บทที่ 435: นี่มันเรื่องใหญ่! เปิดภูเขานอเทรอดาม?
หลังจากที่ฉินหลินขนย้ายเอาไม้หวงฮัวหลีกับไม้จันทน์แดงเลเวล 1 ออกมายังโลกจริงหมดแล้ว ผลคือในโกดังมีกองไม้ทั้งสองชนิดนี้สูงเป็นภูเขา
ไม้หวงฮัวหลี่เลเวล 1 หากไม่นับเป็นโบนัสคุณสมบัติของเกม เอาแค่ไม้ธรรมดาที่มีอายุของไม้เท่ากับไม้เลเวล 1 เพียงอย่างเดียวก็ขายได้จินละ 4,000 – 6,000 หยวนแล้ว
สำหรับของจากเกมนั้นหากตัดโบนัสคุณสมบัติออกไปล่ะก็ราคาอยู่ที่จุดพีกหรือก็คือจินละ 6,000 ล้วน ๆ ได้สบาย ๆ ไม่มีปัญหา
ไม้หวงฮัวหลี 1 ชิ้นมีน้ำหนักกว่า 40 จิน ดังนั้นไม้ชิ้นหนึ่งจึงมีราคากว่า 240,000 หยวน
กองไม้หวงฮัวหลีเลเวล 1 นี้ที่สูงเป็นภูเขาเลากาจึงเป็นกองไม้ที่ยากจะประเมินค่าเป็นตัวเงินไหว
นี่ยังไม่พูดถึงไม้จันทน์แดง
ราคาของไม้จันทน์แดงดูจะแพงกว่าไม้หวงฮัวหลีอีก
หลังจากที่ฉินหลินขนย้ายไม้ทั้งหมดออกมาแล้วเขาก็โทรหาจ้าวลี่หยวน (บทที่ 24) ให้นำขบวนรถมาขนไม้กลับอำเภอโหยวเฉิงให้
ด้วยการพัฒนาของบริษัทชิงหลินได้ทำให้บริษัทขนส่งหลาย ๆ บริษัทที่ทำสัญญากันได้พัฒนาขึ้นตามไปด้วย
ทีมของจ้าวลี่หยวนถือได้ว่าเติบโตเร็วสุดแล้ว
ในตอนแรกทีมของเขาคือเล็กสุดในบรรดาทุกทีม แต่เพราะฉินหลินมักขอให้เขามาช่วยขนของให้จึงทำให้เติ้งกวงดูแลทีมของเขาเป็นพิเศษ
จนตอนนี้ทีมของเขาใหญ่ที่สุดในบรรดาทุกทีมไปแล้ว แต่นั่นก็หมายความว่าทีมของเขาจะไม่มีวันนี้เลยหากปราศจากบริษัทชิงหลิน
เมื่อบริษัทชิงหลินยกเลิกสัญญาล่ะก็กองกำลังส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นอัมพาตและเขาจะถูกทิ้งให้ตายอย่างแน่นอน
ทันทีที่ฉินหลินโทรเรียก จ้าวลี่หยวนก็นำขบวนรถบึ่งตรงไปยังโกดังดังกล่าวที่เขตเมืองหมิงเลย
การที่ไม่ได้ทำงานให้ประธานฉินมานานแล้วทำให้เขากำลังเป็นกังวลอยู่พอดี
จ้าวลี่หยวนที่พาคนมาถึงก็ได้รีบเข้ามาทักทายฉินหลินทันทีที่ลงรถมาและถามว่า “ต้องการให้พวกผมขนอะไรให้เหรอครับประธานฉิน”
ฉินหลินพูด “ของอยู่ในโกดังน่ะ เวลาขนก็ช่วยระวัง ๆ หน่อยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ คนของผมไม่มีใครประมาท” จ้าวลี่หยวนรีบให้ความมั่นใจ จากนั้นก็พาคนเข้าไปดูในโกดังและเห็นกองไม้สูงอยู่ 2 กอง
พวกลูกน้องที่ลงจากขบวนรถมาก็รีบเข้าไปจะเคลื่อนย้ายไม้ ทว่าทันทีที่ทำก็พบกับความผิดปกติเข้า
“เฮ่ย! ไม้นี่โคตรหนักเลย! ไม้ธรรมดายังไม่หนักขนาดนี้เลยนะ!”
“ไม้หนักขนาดนี้แสดงว่าต้นแม่มันต้องไม่ใช่ธรรมดา”
“ก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้วสิ ดมกลิ่นดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ”
แน่นอนว่าจ้าวลี่หยวนต้องรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ธรรมดา เพราะของที่ประธานฉินให้ขนนั้นไม่เคยมีอะไรที่ธรรมดาเลยซักอย่างเดียว “มัวคุยไรกันอยู่ รีบ ๆ ขนมาเร็ว ๆ แล้วก็ทำให้เนี้ยบ ๆ ด้วยอย่าให้กระแทก ดูก็รู้ว่าไม้แพง”
พวกลูกน้องได้ยินก็ไม่กล้าหย่อนยานอีก ต่างคนต่างช่วยกันขนไม้ขึ้นรถกันอย่างเอาจริงเอาจัง
หลังจากที่ขนไม้ทั้งหมดขึ้นรถบรรทุกแล้วฉินหลินก็ได้ขับรถกลับไปที่อำเภอโหยวเฉิงพร้อม ๆ กับขบวนรถของจ้าวลี่หยวน
หลังจากที่ขนส่งไม้ทั้งหมดมาไว้ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ชิงหลินแล้วฉินหลินก็ได้โทรหาเฉินต้าเป่ยกับคนจากแผนกวิศวกรรมของบ้านไร่ให้มาช่วยขนไม้เข้าไปในคฤหาสน์
เนื่องจากบ้านไร่ชิงหลินมีการพัฒนาขึ้นทำให้ตอนนี้จึงมีแผนกวิศวกรรมเป็นของตัวเองแล้ว ซึ่งสามารถจัดการโครงการก่อสร้างบางส่วนของบ้านไร่เองได้
และแน่นอนว่าการสร้างศาลาและทางเดินไม้ที่จะทำนี้ก็จะให้ทางแผนกวิศวกรรมรับผิดชอบไป
ส่วนที่ให้เฉินต้าเป่ยมาด้วยนั้นก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เพราะสุดท้ายแล้วไม้พวกนี้คือไม้หวงฮัวหลีกับไม้จันทน์แดงเลยนี่นา
“ใช้ไม้พวกนี้สร้างศาลากับทางเดินไม้นี่ไม่เปลืองเกินไปหน่อยเหรอครับเถ้าแก่” เฉินต้าเป่ยอดถามไม่ได้
เขารู้ว่าไม้หวงฮัวหลีกับไม้จันทน์แดงคืออะไร ป้ายที่ทางเข้าบ้านไร่รวมถึงโต๊ะน้ำชาและโต๊ะทำงานในห้องทำงานของเถ้าแก่ก็ทำจากไม้พวกนี้
ในฐานะที่เป็นลูกน้องคนสนิทของเถ้าแก่ ในเมื่อเถ้าแก่ชอบของเหล่านี้เขาจึงต้องเรียนรู้ไปด้วยเป็นธรรมดา เขาได้อ่านหนังสือและหาข้อมูลของไม้เหล่านี้มาประดับสมองและรู้ราคาตลาดของพวกมันเรียบร้อยแล้ว
แล้วตอนนี้เถ้าแก่ได้ไม้ทั้งสองนี่มาเยอะขนาดนี้ใครเห็นใครก็รู้ว่าต้องหมดเงินไปมากจนเกินจินตนาการขนาดไหน
หากนักสะสมในประเทศที่ชื่นชอบไม้หวงฮัวหลีกับไม้จันทน์แดงรู้เข้าล่ะก็คงเป็นบ้าตายกันหมด
เพราะเหตุนี้เองเฉินต้าเป่ยจึงไม่กล้าหย่อนยานและได้จัดให้มีการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับไม้เหล่านี้แทบจะในทันที
แล้วคนจากแผนกวิศวกรรมก็ดำเนินการทันที ภายในสองชั่วโมงพวกเขาก็ส่งแบบที่ออกแบบมามากมายหลายแบบให้ฉินหลินดู
ศาลาและทางเดินไม้มีแบบให้เลือกใช้มากมายจริง ๆ และแบบที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้ก็เป็นสไตล์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในขณะนี้
แน่นอนว่าอย่างฉินหลินต้องเลือกการออกแบบในสไตล์ย้อนยุคและเรียบหรูอยู่แล้ว เพราะมันเป็นสไตล์ที่เขาชอบและเหมาะสมกับวิวทิวทัศน์ของคฤหาสน์มากที่สุด
............................................................................................
วันต่อมา
แผนกวิศวกรรมเริ่มทำงานกัน เขาได้จัดให้คนคอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลาโดยที่ตัวเองจะออกมาดูไซต์งานเป็นครั้งคราว
แผนกวิศวกรรมของบ้านไร่ทำงานกันอย่างมีประสิทธิภาพมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันทั้งศาลาและทางเดินไม้ก็เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ฉินหลินให้ความสนใจกับการก่อสร้างอยู่ตลอด ขณะนี้การก่อสร้างผ่านไปได้ครึ่งทางแล้ว จากที่เห็นส่วนที่เป็นรูปเป็นร่างแล้วบอกได้เลยว่าทั้งทางเดินไม้และศาลามันเข้ากันกับสภาพแวดล้อมของคฤหาสน์ได้เป็นอย่างดี
นี่ทำให้เขาถูกใจมาก ๆ
ขณะที่กำลังกลับห้องทำงานจู่ ๆ ก็มีสายเข้าจากเฉินเชิ่งเฟย
ฉินหลินรับสายและถามไปว่า “หวัดดีเฒ่าเฉิน ทำไมจู่ ๆ วันนี้ถึงโทรมาได้ล่ะ”
เสียงของเฉินเชิ่งเฟยดังจากปลายสาย “ฉันกะเฒ่าหม่ากะลังจะไปโหยวเฉิงน่ะสิ ช่วงนี้ไม่ได้ดื่มเหล้าดี ๆ เลยเปรี้ยวปากมาก ก็เลยลองโดนสุราชิงหลินไปสองขวด ตอนนี้เลยไม่เหลือแล้วน่ะสิ”
ฉินหลินเข้าใจทันที “งั้นก็พอดีเลย ฉันมีสุราชิงหลินเหลืออีกเพียบ เดี๋ยวเตรียมไว้ให้สองขวดนะ!”
ก่อนหน้านี้ได้เอาสุราชิงหลินที่ต้มจากข้าวหลวงเสียงสุ่ยเลเวล 2 ออกไปประมูลแล้ว 30 ขวด หลี่ชิงเอาไปอีกบางส่วน ทำให้สุราชิงหลินชุดนี้จากเดิมประมาณ 150 จินยังเหลืออยู่อีกประมาณ 100 ขวดในห้องใต้ดินของเขา
............................................................................................
อำเภอโหยวเฉิง
ในรถมายบัก
เฉินเชิ่งเฟยวางสายแล้วพูดกับหม่าเลี่ยเหวิน “บอกแล้วว่าฉินหลินต้องเหลือสุราชิงหลินซุกเอาไว้อยู่อีก”
หม่าเลี่ยเหวินยิ้มออกทันที เหล้าดี ๆ ย่อมทำให้คนมีความสุขได้
อย่างไรก็ตาม จริง ๆ แล้วทั้งคู่ไม่ได้ไปที่คฤหาสน์ชิงหลินเพื่อหาเหล้าดื่ม แต่เพื่อไปหาลูกเมียของตัวเองต่างหาก ส่วนเหล้านั่นมันผลพลอยได้
ลูกเมียต่างไปพักฟื้นอยู่ที่คฤหาสน์ชิงหลินมาได้ระยะหนึ่งแล้ว การที่ไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันเลยมันทำให้คิดถึงจนตอนนี้ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
มายบักวิ่งมาจอดที่ลานจอดรถของคฤหาสน์ชิงหลินอย่างเร็ว
หลังจากที่เฉินเชิ่งเฟยกับหม่าเลี่ยเหวินลงจากรถแล้วก็ได้บอกให้คนขับกลับไปก่อน
ครั้งนี้พวกเขาจะพักอยู่ซักสองสามวัน ซึ่งคนขับไม่สามารถพักอยู่ในคฤหาสน์ร่วมกับพวกเขาได้ เมื่อแจ้งอะไรกันเสร็จแล้วคนขับก็ได้ขับรถออกไป
เฉินเชิ่งเฟยกับหม่าเลี่ยเหวินคุ้นเคยกับคฤหาสน์ชิงหลินแล้ว หลังจากเข้าไปในพื้นที่ของคฤหาสน์แล้วก็ตรงไปยังตัวคฤหาสน์
ทั้งคู่ไม่ได้ตกใจกับสภาพแวดล้อมของคฤหาสน์แล้ว เพราะรู้และเตรียมใจที่จะเจอมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว
ทว่าเมื่อทั้งคู่เข้ามาเห็นศาลากับทางเดินไม้ที่กำลังก่อสร้างก็ต้องหันไปมอง
“ปรับปรุงอีกแล้วเหรอ” หม่าเลี่ยเหวินพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไปดูกัน!” เฉินเชิ่งเฟยพูดแล้วเดินไปดูด้วยกัน
ทิวทัศน์ของคฤหาสน์ชิงหลินนั้นสวยงามมากอยู่แล้ว ตามความเห็นของทั้งคู่คือไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรแล้ว
แต่ตอนนี้ที่ฉินหลินได้ให้คนมาแก้ แปลว่าหลังจากทำเสร็จแล้วมันต้องดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
หลังจากนี้อาจมีทางเข้าศาลาและทางเดินไม้นี้
“เฮ่ย กลิ่นนี่มัน...”
เฉินเชิ่งเฟยตกใจมาก เขาเพ่งมองศาลาไม้ด้วยใจเต้นระส่ำ “นี่ ๆ ๆ... นี่มัน...”
เฉินเชิ่งเฟยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น จากนั้นก็หันมองสลับไปมาระหว่าศาลากับทางเดินไม้ที่กำลังก่อสร้าง แล้วก็หันไปมองกองไม้ที่วางกองอยู่แล้วรีบนั่งยอง ๆ เอามือแตะดู
หม่าเลี่ยเหวินเห็นแบบนั้นก็งงเลยเข้าไปถาม “เป็นไรไปอะเฒ่าเฉิน”
เฉินเชิ่งเฟยพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “ไม้พวกนี้มันของจริง เป็นไม้หวงฮัวหลีกะไม้จันทน์แดง แถมยังเป็นไม้เก่าสภาพโคตรดีอีก”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศาลากับทางเดินไม้มันจะออกมาดีขนาดนี้ ฉินหลินก็โหดเกิ๊น คนภายนอกที่จะหาไม้โหดขนาดนี้มาได้เยอะขนาดนี้น่ะไม่มีหรอกนะ”
“ตอนที่ศาลากับทางเดินไม้นี่เสร็จมันต้องออกมาสุดยอดแน่ ๆ ถ้านักสะสมไม้ที่ชอบไม้พวกนี้มาเห็นล่ะก็คงเพ้อจนลืมกินข้าวเลยเชียวล่ะ”
“เวอร์ปานนั้นเลย?” หม่าเลี่ยเหวินสงสัย
เฉินเชิ่งเฟยพยักหน้ามั่นใจ
............................................................................................
ณ ขณะนี้
ในห้องทำงาน ฉินหลินกะจะลุกไปรับเฉินเชิงเฟยกับหม่าเลี่ยเหวิน
ทว่าขณะที่ฉันกำลังเปิดประตูห้องทำงานจู่ ๆ ก็มีแจ้งเตือนเด้งจากในเกม
[อัปเกรดตัวละคร! อัปเกรดแผนที่! เปิดภูเขานอเทรอดาม!]
“???” ฉินหลินตกตะลึงเมื่อได้ยินข้อความนี้
อัปเกรดตัวละครน่ะเข้าใจอยู่ เพราะว่าเจอมาบ่อยแล้ว
แต่การอัปเกรดแผนที่กับเปิดภูเขานอเทรอดามเนี่ยมันหมายความว่าไง
ภูเขานอเทรอดามมันก็เปิดตลอดไม่ใช่นิ? ก็ไปตัดไม้ หาของป่า ตักน้ำพุเทพธิดา ขุดเหมืองน้ำพุ ทั้งหมดก็ทำที่ภูเขานอเทรอดามหนิ