ตอนที่แล้วตอนที่ 13 : ตัวที่สอง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15 : เป็นแก!

ตอนที่ 14 : แกก็เป็นภัยพิบัติ


เสื้อคลุมงิ้วตัวนี้ จริงๆ แล้วเป็นของเฉินเยี่ยน

นับตั้งแต่คณะละครที่ทั้งเล็กทั้งโทรมมาเยือนเขตสาม เมื่อแปดปีที่แล้ว พวกเขาจัดเวทีเล็กๆ ในป่าและร้องเพลงสองสามบท เวลานั้นเฉินเยี่ยนซึ่งอายุเพียงเจ็ดขวบก็เริ่มหมกมุ่นกับมัน

ในโลกนี้วัฒนธรรมการละครไม่เป็นที่นิยม คณะละครทำงานหนักเป็นเวลาสองวันเพื่อจัดเวที แต่เมื่อถึงเวลาแสดงมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้นที่มาดู...

ตอนนั้นสองพี่น้องเล่นอยู่ในป่าจึงถูกดึงดูดความสนใจชั่วขณะ มีผู้ชมที่เป็นขอทาน พวกเขามาเพื่อขออาหารจากคณะละคร...และอีกคนหนึ่งเป็นอาจารย์จากเขตสองที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เขาชื่นชอบวัฒนธรรมการละคร

ในบรรดาห้าคน มีเพียงเฉินเยี่ยนและอาจารย์จากเขตสองที่ดูละครอย่างตั้งใจจนกระทั่งจบการแสดง ส่วนเฉินหลิงผล็อยหลับไปตอนการแสดงดำเนินมาครึ่งเรื่อง ด้านขอทานเมื่อถึงช่วงนักแสดงพักเบรก พวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปเพื่อขออาหาร แล้วถูกนักแสดงบนเวทีทุบตีและด่าสาปแช่งก่อนวิ่งหนีไป

ตอนนั้นเองเฉินหลิงก็ได้เห็นดวงตาที่เป็นประกายวิบวับของน้องชาย ขณะที่สายตาจ้องมองการแสดงบนเวที

หลังจากวันนั้นหนึ่งวัน เฉินเยี่ยนเริ่มศึกษาการแสดงด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าเขาไปหาหนังสือสองเล่มนั้นมาจากไหน

ทุกวันในตอนเช้าตรู่ เขาจะฝึกการร้องและเลียนแบบท่าทางการแสดง หรือแม้กระทั่งเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อย เย็บเครื่องแต่งกายด้วยตัวเอง

เสื้อผ้าที่เฉินหลิงสวมนั้นมันถูกเย็บโดยเฉินเยี่ยน มีดอกไม้สีฟ้าเล็กๆ ตรงมุมเสื้อผ้า

“นี่ ฉันจะคืนให้นาย”

เฉินหลิงซักเสื้อคลุมงิ้วเสร็จแล้วส่งให้เฉินเยี่ยน เขามองเงาสะท้อนในน้ำและเห็นว่าบาดแผลและคราบเลือดหายไปแล้ว

พวกเขาทั้งสองเดินตามทางอย่างระมัดระวังจนกระทั่งไปยังถนนหานซวง สายตาทั้งคู่มองไปทางบ้านตนเอง

สิ่งที่พวกเขาเห็นคือ ประตูบ้านพังและบริเวณโดยรอบถูกปิดล้อม ผู้คุมกฎหลายคนในเครื่องแบบสีดำแดง พวกเขาหามเปลสองเปลที่มีศพคลุมผ้าขาวเดินผ่านไป

“สถานการณ์เป็นยังไง”

“หมดหวังแล้ว” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งมองดูผ้าขาวด้วยความเสียใจ “พี่เหมิงทั้งสองคือคนที่รับคำสั่งให้ติดตามสามีภรรยาในบ้านหลังนี้ พวกเขาน่าจะพบสิ่งน่าสงสัยเลยบุกเข้าไป และต่อสู้กับภัยพิบัติจนเสียชีวิต”

"แล้วสามีภรรยาคู่นั้นล่ะ ตายหรือยัง?"  เขาเดินออกจากห้องไป ดวงตาเหม่อลอย ใบหน้าซีดเซียวราวกับว่าเขาสูญเสียวิญญาณไป

“พวกเขารอดชีวิตมาได้” “

"ไม่ใช่ว่าพวกเขาเป็นคนแรกๆ ที่ถูกโจมตีเหรอ ทำไมถึงรอดมาได้?"

"ผมสันนิษฐานว่า แม้พวกเขาเป็นคนแรกๆ ที่ถูกภัยพิบัติโจมตี แต่พวกเขาไม่ได้ต่อต้าน ส่วนเจ้าหน้าที่สองที่บุกเข้าไป พวกเขาชักปืนออกมายิง ดังนั้นจึงทำให้ภัยพิบัติโกรธและฆ่าพวกเขา..."

"ที่นายพูดก็คือ ภัยพิบัติกำลังเล่นกับพวกเขา?"

"ใช่ นั่นคือสิ่งที่ผมจะบอก"

"แล้วมีเบาะแสอื่นอีกมั้ย?"

"แทบไม่มีเลย... ความสามารถของภัยพิบัติตัวนี้แปลกมาก มันฉีกบ้านทั้งหลังออกจากกัน โดยไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้เลย เราไม่สามารถระบุได้เลยว่ามันบุกเข้ามาจากทางไหน"

"ถนนหานซวงใหญ่มาก แต่มันเลือกบุกเข้ามาหลังนี้ มันบังเอิญไปหรือเปล่า?"

"พูดยาก เดิมทีถนนหานซวงก็อยู่ขอบนอกสุดของเขตสาม ด้านหลังถนนเป็นเนินเขา ถัดจากนั้นคือหลุมศพขนาดใหญ่ซึ่งเป็นจุดตัดของโลกสีเทา ถัดจากเขตสอง...ในส่วนเส้นทาง ถ้ามันหลุดออกมาจากโลกสีเทา อันดับแรกที่มันจะฆ่าคือคนในเขตสอง จากนั้นก็หนีไปที่ภูเขาด้านหลังถนนหานซวง"

"และจากนั้นก็มีพื้นที่เขตสอง...ในแง่ของเส้นทาง หากภัยพิบัติหลุดออกมาจากโลกสีเทา อันดับแรกมันต้องไปที่พื้นที่เขตสองเพื่อฆ่าคน จากนั้นจึงหลบหนีไปที่ภูเขาด้านหลัง แล้วไปที่ถนนหานซวง นี่ก็ดูจะสมเหตุสมผล"

“สถานที่เกิดเหตุในเขตสองก็อยู่ใกล้ภูเขาด้านหลังด้วย?”

“ใช่แล้วครับ สถานที่เหล่านี้อยู่ไม่ไกลกันมาก และทั้งหมดก็อยู่ในแนวเดียวกัน” เจ้าหน้าที่พยักหน้าเล็กน้อย

ขณะที่พวกเขาทั้งสองกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง พลันเกิดเสียงคำรามอันแหลมคมดังมาจากไม่ไกล

“ภัยพิบัติ!! ภัยพิบัติ!!!”

จู่ๆ หลี่ซิ่วชุนที่นิ่งเงียบข้างๆ ผู้คุมกฎก็ผงะล้มถอยหนี สายตาจับบางสิ่งนิ่ง ราวกับเธอเห็นบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว "อย่าทำร้ายฉัน !! อย่าทำร้ายฉัน!!!"

ขณะที่เธอก้าวถอยหลังก็ชนเข้ากับเฉินถาน เมื่อเฉินถานเงยหน้าสายตาเขาจ้องบางสิ่ง ม่านตาหดลงทันที เขางอตัวมือทั้งสองกุมศีรษะ พึมพำบางอย่าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว

ผู้คุมกฎหลายคนที่อยู่ด้านข้างมองหน้ากันด้วยสีหน้าสิ้นหวัง... พวกเขาไม่แปลกใจกับสิ่งนี้มากนัก พวกเขามัดสองสามีภรรยาด้วยเชือกอย่างชำนาญพร้อมกับยัดผ้าขาวเข้าปากเพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนคนอื่น จากนั้นตรงไปยังสำนักงานใหญ่ในเขตสาม

เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินหลิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หมอหลินเคยพูดว่า ในบรรดาผู้รอดชีวิตเคยเผชิญกับจุดตัดของโลกสีเทาหรือจากการโจมตีของภัยพิบัติ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคทางจิต และส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาการนี้จะปรากฏในหลี่ซิ่วชุนกับเฉินถานเช่นเดียวกัน

สำหรับเฉินหลิงนี่ถือเป็นโชคดี เพราะมีเพียงสี่คนเท่านั้นที่เห็นเขากลายเป็นภัยพิบัติ ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้คุมกฎสองคนนั้นก็ถูก "ผู้ชม" ฆ่า หากหลี่ซิ่วชุนกับเฉินถานพูดทุกอย่างออกมาจริง มันจะเป็นเขาเองที่ถูกจับกุม

โชคดีที่ตอนนี้ทั้งสองคนนี้สติแตกไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้ว ตัวตนของเขาจึงไม่ถูกเปิดเผย เขายังสามารถเดินบนถนนอย่างเปิดเผยในฐานะเฉินหลิงได้

แน่นอน มันต้องอยู่ในเงื่อนไขว่าพวกผู้คุมกฎ จะไม่พบความจริงในภายหลัง

“ยังไม่ปลอดภัย...วิธีที่ดีคือขัดขวางการสืบสวนของพวกเขา…” เฉินหลิงไม่ชอบเสี่ยง และยิ่งไม่ชอบให้ชะตากรรมของเขาตกอยู่ในกำมือของคนอื่น สมองของเขากำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อคิดหาวิธีที่ปลอดภัยที่สุด

ขณะนั้น ร่างหนึ่งพุ่งมาหาเขา!

“พ่อ! แม่!”

เฉินเยี่ยนตะโกนลั่นและวิ่งไปหาสองสามีภรรยาที่ถูกพาตัวไป ใบหน้าเล็กๆ ซีดเซียวของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล

เฉินเยี่ยนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเป็นเพียงเด็กชายอายุสิบห้าปี ตอนนี้เมื่อเขาเห็นพ่อแม่ของเขาถูกนำออกจากซากปรักหักพัง ก็ไม่ต่างอะไรกับท้องฟ้าถล่มลงมา

เฉินหลิงหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาอยากจะรั้งเฉินเยี่ยนไว้โดยไม่รู้ตัว แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็รีบเดินตามหลังเฉินเยี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขายังเรียกพ่อแม่ของเขาด้วย

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของสองพี่น้องแซ่เฉิน ผู้คุมกฎทุกคนหันกลับมาพร้อมกัน มองไปยังเด็กชายสองคนที่วิ่งมาอย่างเร่งรีบ จากนั้นพวกเขาก็ก้มหน้าลงเพื่ออ่านข้อมูล

“สามีภรรยาคู่นี้มีลูกสองคน คนหนึ่งอายุ 18 ปี และอีกคนหนึ่งอายุ 15 ปี”

“เมื่อกี้ไม่พบศพในบ้าน ฉันกำลังจะไปขอให้ตามหาพวกเขา แต่ไม่ได้ คาดหวังว่าพวกเขาจะปรากฏตัวออกมาเอง...”

"เฮ้อ เด็กที่น่าสงสาร"

"...."

เจ้าหน้าที่หลายคนกระซิบ

เฉินเยี่ยนรีบไปหาหลี่ซิ่วชุน และกำลังเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ขณะนั้นม่านตาหลี่ซิ่วชุนหดตัวลงอย่างรุนแรง เธอคายผ้าขาวออก ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอเอาแต่จ้องมองไปข้างหน้าแล้วตะโกนขึ้น

"ภัยพิบัติ!! แกก็เป็นภัยพิบัติ!! แกจะฆ่าฉัน?"

เฉินเยี่ยนยืนนิ่งอยู่กับที่

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด