ตอนที่แล้วตอนที่ 14 แบบหัดคัดอักษร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 อาจารย์ซ่ง (2)

ตอนที่ 15 อาจารย์ซ่ง (1)


ตอนที่ 15 อาจารย์ซ่ง (1)

ความฉลาดของอวี้เฉินนั้นไหนเลยชิวซื่อจะไม่รู้ ทว่าเพื่อไม่ให้บั่นทอนความมั่นใจของอวี้ซี นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา "แบบหัดคัดอักษรที่พี่ชายรองหาให้เจ้าไม่เหมาะสม แล้วเจ้าอยากได้แบบใด"

อวี้ซีส่ายหัวแล้วบอก "ข้าไม่รู้"

ชิวซื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ "อาจารย์ซ่งเขียนอักษรบรรจงตัวเล็กได้งามนัก หากเจ้าอยากฝึกเขียนตัวอักษร ก็ควรหาอักษรบรรจงตัวเล็กมาฝึก" อวี้ซีเคยฝึกเขียนอักษรบรรจงตัวเล็กในชาติก่อน นางจึงไม่อยากเสียเวลาฝึกฝนซ้ำอีกแล้ว

ชิวซื่อเตือนเมื่อเห็นอวี้ซีไม่พูดอะไร "อวี้ซี เจ้ายังเด็ก อาจารย์ซ่งจะต้องทดสอบเจ้าอย่างแน่นอน ผ่านการทดสอบแล้วถึงจะรับเป็นลูกศิษย์ ถ้าเขียนหนังสือไม่ได้ท่านคงจะไม่รับเจ้า"

อวี้ซีเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ "แล้วทำอย่างไรดี" โอกาสนี้หายากยิ่ง นางไม่ต้องการพลาดไปโดยเด็ดขาด แต่จู่ๆ จะเขียนหนังสือได้ หรือเป็นอักษรบรรจงตัวเล็กที่อาจารย์ซ่งชอบ มันจะไม่แปลกไปหน่อยหรือ

ชิวซื่อหันไปถามแม่นมหลี่ "ที่นี่มีแบบหัดคัดอักษรอักษรบรรจงตัวเล็กไหม" มีของมากมายเหลือเกินจนนางจำไม่ได้เสียแล้ว

แม่นมหลี่ส่ายหน้าบอก "ไม่มีเจ้าค่ะ" ตระกูลชิวเป็นตระกูลแม่ทัพ ชายในสกุลต้องรู้จักการเขียนอ่านหนังสือ ส่วนสตรีนั้นหากอยากเรียนก็เรียน หากไม่อยากเรียนก็ไม่บังคับ ชิวซื่อไม่ชอบร่ำเรียน อ่านตำราไปสองสามเล่ม พอให้คำนวณบัญชีเป็นก็ขอรามือแล้ว

ชิวซื่อครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ย "ข้าจะหาให้เจ้า หาเจอแล้วเจ้าก็เริ่มฝึกเขียน" ชิวซื่อหวังให้อวี้ซีได้เรียนกับอาจารย์ซ่งเช่นกัน เด็กหญิงสูญเสียมารดาตั้งแต่เด็ก และบิดาก็ไม่รักใคร่ เกรงว่าในภายภาคหน้าจะพึ่งพาญาติมิตรได้ยาก หากได้รับการยอมรับจากอาจารย์ซ่ง ในอนาคตก็จะหาคู่ครองที่ดีได้ นางเองก็จะสบายใจขึ้นมาก

หลังอวี้ซีกลับไป ชิวซื่อก็สั่งด้วยสีหน้าบูดบึ้ง "แม่นมหลี่ ไปตามจื่ออีมาเดี๋ยวนี้" เมื่อครู่ได้ฟังเรื่องราวแล้วนางโกรธในใจแต่ไม่อยากให้อวี้ซีรู้ จึงแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

ด้านอวี้ซีกลับมาเรียนรู้ตัวอักษรกับแม่นมเซิน ทั้งคัมภีร์พื้นฐานและตำราสำหรับสตรี นางเรียนมาหมดแล้วในชาติก่อน ที่เรียนช้าก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนสงสัย

หลังงีบหลับในช่วงกลางวัน อวี้ซีก็หยิบตะกร้าอุปกรณ์มาปักผ้า หงซานเดินหน้าซีดเข้ามาในตอนนี้ มองอวี้ซีแล้วรายงาน "คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูบอกเรื่องแบบหัดคัดอักษรกับฮูหยินแล้วหรือ"

อวี้ซีกระพริบตา "ใช่แล้ว ทำไมหรือ"

หงซานแทบหลั่งน้ำตา "คุณหนู ฮูหยินจะไล่จื่ออีออกแล้วเจ้าค่ะ"

แม่นมเซินที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้าจึงถาม "เกิดอะไรขึ้น" จื่ออีเป็นสาวใช้คนสนิทของซื่อจื่อ เกี่ยวข้องกับคุณหนูของตนได้อย่างไร

อวี้ซีเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ แล้วเอ่ยกับหงซาน "ข้าก็ไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนี้ข้าเจอฮูหยินใหญ่เลยเผลอพูดไป" เด็กอายุสี่ขวบที่เจ้าเล่ห์มากเกินไปจะทำให้คนระแวงได้ อวี้ซีจึงไม่ยอมรับว่าตนจงใจพูดออกไป

ทว่าแม่นมเซินกลับบอก "คุณหนูทำถูกแล้ว เรื่องนี้ควรบอกฮูหยิน จื่ออีคนนี้บังอาจนัก ปล่อยไว้ก็เป็นภัย" กล้าพูดจาเรื่องราวที่ไม่สมควรพูดของนายน้อยรอง สาวใช้เช่นนี้ หากไม่ไล่ออก ในอนาคตก็ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก

หงซานไม่กล้าปริปากพูด

อวี้ซีแสร้งกล่าวอย่างกังวลใจสียเหลือเกิน "แม่นมเซิน ข้ากลัวท่านย่าจะตำหนิข้า" สาวใช้ทั้งสี่ของซื่อจื่อล้วนเป็นคนที่ท่านย่ามอบให้ บัดนี้นางทำให้สาวใช้คนนี้ถูกขับไล่ ท่านย่าต้องไม่พอใจแน่

หญิงชรายิ้มบอก "คุณหนูไม่ต้องกังวล จื่ออีไม่ใช่สาวใช้ที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งมา จื่อชิงจะแต่งงานปลายปีจึงถูกปลดออกไป จื่ออีเป็นผู้มาแทนจื่อชิง"

อวี้ซีบอกเรื่องนี้กับชิวซื่อได้ย่อมไม่คิดกลัวการแก้แค้นใดๆ ถึงกระนั้นก็ยังมองหงซานอย่างพินิจ ช่วงนี้นางรู้สึกว่าอีกฝ่ายเฉลียวฉลาด เจ้าตัวกลับกระทำการเรื่องนี้อย่างโง่เขลา หากเดาไม่ผิด หงซานคงตั้งใจทำเช่นนี้ ส่วนเหตุผลจะเป็นอย่างไรยังไม่อาจรู้ได้ อวี้ซีถาม "หงซาน จื่ออีมีความสัมพันธ์อย่างไรกับเจ้า"

หงซานเห็นสีหน้าไม่พอใจของอวี้ซีก็ใจเต้นระรัว ค้อมศีรษะงุดอย่างนอบน้อมขณะบอก "คุณหนู จื่ออีเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้า"

แม่นมเซินพูดต่อหน้าอวี้ซี "ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าน่าจะถูกคนอื่นหลอกใช้" ได้ยินมาว่าซื่อจื่อโปรดปรานจื่ออีมาก สาวใช้คนอื่นคงอิจฉาถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ ทว่ามันก็หาใช่เรื่องที่นางจะมาใส่ใจกับเหล่าสาวใช้ข้างกายซื่อจื่อ

สีหน้าหงซานซีดเผือดลง

อวี้ซีรู้สึกว่าจื่ออีโง่มาก พูดเรื่องไม่ดีของเจ้านายตัวเองไม่นับว่าซื่อบื้อหรือ แม้ไม่มีเรื่องนี้เจ้าตัวก็ต้องถูกไล่ออกอยู่ดี

วันรุ่งขึ้นเด็กหญิงไปไหว้ท่านย่า หญิงสูงวัยมอบกำไลหยกสลักรูปแกะตัวเมียสองตัวแก่นาง และยังใหแบบหัดคัดอักษรบรรจงตัวเล็กอีกด้วย

ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย "เจ้าทำได้ดีมาก"

อวี้ซีรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร นางรับของขวัญด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่าทางนั้นทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าพอใจในตัวแม่นมเซินมากขึ้นสองส่วน แต่ก็ยังรู้สึกว่าอวี้ซีเห็นแก่เงินเกินไป คุณหนูในตระกูลนางไม่ควรตื้นเขินเช่นนี้

ทว่าเมื่ออวี้ซีกลับไปที่เรือนเฉียงเวยและอยู่คนเดียวในห้อง สีหน้าของนางก็ซับซ้อนขึ้นมาก จากความหมายของตัวอักษรนี้ นางเข้าใจได้ว่าท่านย่าจะรู้ทุกความเคลื่อนไหวของนาง หมายความว่าไม่ว่านางจะทำอะไร พูดอะไร ก็ล้วนอยู่ในสายตาของท่านย่า ไม่มีสิ่งใดเป็นความลับ

นางรู้สึกโชคดีที่นอกจากจะแสดงความสามารถโดดเด่นด้านการปักผ้าแล้ว ในด้านอื่นๆ นางก็ยังอยู่ในมาตรฐานไม่ต่างจากเด็กอายุสี่ขวบปกติ ไม่เช่นนั้นคงทำให้ผู้เป็นย่าสงสัยไปนานแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้อวี้ซียิ่งระมัดระวังมากขึ้นในภายหลัง

ชีวิตหลังจากนี้ของอวี้ซีลำบากขึ้น เดิมทีต้องตื่นนอนตอนเที่ยง แต่แม่นมเซินกลับพูดอยู่ข้างหูว่าอวี้เฉินตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ กล่อมกระตุ้นว่าอวี้เฉินศึกษาสุภาษิตสอนหญิงจบแล้ว ตอนนี้กำลังเรียนวาดภาพและดีดฉิน ทำให้อวี้ซีต้องลุกขึ้นมาฝึกเขียนตัวอักษรอย่างช่วยไม่ได้ ถึงกระนั้นอวี้ซีก็เต็มใจทำแค่สามอย่าง คือเรียนรู้ตัวอักษร ฝึกเขียนตัวอักษร และปักผ้า ส่วนอย่างอื่นนั้นเอาแต่อิดออด เช่น ถ้าให้เรียนฉินก็จะไม่ยอมเด็ดขาด บังคับมากไปก็จะบอกว่าปวดหัว

ล้อเล่นหรืออย่างไรกัน นางจะเทียบกับอวี้เฉินได้อย่างไร นางใช้ชีวิตมาสองชาติแล้ว เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็วมาก แต่ก็ยังเทียบกับปีศาจอย่างอวี้เฉินไม่ติด หากให้เทียบกับอวี้เฉิน คงไม่พ้นสูญเสียความเป็นตัวเอง

แม่นมเซินเห็นว่าพร่ำบ่นมาครึ่งเดือนแล้วก็ยังไร้ผลจึงยอมแพ้ไปในที่สุด

พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยไปเดือนกว่า วันนี้เป็นวันที่อาจารย์ซ่งจะมาที่จวน

หลังอวี้ซีท่องตำราและฝึกเขียนตัวอักษรจบเช้านี้ นางรออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่เห็นโม่เถามาจึงถาม "ไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอาหารเช้ายังไม่มา"

ผ่านไปครึ่งก้านธูป โม่เถาก็ถือกล่องอาหารกลับมาด้วยสีหน้าโกรธจัดก่อนรายงาน "คุณหนูเจ้าคะ โจ๊กข้นถูกอวิ๋นโป สาวใช้ของคุณหนูรองแย่งไป บอกว่าคุณหนูรองอยากกิน" โจ๊กข้นมีสรรพคุณบำรุงอวัยวะภายใน บำรุงเลือดลม บำรุงเส้นผม ร่างกายของอวี้ซีอ่อนแอ กินโจ๊กนี้ก็เพื่อฟื้นฟูร่างกาย

อวี้ซีเอ่ยทั้งไม่เปลี่ยนสีหน้า "ข้าหิวแล้ว เอาอาหารมาวางเถิด" ไม่ใช่ว่านางใจกว้าง แต่เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษ หากเกิดเรื่องขึ้นนางคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

พูดถึงหรงอี๋เหนียงก็ต้องบอกว่านางมีความสามารถสูงส่งนัก ทั้งที่ถูกท่านย่ากักบริเวณในเรือนอีหราน แต่ก็ยังสามารถใช้อวี้จิ้งเรียกร้องความสนใจของนายท่านกงกั๋วกลับมาได้ครึ่งหนึ่ง เหตุที่เรียกว่าครึ่งหนึ่งก็เพราะเหลียนอี๋เหนียงเป็นที่โปรดปรานของเขาเช่นกัน ถึงอย่างนั้นอวี้ซีก็ยังชื่นชมในกลยุทธ์ของหรงอี๋เหนียง แน่นอนว่าเหลียนอี๋เหนียงย่อมไม่น้อยหน้า ต้องรู้ว่าอนุที่ฮูหยินใหญ่หาให้สามีก่อนหน้านี้ ไม่มีใครสู้หรงอี๋เหนียงได้ มารดาแท้ๆ ของอวี้หรูยังตายเพราะหรงอี๋เหนียง ต้องบอกว่าคนที่เก่งที่สุดในจวนไม่พ้นท่านย่า

อวี้ซีเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังกินมื้อเช้าเสร็จ ก่อนไปที่ห้องโถง เมื่อไปถึงทุกคนก็มากันหมดแล้ว

เมื่ออวี้จิ้งเห็นอวี้ซีก็แกล้งทำเป็นประหลาดใจ "น้องสี่ อายุแค่สี่ขวบเอง จะเรียนกับพวกเราด้วยหรือ"

อวี้ซีไม่พอใจอวี้จิ้งเต็มที เรื่องที่นางจะเรียนกับอาจารย์ซ่งนั้น ทั้งจวนไม่มีใครไม่รู้ อวี้จิ้งพูดแบบนี้ก็เหมือนกับรู้ทั้งรู้แต่ก็ยังถาม "ใช่ อาจารย์ซ่งเป็นอาจารย์หญิงที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง ได้เรียนรู้จากอาจารย์ซ่งสักเล็กน้อยข้าก็พอใจแล้ว"

อวี้จิ้งหัวเราะเยาะ คิดจะเรียนรู้จากอาจารย์ซ่งเพียงเล็กน้อยอย่างนั้นหรือ ไม่ต้องพูดถึงว่าอาจารย์ซ่งจะรับเป็นศิษย์หรือไม่ ต่อให้ยอมรับก็คงอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน

ฮูหยินผู้เฒ่าแค่หันไปมองอวี้จิ้ง เด็กหญิงก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก อวี้จิ้งกลัวท่านย่ามากที่สุด เนื่องจากทุกครั้งที่ทำผิดก็มักถูกหญิงชราขังไว้ในโถงพระเพื่อคัดลอกตำรา

อวี้ซีรู้มานานแล้วว่าย่าของตนไม่ชอบอวี้จิ้ง เพียงแต่เจ้าตัวโชคดีที่มีบิดารักใคร่ ถึงได้สามารถหยิ่งผยองในจวน ไม่มีใครกล้ารังแก

ชิวซื่อเหมือนไม่เห็นความขัดแย้งเมื่อครู่ ยิ้มบอกกับฮูหยินผู้เฒ่า "ท่านแม่ จัดเตรียมเรือนหยู่หลานไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยังไม่ได้เลือกสาวใช้ ข้าคิดว่าให้อาจารย์ซ่งเลือกสาวใช้เองดีกว่า" นางเตรียมสาวใช้ไว้หลายคน แต่ไม่รู้ว่าอาจารย์ซ่งชอบแบบไหนจึงไม่อยากตัดสินใจเอง การทำเช่นนี้ยังเป็นการแสดงความเคารพต่ออาจารย์ซ่งด้วย

ฮูหยินผู้เฒ่าเชื่อใจในความสามารถในการจัดการของชิวซื่อมาโดยตลอด "ดี เจ้าคิดถูกแล้ว" หากส่งสาวใช้ไปโดยพลการ อีกฝ่ายอาจคิดว่าเป็นการสอดแนมความเป็นส่วนตัวได้

เวลาเที่ยง ในที่สุดอาจารย์ซ่งที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นางเดินเข้ามาคำนับฮูหยินผู้เฒ่า

วันนี้อาจารย์ซ่งสวมเสื้อคลุมสีเขียวมรกต ปักลายผีเสื้อสีทอง กระโปรงชั้นในสีน้ำตาล ผมดำเกล้ามัดมวยกลม สวมปิ่นปักผมรูปคู่มงคลฝังตาแมว อาภรณ์เช่นนี้ทำให้ดูแก่เกินวัย

อวี้ซีเคยพบอาจารย์ซ่งสองสามครั้งในชาติก่อน ทุกครั้งที่เห็นก็มักรู้สึกกลัว แต่ตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแต่อย่างใด

ฮูหยินผู้เฒ่าพูดคุยกับอาจารย์ซ่งสองสามประโยค แล้วก็แนะนำคุณหนูทั้งสี่ให้อาจารย์ซ่งรู้จัก

อาจารย์ซ่งเพียงเหลือบมองอวี้หรูกับอวี้จิ้ง ก่อนหันไปสนใจอวี้เฉิน เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวถึงอวี้ซี นางก็ส่ายหัวก่อนท้วง "ฮูหยินผู้เฒ่า คุณหนูสี่อายุน้อยเกินไป เรียนไม่ไหว"

อวี้ซีลุกขึ้นบอก "อาจารย์ ข้าขอร้องท่านย่ากับท่านป้า ทั้งสองขัดขืนไม่ได้จึงยอมตามใจ อาจารย์ ข้าอยากร่ำเรียนกับอาจารย์จริงๆ" ก่อนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ "อาจารย์วางใจได้ ข้าจะไม่ถ่วงความก้าวหน้าของพี่สาวทั้งสามอย่างแน่นอน"

ก่อนอาจารย์ซ่งจะมา นางได้สืบหาข้อมูลของจวนกั๋วกงมาอย่างถ่องแท้แล้ว รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณหนูทั้งสี่ของจวน เพียงแต่ข้อมูลที่อาจารย์ซ่งรู้มาเป็นเรื่องราวก่อนอวี้ซีจะป่วย บัดนี้นางรู้สึกว่าเด็กสาวแตกต่างจากข่าวที่ทราบมา ถึงกระนั้นอาจารย์ซ่งก็ยังส่ายหัวและบอก "เจ้าอายุน้อยเกินไป" หญิงสาวอายุสิบกว่าปีล้วนทนวิธีการสอนของนางไม่ได้ นับประสาอะไรกับเด็กอายุสี่ขวบกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด