอย่างระมัดระวังและส่งเสียงผ่านพลังที่แฝงไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครดักฟัง
“ลูกชาย? ลูกชาย? นี่พ่อเอง!”
“...”
“ลูกชาย? นี่พ่อเอง ได้ยินแล้วตอบด้วย!”
“...”
แปลกจริง ๆ หินสื่อสารที่ปกติจะตอบสนองทุกครั้ง ครั้งนี้กลับเงียบหายไป ไม่รู้ว่าทำไม
ฮั่วฉางคงมวดคิ้วแปลกใจ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หินสื่อสารที่อั่วฉางคงถืออยู่นั้นมีคุณสมบัติพิเศษ ไม่ว่าจะห่างกันเท่าใดตราบใดที่ยังอยู่ในดาวเป่ยโต่ว ก็ยังสามารถติดต่อกันได้ ระยะทางไม่ใช่ปัญหาเลย
“หรือว่าหยุนเฟยจะฝึกฝนอยู่?” ฮั่วฉางคงส่ายหัว “ไม่ใช่ น่าจะเข้าไปยังสถานที่พิเศษอะไรสักอย่าง เพราะหินสื่อสารนี้ไม่สามารถส่งผ่านพลังจิตไปถึงได้”
เขาจึงล้มเลิกความพยายามติดต่อกับฮั่วหยุนเฟย และหันไปจากที่นั่น
...
ในเขตแดนแห่งกาลเวลา
หลังจากแช่อยู่ในน้ำแห่งสายน้ำสวรรค์มาหนึ่งวัน ฮั่วหยุนเฟยเริ่มรู้สึกถึงพลังอันน่าอัศจรรย์ของสายน้ำนี้ เขาได้เปิดประตูสู่โลกของเขาในเขตแดนแห่งกาลเวลาเป็นครั้งแรก เพื่อจะใช้เวลาฝึกฝนในนั้น
เวลาภายนอกเพียงหนึ่งวัน แต่ภายในเขตแดนนี้สามสิบวัน!
ในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแผ่นคำสั่งลอยอยู่ แต่ถ้าใครเข้ามาในถ้ำนี้และไม่สำรวจให้ละเอียด ก็แทบจะมองไม่เห็นแผ่นคำสั่งนั้นเลย เพราะมันดูเหมือนอยู่ที่นั่น แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ในเขตของเวลา!
นี่คือกลไกการป้องกันของเขตแดนแห่งกาลเวลา เมื่อผู้ฝึกเข้าสู่โลกนั้น
ในเขตแดนแห่งกาลเวลา ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นเพียงโลกที่เต็มไปด้วยสีสันหลากหลาย ไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้
ไม่แปลกใจเลยที่ระบบเตือนว่า ถ้าฝึกฝนในนี้นานเกินไป อาจจะทำให้สูญเสียความทรงจำได้
ที่นี่มีเพียงสีสันสดใส ซึ่งเป็นภาระหนักสำหรับสายตา แม้ไม่มองนาน ๆ จิตใจก็จะเหนื่อยล้า พลังจิตจะถูกกฎแห่งกาลเวลารุกรานจนถูกลบเลือนความทรงจำ
ฮั่วหยุนเฟยในฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแห่งการซ่อนตัว ไม่มีทางกังวลเรื่องนี้เลย เขาฝึกฝนมาในเขตแดนแห่งกาลเวลาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้น ลุกขึ้นเดินออกมาเปลือยเปล่า มองร่างกายขาวสะอาดของตนเองและพยักหน้าด้วยความพอใจ
ไม่ผิดหวังจริง ๆ น้ำจากแม่น้ำเซียนทำให้แม้แต่เขาก็ได้รับประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่สภาพร่างกายที่สมบูรณ์แบบยังพัฒนาไปอีกขั้น เขายังได้เข้าใจหลักการแห่งพลังสามสายของวิถีเต๋าสวรรค์จากน้ำนี้อีกด้วย
สามสายพลังนี้แข็งแกร่งมาก ไม่ใช่สิ่งที่โลกมนุษย์จะมีได้ เมื่อใช้มันสามารถรวมการโจมตีและป้องกันในคราวเดียว ป้องกันตนเองและโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฮั่วหยุนเฟยชอบมาก โดยเฉพาะในด้านการป้องกันที่เข้าถึงใจเขาอย่างแท้จริง!
โครม! จู่ ๆ เขารู้สึกว่าระดับขั้นพลังของเขาเริ่มอ่อนตัวลง จนเขาควบคุมไม่อยู่และต้องการที่จะทะลวงระดับใหม่ทันที
แต่การทะลวงระดับใหญ่ต้องผ่านการเผชิญกับทัณฑ์สวรรค์!
“ดูท่าจะต้องออกไปข้างนอกเสียแล้ว!”
“ในสำนักจะเผชิญทัณฑ์สวรรค์คงอันตรายเกินไป”
ฮั่วหยุนเฟยออกจากเขตแดนแห่งกาลเวลา และทันทีที่ออกมา หินสื่อสารของเขาก็เริ่มส่องแสงไม่หยุด แจ้งว่ามีคนพยายามติดต่อเข้ามา
เขาหยิบหินสื่อสารขึ้นมา และได้ยินเสียงดังขึ้นจากภายในว่า
“ลูกชาย ลูกชาย นี่พ่อเอง!”
ฮั่วหยุนเฟยเลิกคิ้วสงสัยเมื่อพ่อของเขา ฮั่วฉางคง ติดต่อเข้ามา เขาใช้จิตสัมผัสเชื่อมต่อกับหินสื่อสารเพื่อคุยกับพ่อ ไม่นานนัก ฮั่วฉางคงก็ตอบกลับมา แต่เสียงของเขาดูเร่งรีบมาก
"ลูกพ่อ! รีบมาช่วยพ่อที! เดี๋ยวจะมีคนตายแล้ว!"
ฮั่วหยุนเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากอีกฝั่งของหินสื่อสาร ดูเหมือนว่าจะมีการต่อสู้ใหญ่เกิดขึ้นที่นั่น เสียงรบกวนหูอย่างหนัก คล้ายว่ามีผู้มีพลังระดับสูงกำลังประลองกันอยู่
“พ่อทำอะไรอยู่? ทำไมถึงมีเสียงดังขนาดนี้?” ฮั่วหยุนเฟยถาม
ฮั่วฉางคงตอบกลับอย่างเร่งด่วน “พ่อกำลังโดนไล่ล่าอยู่ เข้าใจไหม? พ่อกำลังโดนไล่ล่าจากผู้แข็งแกร่งระดับนักบุญ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮั่วหยุนเฟยกลับไม่รู้สึกตกใจนัก เขารู้ดีว่าพ่อของเขามีความสามารถมากแค่ไหน จึงพูดล้อเลียนว่า “ไม่ใช่ว่าพ่อซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วคนพวกนั้นหาไม่เจอจนโมโหหรอกเหรอ?”
“เอ่อ…” ฮั่วฉางคงเงียบไปสักครู่ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ “เจ้ารู้ทันพ่อจนได้!”
ฮั่วฉางคงเปลี่ยนเสียงเป็นผ่อนคลายทันที จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาหัวเราะและพูดว่า “เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกมันรอพ่ออยู่บนยอดเขาชิงหมิง แต่พอรู้ว่าพ่อไปยกเค้าสำนักสุริยันจันทรามาแทน พวกมันแทบจะบ้าตายเลยทีเดียว! ถึงจะมีอาวุโสครึ่งนักบุญคอยป้องกัน แต่พ่อก็มีฝีมือเกินพอ ทำให้พวกมันต้องถอยเข้ากำแพงค่ายกลป้องกันและรอรับมือ!”
“พอเจ้าสำนักสำนักกลับมาพร้อมกับอาวุธศาสตราจักรพรรดิพ่อก็ชิ่งหนีไปนานแล้ว!”
ฮั่วฉางคงหัวเราะเบาๆ “พวกมันโกรธจัด จึงไปขอความช่วยเหลือจากนักบุญระดับสูงคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะชื่อหลัวหนิง เป็นอดีตยอดฝีมือในดินแดนตะวันออก ตอนนี้ไล่ตามพ่ออยู่ แต่พ่อก็ซ่อนตัวได้ดี แถมยังมีสมบัติช่วยปกปิดตัวตนมากมาย เลยรอดจากการถูกตามล่ามาได้ทุกครั้ง!”
ฮั่วหยุนเฟยฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าพ่อของเขาไม่ใช่คนธรรมดา ฮั่วฉางคงมีความสามารถในการหลบซ่อนและมีสมบัติที่ช่วยป้องกันตัวมากมาย เขาพูดอย่างขำๆ “ทำไมพ่อถึงไม่ฆ่าหลัวหนิงล่ะ? พ่อแข็งแกร่งขนาดนั้น?”
ฮั่วหยุนเฟยรู้ว่านี่เป็นการล้อเล่น เพราะเขาเข้าใจดีว่าการฆ่านักบุญนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเขาไม่คิดว่าพ่อของเขาจะมีพลังถึงขนาดนั้น แม้จะออกจากสำนักไปนานถึงสามสิบปีแล้วก็ตาม
ฮั่วฉางคงหัวเราะอย่างไม่แยแส “ฆ่านักบุญจะทำให้เกิดกรรมใหญ่โต หลังจากนั้นสำนักสุริยันจันทราอาจจะใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาพ่อ ตอนนั้นพ่อคงหนีไม่พ้นและอาจจะถูกเปิดเผยตัวตนได้!”
ฮั่วหยุนเฟยยิ้มบางๆ คิดถึงแผนการเดินทางของตนเอง “ถ้าพ่อคิดว่าพอไหว ก็ฆ่ามันไปเลย ข้ากำลังจะออกเดินทาง ถ้าเกิดเรื่องกรรมขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
ฮั่วฉางคงเงียบไปครู่หนึ่ง ฮั่วหยุนเฟยสงสัย “เป็นอะไรไป?”
“ไม่มีอะไร พ่อแค่ลับอาวุธอยู่ ขัดจนเงาแวววับ เตรียมพร้อมจัดการกับใครบางคน!” ฮั่วฉางคงพูดจบก่อนจะตัดการเชื่อมต่อหินสื่อสาร ฮั่วหยุนเฟยได้ยินเสียงสุดท้ายของพ่อว่า “หลัวหนิง เจ้ายังไม่รู้สินะ ว่าข้ากำลังจะไปหาเจ้า!”
ฮั่วหยุนเฟยพึมพำกับตัวเอง “นี่พ่อข้าถึงกับจะสังหารนักบุญจริงๆ เหรอ? พ่ออายุเท่าไหร่กันแน่?”
เขารู้สึกว่าพ่อของเขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าที่คิด และอาจจะมีพลังถึงขั้นเป็นนักบุญไปแล้วก็ได้
“นี่มันเกินไปแล้ว! อาจารย์อาของข้าพวกนั้นคงต้องอับอายแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพ่อของข้าแกร่งขนาดนี้ พวกเขายังต้องฝึกฝนอีกยาวไกลกว่าจะตามทันพ่อ!”
ฮั่วหยุนเฟยพึมพำเบาๆ ขณะนึกถึงพ่อที่ดูเหมือนจะเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธระดับธรรมดา แต่ที่จริงแล้วกลับเป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในโลกนี้