ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 17 สืบค้น
ระบบหุ่นเชิดในตำนาน ตอนที่ 17 สืบค้น
รัศมีกดดันของมหาปราชญ์แผ่ซ่านลงมา ราวกับสรวงสวรรค์กำลังถล่มลงมา ใกล้ถึงกาลอวสาน
สิ่งมีชีวิตธรรมดา เพียงแค่สัมผัสก็ต้องสิ้นชีพ!
ต่อมา เมฆดำก็พลิกผัน ปกคลุมแสงสว่าง
ราวกับมารร้ายจุติ จักรพรรดิชั่วร้ายเสด็จมา!
ท่ามกลางความว่างเปล่าอันไพศาล ปรากฏร่างเงาอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา
บุรุษผู้นั้นมีรูปโฉมราวกับคนวัยกลางคน สวมชุดมังกรสีเขียว ปราณโลหิตพุ่งทะยาน ราวกับสุริยันอันเจิดจ้า รัศมีกดดันแผ่ไปทั่วสี่มหาสมุทร ไม่อาจมองตรง ๆ ได้
เขาคือผู้นำเผ่ามังกรเจียว
ตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวแห่งระดับมหาปราชญ์ขั้นเจ็ด!
เส้นทางการบำเพ็ญ ยิ่งก้าวไปข้างหน้า ยิ่งยากลำบาก นับแต่มหาปราชญ์เป็นต้นไป หนึ่งขั้นจะเปรียบดั่งหนึ่งสวรรค์ชั้นฟ้า
ส่วนขั้นย่อยแต่ละระดับก็เป็นดั่งชื่อ มีความแตกต่างอย่างมาก
เว้นแต่ว่าผู้ที่อยู่ในระดับต่ำกว่าจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือ เช่น อาวุธมหาปราชญ์ จึงจะสามารถพลิกผันความแตกต่างนี้ได้
นอกจากนั้น การต่อสู้ข้ามระดับยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถบรรลุถึงระดับมหาปราชญ์ได้ไหนเลยจะเป็นคนธรรมดา เมื่อครั้งยังเยาว์วัยต่างก็เป็นยอดอัจฉริยะผู้ยิ่งใหญ่ที่ปราบปรามทั่วทั้งแผ่นดิน
ในสถานการณ์เช่นนี้ การต่อสู้ข้ามระดับก็ไม่ต่างอะไรจากการฝันกลางวัน
แน่นอนว่านับตั้งแต่โบราณกาลมา ยอดอัจฉริยะผุดขึ้นดุจดอกเห็ด ผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้ก็มีอยู่บ้าง
แต่มีน้อยมาก นับเป็นเพียงกรณีพิเศษ
…
ในเวลานี้ บนความว่างเปล่า
ผู้นำเผ่ามังกรเจียว เจียวชางเทียน มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ดุร้าย และโศกเศร้า
“บุตรข้า กลับต้องมาจบชีวิตลงที่นี่!”
เรื่องนี้ทำให้เจียวชางเทียนไม่อาจยอมรับได้
เขาให้เจียวฮ่าวเทียนมาที่สุสานมังกรดำแห่งนี้ เดิมทีก็เพื่อให้ได้รับมรดกมังกรดำ เพื่ออนาคตที่สดใสยิ่งกว่า
แต่ไม่คาดคิดว่ากลับกลายเป็นสุสานของเจียวฮ่าวเทียนเสียเอง
เรื่องนี้เดิมทีไม่ควรมีปัญหาอันใด
ท้ายที่สุดแล้ว สุสานมังกรดำ เท่าที่เขารู้ ไม่มีกลไกหรืออันตรายใด ๆ
กล่าวได้ว่าการเดินทางมาครั้งนี้ของเจียวฮ่าวเทียน เป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีตัวตนระดับราชันปราชญ์เป็นผู้พิทักษ์มรรค
เจียวชางเทียนจึงไม่ต้องกังวลอันใด
อย่างไรก็ตาม โลกนี้ช่างยากจะคาดเดา
ในเวลานี้ เจียวชางเทียนโกรธจนถึงขีดสุด
ไม่เพียงแต่เพราะการตายของลูกหลาน แต่ยังเป็นเพราะความหวังในอนาคตของเผ่ามังกรเจียวถูกทำลาย
เพื่อฝึกฝนให้กลายเป็นมังกรเทพสายเลือดบริสุทธิ์ เพื่อเข้าร่วมกับเผ่ามังกรในอนาคต เผ่ามังกรเจียวใช้ทรัพยากรและจ่ายราคาไปมากมาย นับว่าได้ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับเจียวฮ่าวเทียน
ผลลัพธ์คือ ความหวังกลับต้องพังทลายลง!
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่การตายของลูกหลาน แต่ยังส่งผลกระทบต่อรากฐานของเผ่ามังกรเจียว!
“ผู้ใด!”
“ไม่เพียงแต่สังหารฮ่าวเทียน แต่ยังสังหารผู้พิทักษ์มรรค ตัวตนระดับราชันปราชญ์อีกด้วย!”
ดวงตาของเจียวชางเทียนแดงก่ำ
เขาต้องการตามหาสิ่งมีชีวิตที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อทำการสืบค้นวิญญาณ สืบหาความจริง
แต่น่าเสียดาย ป่าใหญ่แห่งนี้ถูกเปลวเพลิงของนาจาเผาผลาญจนหมดสิ้น สัตว์ร้ายนับหมื่นต่างก็กลายเป็นเถ้าถ่าน
ในรัศมีหมื่นลี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดชีวิต
เมื่อเห็นดังนั้น เจียวชางเทียนจึงต้องใช้วิชาลับของเผ่า
เผาผลาญปราณโลหิต ใช้สายเลือดของตนเองเป็นสื่อกลาง เรียกเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของราชันปราชญ์ที่แตกสลายและกระจัดกระจายอยู่ระหว่างฟ้าดินกลับมา
ส่วนของเจียวฮ่าวเทียน เขาไม่ได้เป็นถึงระดับปราชญ์ เมื่อตายแล้วก็ตายไปเลย แม้แต่เศษเสี้ยวดวงวิญญาณก็ไม่หลงเหลือ
ในเวลานี้ บนฝ่ามือของเจียวชางเทียน เศษเสี้ยวดวงวิญญาณอันเลือนรางหลายชิ้นกำลังนอนสงบนิ่งอยู่
เศษเสี้ยวดวงวิญญาณนั้นเปราะบางอย่างยิ่ง ไม่อาจทำการสืบค้นวิญญาณได้ ทำได้เพียงแค่สกัดข้อมูลบางส่วนออกมาเท่านั้น
ครู่ต่อมา เจียวชางเทียนบดขยี้เศษเสี้ยวดวงวิญญาณบนฝ่ามือของเขา
“วังสวรรค์!”
เขาพึมพำกับตัวเอง
ดูเหมือนจะสงบนิ่ง แต่จิตสังหารในดวงตาราวกับมหาสมุทร ทำให้ฟ้าดินแปรปรวน หิมะตกในเดือนหก ดูช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ในเวลานั้น นอกความว่างเปล่า ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามสนธยาปรากฏร่างเงาหลายสิบร่างเหยียบย่างอากาศมา
แต่ละร่างล้วนแผ่รัศมีกดดันอันยิ่งใหญ่ ผู้ที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในระดับปราชญ์ ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดบรรลุถึงระดับราชันปราชญ์ระยะสูงสุด
พวกเขาล้วนเป็นรากฐานของเผ่ามังกรเจียว!
ปราชญ์สิบคน ราชันปราชญ์ห้าคน!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น
เผ่าราชันสัตว์เทพที่สืบทอดมานับพันปี รากฐานที่แท้จริงเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้
“ท่านผู้นำเผ่าพบเบาะแสอันใดหรือไม่!”
“ผู้ใดสังหารบุตรมังกรและผู้อาวุโสแปด!”
“ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด กล้าท้าทายเผ่ามังกรเจียวจำเป็นต้องตาย!”
ยอดฝีมือเผ่ามังกรเจียวเหล่านี้ทำตัวกร่างมานาน ไม่อาจยอมให้ตนเองเสียเปรียบแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้บุตรมังกรที่พวกเขาฝากความหวังไว้และราชันปราชญ์หนึ่งคนถูกสังหาร พวกเขาไม่อาจทนได้!
“เป็นขุมอำนาจที่ชื่อว่าวังสวรรค์!”
เจียวชางเทียนกล่าวด้วยจิตสังหารเดือดดาล
“วังสวรรค์? ขุมอำนาจใดกัน เหตุใดไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
“สังหาร! ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจใดที่กล้าล่วงเกินเผ่ามังกรเจียวของเรา ต้องสังหารให้สิ้นซาก บดขยี้ให้แหลกละเอียด!”
“พวกเราจะสืบหาที่ตั้งของวังสวรรค์แห่งนี้ให้พบ ทำให้พวกเขาเลือดไหลนองแผ่นดิน จ่ายราคาอันแสนสาหัส!”
“ถูกต้อง ดูเหมือนว่าช่วงเวลาแห่งความสงบสุขนั้นยาวนานเกินไป จนทำให้พวกเขาลืมเลือนเกียรติยศของเผ่ามังกรเจียว!”
ยอดฝีมือเผ่ามังกรเจียวกว่าสิบคนรีบจากไป ใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อสืบหาที่ตั้งของวังสวรรค์แห่งนี้
จากนั้นจึงใช้วิธีการอันรุนแรงทำลายล้าง บอกให้โลกรู้ว่า เผ่ามังกรเจียวมิอาจล่วงเกิน!
เจียวชางเทียนมองไปยังที่ไกลโพ้น จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านไปทั่ว “วังสวรรค์ ต้องถูกทำลาย!”
………………
ต่างจากเผ่ามังกรเจียวที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
ที่วังสวรรค์ บรรยากาศกลับแตกต่างออกไป
บนลานกว้างขนาดใหญ่ ซากมังกรขนาดมหึมาถูกวางบนกองไฟ กลิ่นหอมอบอวลโชยขึ้นมา ทำให้ผู้คนน้ำลายสออยากลิ้มลอง
กู้ชิงเฟิง นาจา และเฟยเผิงนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังกินดื่มอย่างเอร็ดอร่อย
แน่นอนว่าดูเหมือนจะมีสามคน แต่แท้จริงแล้วมีเพียงคนเดียว
นาจาและเฟยเผิงล้วนถูกจี๋อวิ๋นควบคุมอยู่เบื้องหลัง
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นหุ่นเชิด แต่ไม่ใช่หุ่นเชิดธรรมดา มีเลือดเนื้อ นอกจากไม่มีวิญญาณแล้ว ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป
ดังนั้น ภายใต้การควบคุมของจี๋อวิ๋น การกินเนื้ออย่างเอร็ดอร่อยจึงไม่ใช่เรื่องยาก
“ไม่คาดคิดว่าชาตินี้ข้าจะได้ลิ้มลองเนื้อมังกรเจียวระดับราชันปราชญ์”
กู้ชิงเฟิงกล่าวอย่างตื่นเต้น จากนั้นก็กัดเนื้อก้อนใหญ่ เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
อืม อร่อยจริง ๆ
“เท่านี้หรือ โอกาสหน้าข้าจะไปล่ามังกรเทพมาสักสองสามตัว ทำเป็นอาหารมังกรเต็มโต๊ะ รับรองว่าเจ้าจะต้องตื่นตาตื่นใจ”
เสียงของนาจาดังขึ้นข้าง ๆ ทำให้กู้ชิงเฟิงตกใจ
หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของเผ่ามังกร คงต้องเกิดเรื่องใหญ่เป็นแน่
เผ่ามังกรเป็นถึงเผ่าจักรพรรดิสัตว์เทพ อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ตั้งอยู่บนจุดสูงสุด มองลงมายังสรรพสิ่ง
อย่าว่าแต่กินเนื้อมังกรเลย แม้แต่การเก็บเกล็ดมังกรไว้ หากถูกเผ่ามังกรพบเจอก็ต้องถูกสังหาร
ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!
แต่เมื่อนึกถึงวังสวรรค์ที่ลึกลับเกินหยั่งถึง กู้ชิงเฟิงก็รู้สึกโล่งใจ
เผ่ามังกรแม้จะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับขุมอำนาจโบราณอย่างวังสวรรค์ที่สืบทอดมาจากยุคอมตะแล้ว ยังคงด้อยกว่าอยู่มาก
“ใต้เท้านาจา ไม่ทราบว่าภายในวังสวรรค์ นอกจากยอดฝีมือเช่นท่านและผู้อาวุโสเฟยเผิงแล้ว ยังมียอดฝีมือคนอื่นอีกหรือไม่”
ขณะที่กำลังกินดื่มอย่างมีความสุข กู้ชิงเฟิงก็อดถามขึ้นไม่ได้
เขารู้สึกอยากรู้อยากเห็นวังสวรรค์แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนชายชราไป๋อวี่ที่อยู่ในจี้หยกก็ตั้งใจฟัง
เห็นได้ชัดว่า เขามีความสนใจอย่างมากในวังสวรรค์ หรืออาจกล่าวได้ว่าสนใจในเรื่องราวของยุคอมตะ
ท้ายที่สุดแล้ว ยุคสมัยนั้นถูกฝังไว้ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ทุกวันนี้ ข้อมูลเพียงเล็กน้อยที่หลงเหลืออยู่ ล้วนเป็นความลับอันน่าตกตะลึง